กล้องถ่ายภาพ (Action Camera) | วันที่ : 17 กุมภาพันธ์ 2559
บมจ.เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) (SIS) ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไอทีรายใหญ่ในประเทศไทย ผนึกกำลังกับ บิทดีเฟนเดอร์ (Bitdefender) ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นระบบรักษาความปลอดภัย จากประเทศโรมาเนีย ประกาศความพร้อมรุกตลาดซอฟต์แวร์ระบบรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร เจาะกลุ่มลูกค้าทุกระดับ ตั้งแต่กลุ่มผู้ใช้ทั่วไป ธุรกิจขนาดย่อม และองค์กรขนาดใหญ่
ทั้งนี้ บิทดีเฟนเดอร์ ได้แต่งตั้ง เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) เป็นตัวแทนจำหน่ายรายเดียวในประเทศไทย พร้อมเปิดตัวโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด Bitdefender 2016 และ Bitdefender Gravity Zone ในงานสัมมนา “#1 Ranked Security Software As The Best Protection Against Malware”
นายสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) (SIS) กล่าวว่า บริษัทมีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการแต่งตั้งจาก บิทดีเฟนเดอร์ ผู้นำตลาดระบบรักษาความปลอดภัยระดับโลก ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงรายเดียวในประเทศไทย ดูแลการจัดจำหน่ายสินค้าในตลาดไอทีไทย ปัจจุบัน บิทดีเฟนเดอร์ ทำตลาดไปแล้วมากกว่า 200 ประเทศทั่วโลก
นายสมชัย กล่าวว่า ปัจจุบันการใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านอุปกรณ์ไอที และอุปกรณ์เคลื่อนที่ มีการเติบโตสูงขึ้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีโซลูชั่นป้องกันการโจมตีที่ชาญฉลาดและยืดหยุ่นได้อย่างยอดเยี่ยม เพื่อป้องกันภัยคุกคามให้กับระบบไอที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบอีแบงค์กิ้ง และอีคอมเมิร์ซ
“ด้วยประสบการณ์ของบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการให้บริการระบบรักษาความปลอดภัย ตั้งแต่ระดับการป้องกันภัยจากไวร้สบนคอมพิวเตอร์ส่วนตัว ไปจนถึงระดับดาต้า และบนเตรือข่ายคลาวด์ เรามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า เราสามารถนำโซลูชั่นของบิทดีเฟนเดอร์ เจาะกลุ่มผู้ใช้ทุกระดับ ทั้งผู้ใช้ตามบ้านทั่วไป กลุ่มธุรกิจขนาดย่อม และองค์กรขนาดใหญ่ รวมถึงผู้ให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต” นายสมชัยกล่าว
นอกจากนี้ กลุ่มลูกค้าสำคัญ ยังรวมถึงภาคการศึกษา โรงพยาบาล ธนาคาร และผู้ให้บริการด้านเกมออนไลน์ขนาดใหญ่ โดยกลุ่มลูกค้าองค์กรส่วนใหญ่จะติดตั้งระบบเพื่อใช้ป้องกันภายในองค์กรเอง และปกป้องข้อมูลให้กับผู้ใช้บริการขององค์กรนั้นๆ
ในส่วนตลาดลูกค้าคอนซูมเมอร์ บริษัทวางแผนการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านหน้าร้านไอทีชั้นนำ เช่น Banana IT, IT City, JIB, Advice IT และร้านจำหน่ายหนังสือ เช่น SE-ED และ B2S เป็นต้น ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัย เพื่อสร้างความตระหนักต่อภัยคุกคามให้กับลูกค้าองค์กรมากขึ้น
ด้านนายมิฮาว โดมินิค กรรมการผู้จัดการบิทดีเฟนเดอร์ (Bitdefender) กลุ่มอินโดไชน่า กล่าวว่า บิทดีเฟนเดอร์ เป็นผู้นำอันดับ 1 ด้านผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นระบบรักษาความปลอดภัยระดับโลก ปัจจุบันมีผู้ใช้กว่า 500 ล้านคน มีระบบรองรับการใช้งานถึง 20 ภาษา รวมถึงภาษาเวียดนามซึ่งเป็นภาษาที่พัฒนาขึ้นมาล่าสุด
“ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพมากสำหรับบิทดีเฟนเดอร์ เราจึงต้องการพันธมิตรทางธุรกิจที่มีประสบการณ์ ไม่เพียงเข้าใจตลาดและความต้องการของผู้ใช้ หากยังต้องมีความเชี่ยวชาญในการให้บริการระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง และเอสไอเอส คือพันธมิตรที่เรามองหาและพร้อมที่จะนำพาธุรกิจเติบโตไปพร้อมกัน” นายโดมินิคกล่าว
นายโดมินิค กล่าวต่อว่า สำหรับในประเทศไทย บริษัทแบ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มคอนซูมเมอร์ กลุ่มธุรกิจขนาดย่อม และองค์กรขนาดใหญ่ ปัจจุบันสินค้าของ บิทดีเฟนเดอร์ มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในกลุ่มคอนซูมเมอร์ และกลุ่มธุรกิจขนาดย่อม บริษัทมีแผนจะขยายตลาดสู่กลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของ Bitdefender Gravity Zone เจาะกลุ่มลูกค้าดังกล่าว พร้อมกับการให้บริการระดับมืออาชีพจากเอสไอเอส
“จากรายงานการวิจัย พบว่า ประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 ในประเทศแถบเอเชีย (และเป็นอันดับ 11 ในระดับโลก) ที่เป็นเป้าหมายหลักที่มีอัตราเสี่ยงต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์และมัลแวร์สูง เราจึงตั้งใจนำเสนอโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมระดับโลก เพื่อช่วยปกป้องภัยคุกคามต่างๆ ให้กับตลาดและกลุ่มผู้ใช้ในประเทศไทย” นายโดมินิค กล่าว
Bitdefender 2016 ออกแบบมาให้ง่ายต่อการติดตั้ง จึงเหมาะสำหรับกลุ่มผู้ใช้ตามบ้านทั่วไป โดยเวอร์ชั่นนี้จะมาพร้อมกับระบบป้องกัน Ransomeware มัลแวร์ที่จะเข้าจู่โจมระบบคอมพิวเตอร์ โดยจะทำการล็อคระบบ และแสดงข้อความลวง เพื่อให้ผู้ใช้ต้องจ่ายเงินเพื่อคืนระบบเข้าสู่ภาวะปกติ
นอกจากนี้ Bitdefender 2016 ยังมีระบบ “One Click Optimizer” ที่ช่วยจัดการเนื้อที่ในหน่วยความจำ เพื่อให้เครื่องทำงานได้เร็วขึ้น เพียง “คลิก” เดียว
Bitdefender Gravity Zone2016 เป็นโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยสำหรับลูกค้าองค์กร เวอร์ชั่นล่าสุดนี้ มาพร้อมกับการอัพเดทการโจมตีผ่านมัลแวร์ในรูปแบบใหม่ๆ แบบ Real-Time เหมาะสำหรับระบบไอทีแบบผสมผสานที่มีโครงสร้างซับซ้อน โดยระบบสามารถปกป้องข้อมูลหลายระดับชั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่กินพื้นที่ของเครื่องหรือหน่วยความจำ ตรวจจับการทำงาน สแกนไวรัสและมัลแวร์ได้อัตโนมัติ เมื่อเครื่องเปิดทิ้งไว้โดยไม่ถูกใช้งาน
ทั้งนี้ เอสไอเอส และ บิทดีเฟนเดอร์ หวังว่า การร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้ จะเป็นก้าวย่างสำคัญที่ช่วยเพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยจากภัยคุกคามทางอินเทอร์เน็ตและมัลแวร์ให้กับระบบไอทีในประเทศไทย
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : www3.sisthai.com วันที่ : 17 กุมภาพันธ์ 2559
รีวิว HONOR 200 Smart 5G คุ้มค่าเกินราคา สุดยอดสมาร์ทโฟนสำหรับคนชอบลุย
Xiaomi จัดเต็มครบวงจร วางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ AIoT รุ่นใหม่ในไทย
Motorola ก้าวสู่ยุคใหม่แห่ง AI ด้วย Moto AI และ Smart Connect
รีวิว CMF PHONE 1 หน้าจอ 120Hz อัปเดต OS นาน 2 ปี ได้ RAM 16GB กล้อง 50MP แบตฯ 5000mAh ชาร์จเร็ว ...
Redmi A4 5G หน้าจอ 120Hz ดีไซน์พรีเมียมมากขึ้น ชิปเซ็ต Snapdragon 4s Gen 2 เล่นเกมเพลิน
Sony Thai เปิดจองกล้องระดับเรือธงในตระกูล Alpha 1 Series รุ่น Alpha 1 II
Motorola ก้าวสู่ยุคใหม่แห่ง AI ด้วย Moto AI และ Smart Connect
เปิดตัว HUAWEI FreeBuds Pro 4! หูฟังไร้สายรุ่นแรกที่ใช้ HarmonyOS NEXT
Redmi Watch 5 สมาร์ทวอทช์รุ่นแรกรันบน HyperOS 2 หน้าจอสี่เหลี่ยม AMOLED กว้าง 2.07 นิ้ว
OPPO Find X8 Series สมาร์ทโฟนแฟลกชิปพลัง AI ซูมไกล 120 เท่า ด้วย AI Telescope Zoom