คงปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกทุกวันนี้เข้าสู่ยุคอิเล็กทรอนิกส์เต็มตัวแล้ว โดยอุปกรณ์รวมถึงกระบวนการต่างๆ ก็ถูกพัฒนาให้มีความฉลาด ทันสมัย เพิ่มขีดความสามารถให้ทำงานได้อย่างครบวงจร เพื่อความรวด เร็วสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน และก็ช่วยประหยัดต้นทุนในธุรกิจพาณิชย์และอุตสาหกรรมทั้งหลาย ทั้งนี้ในบ้านเราเองก็มีข่าวดีเช่นกัน เมื่อรัฐบาล กำหนดวันดีเดย์ 15 กรกฏาคม พ.ศ. 2559 สำหรับบริการ Any ID ด้วยการเปลี่ยนเลขประจำตัวประชาชน หรือเบอร์โทรศัพท์มือถือ ให้เป็นบัญชีธนาคาร ในการทำธุรกรรมทางการเงิน เพราะฉะนั้นบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักให้มากขึ้นว่ามีบริการแบบนี้แล้วคุณภาพชีวิตจะดีขึ้นอย่างไร
UPDATE : วันนี้ 15 มิถุนายน ธนาคารแห่งประเทศไทยเปิดชื่อเรียกอย่างเป็นทางการแล้ว โดยใช้ชื่อเรียกว่า "PromptPay" (พร้อมเพย์) เริ่มต้นใช้งานได้ 31 ตุลาคมเป็นต้นไป
Any ID คืออะไร
หมายถึง Any identification กล่าวคือเป็นการใช้เลขประจำตัวแบบใดก็ได้ที่บ่งชี้ถึงตัวตนของเราว่ามีอยู่จริง เช่น เลขประจำตัวประชาชน, เลขเบอร์โทรศัพท์ที่ปัจจุบันต้องลงทะเบียนเพื่อใช้งาน เป็นต้น มาผูกไว้กับบัญชีธนาคารของเรา สำหรับใช้แทนเลขบัญชีในการทำธุรกรรมทางเงินประเภทต่างๆ
หรือพูดง่ายๆ : เปลี่ยนเลขประจำตัวประชาชนหรือเลขเบอร์โทรศัพท์มือถือให้เป็นบัญชีธนาคาร
ยกตัวอย่างเช่น นาย ก. เป็นเพื่อนกับนาย ข. และต้องการจะโอนเงินให้แก่กัน เดิมทีเราจะต้องรู้เลขบัญชีธนาคารของอีกฝ่ายก่อนถึงจะโอนได้ ปัญหาคือหากไม่จดไว้มีลืมแน่นอนหรือไม่ก็ต้องโทรถามกันให้วุ่นวาย แต่เมื่อมี Any ID อยู่ก็สามารถแก้ไขได้ เพียงแค่นาย ก. รู้เบอร์โทรศัพท์มือถือ หรือเลขประจำตัวประชาชนของนาย ข. เท่านี้ก็สามารถโอนเงินให้กันได้แล้ว
หรือว่าในอนาคตเราไปทานอาหารที่ร้านใดร้านหนึ่ง แต่ลืมพกบัตรเครดิตหรือเงินสด เราสามารถบอกหมายเลขเบอร์โทรศัพท์หรือเลขประจำตัวประชาชนได้เลย จากนั้นร้านอาหารก็จะหักเงินในบัญชีธนา คารของเราตามยอดเงินที่ต้องจ่าย
และกับเกษตรกร รวมถึงประชาชนที่อยู่ในต่างจังหวัด การจะรับเงินแต่ละครั้งจากรัฐบาลมักมีความยุ่งยาก และได้รับไม่ครบจำนวนจริง เนื่องจากมีการหักออกด้วยค่าต่างๆ โดยตลอด แถมยังต้องเดินทางหากต้องไปขึ้นเงินถ้ารับผ่านเช็ค ดังนั้นถ้ามี Any ID อยู่รัฐบาลจะโอนเงินให้กับหมายเลขประจำตัวนี้ได้เลย และเงินก็จะเข้าสู่บัญชีในธนาคารโดยอัตโนมัติ ทำให้สะดวก คล่องตัว ประหยัดเวลา และไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
Any ID มาจากไหน กำกับดูแลโดยใคร
โดยบริการดังกล่าวเป็นหนึ่งในโครงการหลักของรัฐบาลในชื่อหัวข้อ National e-Payment หรือระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีด้านอินเทอร์เน็ต และสมาร์ทโฟนที่ถูกพัฒนารวมถึงมีอัตราขยายตัวอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบรับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เนื่องจากเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องการผลักดันประเทศไปสู่สู่สังคมที่ไม่ใช้เงินสด หรือ Cashless Society ซึ่งจะมีโครงการที่ดำเนินคู่ขนานไปในช่วงเวลาเดียวกัน 4 แบบ ดังนี้
1. การชำระเงินแบบ Any ID
โดยจะเปลี่ยนพฤติกรรมเดิมไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินหรือชำระเงินผ่านบัญชีธนาคารให้ง่ายขึ้นด้วยการ นำระบบดังกล่าวมาใช้งาน กล่าวคือ เราจะสามารถนำเลขประจำตัวประชาชน หรือหมายเลขของเบอร์โทรศัพท์มือถือมาลงทะเบียนไว้กับสถาบันการเงิน เพื่อทำธุรกรรมทางการเงินได้เลย
ซึ่งแบ่งช่วงเวลาการดำเนินงานของโครงการออกเป็น 4 ช่วง มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
2. เพิ่มการขยายตัวของการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์
เปิดโอกาส และก็ส่งเสริมให้ประชาชนใช้งานบัตรอิเล็กทรอนิกส์ได้มากขึ้น โดยเฉพาะบัตรเดบิตที่มีค่าธรรมเนียมต่ำและมีเป้าหมายเพิ่มการกระจายอุปกรณ์ชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ให้แพร่หลายมากขึ้นตามความเหมาะสมของร้านค้าในแต่ละพื้นที่ และหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง
การขยายการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์จะเพิ่มทางเลือกชำระเงินสะดวกปลอดภัยมากขึ้น ทั้งนี้คาดว่าจะออกประกาศให้นิติบุคคลติดตั้งอุปกรณ์รับชำระเงินได้ในเดือนสิงหาคม 2559 เช่นเดียวกับหน่วยงานราชการ และจะเริ่มกระจายอุปกรณ์รับชำระเงินในเดือนกันยายน 2559 เป็นต้นไป
3. ระบบภาษีและเอกสารธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์
โดยพัฒนาการจัดทำ และช่วยนำส่งข้อมูลใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) และก็ใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) เพื่ออำนวยความสะดวก และลดกระบวนการของภาษี รวมทั้งส่งรายงานการทำธุรกรรมทางการเงิน และการนำส่งภาษีเมื่อมีการชำระเงินผ่านระบบ e-Payment ส่งผลให้ช่วยลดระยะเวลาและขั้นตอนของภาคเอกชนในการจัดทำเอกสารและการชำระภาษี
4. โครงการ e-Payment ภาครัฐ
บูรณาการฐานข้อมูลด้านสวัสดิการสังคม และยังเพิ่มประสิทธิภาพการรับจ่ายเงินภาครัฐทางอิเล็กทรอ นิกส์ ผ่าน Any ID รวมทั้งให้สถาบันการเงินมีช่องทางการจ่ายเงินเพิ่มขึ้นและช่วยเก็บข้อมูลจากกลุ่มประชาชนมีประโยชน์สามารถจ่ายเงินช่วยเหลือ และมอบเงินสวัสดิการให้แก่ประชาชนได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย ลดความผิดพลาด ลดความซ้ำซ้อน และลดการทุจริตจากการจ่ายเงินด้วยเงินสดและเช็ค ด้วยการลงทะเบียนประชาชนผู้มีรายได้น้อย และผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ เพื่อรับสวัสดิการผ่านสถาบันการเงิน โดยโครงการ e-Payment ภาครัฐ ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ
ขอขอบคุณคลิปวิดีโอประกอบเนื้อหาจาก : Montien Vichitrsarawongs
สำหรับ Any ID กำกับดูแลโดยหน่วยงานภาครัฐหลายส่วน อาทิ ธนาคารแห่งประเทศไทย, กระทรวงการคลัง, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงคมนาคม, กระทรวงพาณิชย์, กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร, กรมสรรพากร, สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : epayment.go.th
หลังจากทราบโครงการต่างๆ ไปแล้ว มาทำความรู้จัก Any ID ให้มากขึ้นกว่าเดิมว่าช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิต และความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันได้อย่างไร...?
เริ่มต้นด้วยสิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักก่อนลงทะเบียนใช้งาน Any ID
หนึ่งบัญชีธนาคารสามารถผูกหมายเลขโทรศัพท์ได้ 1 หมายเลข เช่นเดียวกับเลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น เพราะฉะนั้นแล้วถ้าใครต้องการลงทะเบียน ต้องเลือกบัญชีธนาคารที่สะดวกต่อการทำธุรกรรมทางการเงิน หรือบัญชีที่ใช้งานบ่อยๆ เพื่อก็สามารถใช้บริการดังกล่าวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และคล่องตัว
1 คนจะสามารถมี Any ID ได้กี่บัญชี...?
สำหรับคนหนึ่งคนก็จะมีบัญชี Any ID ได้มากสุด 4 บัญชี คือ (1 บัญชี ผูกกับเลขบัตรประชาชน และอีก 3 บัญชี ผูกกับเบอร์โทรศัพท์มือถือสูงสุด 3 เบอร์) และไม่สามารถใช้หมายเลขเดิมในการลงทะเบียนซํ้าได้อีกครั้ง และสามารถเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกการลงทะเบียนได้ตลอดเวลา
สรุปว่าหากต้องการลงทะเบียนจะต้องใช้อะไรบ้าง...?
นำหมายเลขโทรศัพท์มือถือ, เลขประจำตัวประชาชน, หมายเลขกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet ID) หรืออีเมล์ (e-mail address), เลขที่บัญชีธนาคาร (ต้องวางแผนให้ดีก็เพื่อให้ตรงไลฟ์สไตล์ของเรา เนื่องจากในอนาคตก็อาจมีบริการพิเศษจากรัฐบาล ธนาคาร หรือว่าร้านค้าที่ร่วมรายการ) ส่วนในด้านบัญชีเงินฝากจะเป็นแบบออมทรัพย์ หรือกระแสรายวัน และเป็นของธนาคารอะไรก็ได้ทั้งภาครัฐกับภาคเอกชน ติดตัวไปลงทะเบียน
หมายเหตุ : เบื้องต้นใช้ได้แค่เฉพาะหมายเลขโทรศัพท์มือถือและเลขประจำตัวประชาชน
วิธีการเริ่มต้นใช้งาน Any ID มีดังนี้
เดินทางไปธนาคารสาขาใกล้บ้านที่ต้องการผูกบัญชีไว้กับเลขประจำตัวประชาชน หรือเบอร์โทรศัพท์มือถือแล้วบอกว่ามาลงทะเบียน Any ID (วันที่ 15 ก.ค.) แต่ถ้าไม่สะดวกเดินทางก็สามารถใช้ช่องทางออนไลน์และตู้ใกล้บ้านได้ เช่น ATM, Mobile Banking, Internet Banking
หมายเหตุ : ไม่มีค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียน
ประโยชน์ที่เราได้รับจาก Any ID
ค่าธรรมเนียมโอนเงินด้วยระบบพร้อมเพย์
วงเงิน | ค่าธรรมเนียม |
ตํ่ากว่า 5,000 บาท | ฟรี/ไม่จำกัดจำนวนครั้ง |
5,000 - 30,000 บาท | 2 บาท/ครั้ง |
30,000 - 100,000 บาท | 5 บาท/ครั้ง |
100,000 บาทขึ้นไป | 10 บาท/ครั้ง |
ที่มา : สมาคมธนาคารไทย
สรุปแล้วควรทำหรือไม่ควรทำ Any ID
ควรที่จะทำครับ เนื่องจากว่าในอนาคตบริการจากภาครัฐทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับการเงินที่มีผลต่อชีวิตประจำวันของเราจะมีการชำระค่าใช้จ่ายหรือว่ารับเงินผ่านระบบ Any ID ดังนั้นก็จึงควรที่จะศึกษารายละเอียดกันให้มากขึ้น เพื่อเตรียมตัวปรับเข้าสู่ยุคอิเล็กทรอนิกส์ และตอนนี้เหล่าธนาคารได้เริ่มเปิดให้บริการลงทะเบียนสมัครล่วงหน้าไว้แล้ว ซึ่งนำร่องโดย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)เพราะฉะนั้นจึงเป็นสัญญาณว่าไม่ได้มาเล่นๆ ทำจริงแน่นอน
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : www.epayment.go.th วันที่ : 14 มิถุนายน 2559
HONOR 90 Smart สมาร์ทโฟน 5G ชิปเซ็ต Dimensity 6020 มี RAM 4G เท่านั้น
โปรแรงต้อนรับซัมเมอร์ vivo V30 5G รับของแถมมูลค่ารวม 12,298 บาท!!
vivo T3 5G สมาร์ทโฟนหน้าจอ AMOLED 120Hz มีกล้องความละเอียดสูงสุด 50MP กันสั่น OIS
REDMAGIC เปิดตัวพัดลมระบายความร้อน REDMAGIC VC Cooler 5 Pro ดีไซน์สุดเท่ พร้อมรองรับ MagSafe
Samsung Galaxy M55 5G ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 7 Gen 1 ชาร์จเร็วขึ้นระดับ 45W
Hyundai IONIQ 6 ดีไซน์ล้ำสมัย ขับขี่ไกล 545 กม. เปิดตัวในไทยราคา 1.899 ล้านบาท
Meta ขนทัพฟีเจอร์ใหม่ แชทได้มันส์กว่าเดิมบน Messenger10 ชั่วโมงที่แล้ว
HONOR X7b 5G ขยับใช้ชิปเซ็ต Dimensity 6020 จุใจด้วยกล้องระดับ 108MP18 ชั่วโมงที่แล้ว