สมาร์ทโฟน (Smartphone) | วันที่ : 22 กันยายน 2559
Advertorial: เรื่องจริงไม่อิงนิยายที่เคยเป็นข่าว เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมา ซิราช อับราฮัมส์ ชาวเมืองเคปทาวน์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศแอฟริกาใต้ คุณพ่อลูกห้าวัย 41 ปี เจ้าของธุรกิจไอทีและรถยนต์ ถูกโจรจู่โจมและยิงเข้าที่หน้าอก เดชะบุญที่กระสุนลูกนั้นไปโดนสมาร์ทโฟนหัวเว่ยพี 8 จึงไม่ระคายผิวเขาแม้แต่น้อย หลังจากโดนยิง ซิราชหมดสติไปโดยไม่รู้เลยว่าสมาร์ทโฟนหัวเว่ยช่วยชีวิตเขาไว้ จนกระทั่งฟื้นขึ้นมาทีหลังและเห็นรูกระสุนบนเสื้อแจ็คเก็ตและซากสมาร์ทโฟน จึงทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สมาร์ทโฟนช่วยชีวิตคนจากกระสุนปืน ก่อนหน้านี้สมาร์ทโฟนหัวเว่ย พี 7 ช่วยชีวิตชายคนหนึ่งในป่าเขตร้อน ในประเทศกัวเตมาลามาแล้ว นักวิจัยบริษัทมิลเวิร์ดบราวน์รายหนึ่งก็เคยใช้ มีเดียแพดเป็นโล่กันกระสุนที่เมืองการิสซา ประเทศเคนยา ขณะที่กำลังเก็บข้อมูลในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีข่าวทำนองเดียวกันที่เกิดขึ้นกับสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นๆ ทั้งไอโฟนและซัมซุงเช่นกัน
เบื้องหลัง “ซูเปอร์สมาร์ทโฟน”
แม้เรื่องสมาร์ทโฟนกันกระสุนจะฟังดูเป็นเรื่องของโชค แต่จริงๆ แล้ว เกิดจากความตั้งใจ บริษัทชั้นนำอย่างหัวเว่ยไม่ได้เพียงแค่พัฒนาเครื่องและซอฟต์แวร์ให้สมบูรณ์แบบเท่านั้น แต่ยังยกระดับการผลิตและการควบคุมคุณภาพเพื่อให้แน่ใจว่าสมาร์ทโฟนที่ผลิตออกมานั้นจะมีคุณภาพดียิ่งขึ้นไปอีก
หัวเว่ยซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 แบรนด์ชั้นนำของโลกที่จำหน่ายไปยังกว่า 170 ประเทศทั่วโลก และในปีที่แล้วปีเดียวก็มียอดจำหน่ายสมาร์ทโฟนถึงกว่า 100 ล้านเครื่อง ทุ่มเทอย่างเต็มที่ชนิดที่เรียกว่าทุ่มกันสุดตัวทีเดียวในการพัฒนาและผลิตสมาร์ทโฟนคุณภาพเยี่ยม หัวเว่ยนำระบบ QMS มาใช้ในการออกแบบเครื่องต้นแบบ ลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนา คัดสรรวัสดุที่ใช้ในการผลิต กระบวนการผลิตทั้งหมด ไปจนการทดสอบ รวมทั้งใช้ระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยเพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะเปี่ยมด้วยคุณภาพเหนือระดับ มาตรฐานในการผลิตของหัวเว่ยนั้นเป็นมาตรฐานระดับโลกที่เข้มงวดมากกว่าที่ใช้อยู่ในยุโรปหรืออเมริกาเสียอีก
ในด้านการตรวจสอบคุณภาพ หัวเว่ยมีห้องแล็บสำหรับทดสอบคุณภาพที่ทันสมัยมากที่สุดในวงการ มีการทดสอบผลิตภัณฑ์อย่างเข้มงวด ที่บางครั้งอาจเรียกได้ว่าสุดขั้ว สำหรับการทดสอบคุณภาพความทนทานในเชิงเทคนิค สมาร์ทโฟนตัวอย่างจะต้องผ่านการทดสอบ drum test หรือการตกกระแทกเป็นพันๆ ครั้ง ผ่านการทดสอบการบิดตัวมากกว่า 500 ครั้ง ผ่านการทดสอบความทนทาน (stress test) เมื่อถูกกดทบด้วยน้ำหนักขนาด 70 กิโลกรัม และทดสอบความทนทานของซอฟต์แวร์อีก 2,000 ครั้ง ในด้านความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม เครื่องตัวอย่างจะต้องผ่านการทดสอบความทนทานต่อแสงแดดนานกว่า 72ชั่วโมง ผ่านการทดสอบความทนทานเมื่อต้องเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมเช่นจากร้อนเป็นหนาวกลับไปกลับมา 48 ชั่วโมงต่อกัน ทนละอองน้ำเค็มได้นาน 8 ชั่วโมง ทนความร้อนชื้น การสั่นสะเทือน และความทนทานต่อการสึกหรอ ส่วนการทดสอบความทนทานตลอดอายุการใช้งาน เครื่องตัวอย่างจะถูกนำไปทดสอบการเสียบต่อหูฟัง 5,000 ครั้ง และการต่อเชื่อมกับยูเอสบี 10,000 ครั้ง มาตรฐานการทดสอบเหล่านี้ถือว่าสูงกว่ามาตรฐานทั่วไปของอุตสาหกรรมการผลิตสมาร์ทโฟน ซึ่งโดยปกติแล้วจะทดสอบแค่การตกกระแทก การทนความร้อน การใช้งานหน้าจอทัสสกรีน และการทดสอบสเป็กคลื่นความถี่วิทยุเท่านั้น
หัวเว่ยยังได้ทดสอบปลั๊กหูฟัง ช่องต่อสายชาร์จ และช่องใส่ซิมการ์ดเองด้วย ในขณะที่โดยทั่วไปแล้วหน่วยงานอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน จะเป็นผู้ทดสอบ นอกจากนี้สมาร์ทโฟนของหัวเว่ยยังต้องผ่านการ ทดสอบระบบเครือข่ายแบบเข้มก่อนออกสู่ตลาด ทั้งการทดสอบการใช้งานบริการโรมมิ่ง การทดสอบ SAR หรือการแผ่รังสีของสมาร์ทโฟนที่ทำในห้องแล็บ (เพื่อให้แน่ใจว่าจะรองรับระบบ 4G ได้อย่างมีประสิทธิภาพ) การที่สมาร์ทโฟสผ่านทุกการทดสอบสุดโหดเหล่านี้ได้ ทำให้สมาร์ทโฟนของหัวเว่ยผ่านทุกมาตรฐานของผู้ให้บริการระบบชั้นนำทุกรายในโลก รวมถึงเอทีแอนด์ที ในสหรัฐอเมริกา ในด้านระบบการบริหารคุณภาพ สมาร์ทโฟนของหัวเว่ยผ่านมาตรฐานที่ได้ชื่อว่าเข้มงวดที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นในสหรัฐอเมริกา ยุโรป หรือญี่ปุ่นก็ตาม และสมาร์ทโฟนทั้งหมดของหัวเว่ยก็ผ่านการทดสอบความปลอดภัยจากการแผ่รังสี และเป็นไปตามมาตรฐานของคณะกรรมการการสื่อสารแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาหรือ FCC ด้วย
ของมีตำหนิ ...หัวเว่ยจะไม่ทน!
มร. ริชาร์ด ยู ซีอีโอของหัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป กล่าวว่า “คุณภาพ อยู่ในสายเลือดของหัวเว่ย พนักงานของเราทุกคนต่างก็มี “จิตวิญญาณของช่างฝีมือ” อย่างเปี่ยมล้น ทุกคนพร้อมจะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพและทำให้มั่นใจว่าของของเราจะไม่มีตำหนิเลย”
ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ หัวเว่ยลงทุนไปเป็นล้านๆ หยวนเพื่อแก้ไขปัญหากล้องในสมาร์ทโฟนเสียเมื่อตกกระแทก ทั้งๆ ที่ปัญหานี้มีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นเพียง 1 ใน 3,000 ครั้งของการทำสมาร์ทโฟนหัวเว่ย ตกหล่นเท่านั้น
หลังจากนั้น หัวเว่ยกลับมาเป็นข่าวฮอตในโลกโซเชียลเมื่อนำสมาร์ทโฟนรุ่นออเนอร์ 12,845 เครื่องมาทำลายทิ้งเมื่อวัน ที่ 28 พฤษภาคม 2558 ไม่นับที่เคยทำลายสมาร์ทโฟนไปแล้ว 4,462 เครื่องก่อนหน้านี้ รวมเป็น 17,307 เครื่อง รวมมูลค่ากว่า 20 ล้านหยวน เพียงเพราะว่ารถบรรทุกที่ขนสมาร์ทโฟนเหล่านี้มาเกิดอุบัติเหตุยางระเบิดซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ แม้ว่าในครั้งนี้ จะมีเครื่องเพียง1.4% เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่หัวเว่ยก็ทำลายเครื่องทั้งหมดที่บรรทุกมาในรถดังกล่าวเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีเครื่องที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาหากใช้ไปแล้วเป็นปี หลุดไปถึงมือลูกค้าได้เลยแม้แต่เครื่องเดียว
นอกจากกระบบการควบคุมคุณภาพภายในองค์กรแล้ว หัวเว่ยยังทำงานกับซัพพลายเออร์และพันธมิตรทุกรายเพื่อให้มั่นใจในคุณภาพของสมาร์ทโฟนหัวเว่ยทุกเครื่องตลอดทั้งซัพพลายเชน ด้วยวิธีนี้หัวเว่ยจึงสามารถนำเครื่องที่มีคุณภาพสูงมาให้ผู้บริโภคและลูกค้าได้ใช้อย่างมั่นใจ เช่น คุณภาพของกาวที่ใช้ในมอเตอร์ในเครื่องสมาร์ทโฟนที่มีกล้องนั้นมีผลต่อความเร็วของระบบโฟกัสภาพอัตโนมัติ ดังนี้ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า หัวเว่ยยังต้องใส่ใจกับทั้งผู้ผลิตเลนส์ มอเตอร์ และกาวทุกรายด้วย
หัวเว่ยมีเป้าหมายสำคัญที่ชัดเจน คือ “เราจะเป็นผู้สร้างมาตรฐานคุณภาพในวงการสมาร์ทโฟน ถ้าเมื่อไรคุณภาพของสมาร์ทโฟนของเราต่ำกว่ามาตรฐานในวงการ เราก็ต้องพยายามให้ดีที่สุดที่จะทำให้ได้ตามมาตรฐาน ดังนั้น เราต้องพัฒนาตัวเราให้ดีขึ้นทุกปีอีกปีละ 30% ทันทีที่เรากลายเป็นผู้กำหนดมาตรฐานของตลาดสมาร์ทโฟน เราก็จะยังต้องพัฒนาตัวเราให้ดีขึ้นไปอีกปีละ 20%”
เราจะไม่ทนสินค้าที่มีตำหนิแม้เพียงนิดเดียว และจะสร้างสรรค์นวัตกรรม ยกระดับคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ซึ่งความตั้งในจนี้ทำให้เราประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากทั่วโลก ในตลาดอุปกรณ์สื่อสรโทรคมนาคม หัวเว่ยนับได้ว่าเป็นผู้นำด้านโซลูชั่นทั้งการสื่อสารและสารสนเทศ ส่วนในตลาดสมาร์ทโฟน รายงานของจีเอฟเค (GFK) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านวิจัยตลาดและประสบการณ์ของผู้บริโภคระบุว่าหัวเว่ยรั้งอันดับในใน 3 ของตลาด และเป็นผู้นำในตลาดจีน รวมทั้งเป็นหนึ่งใน 3 ในหลายๆ ประเทศที่พัฒนาแล้วในยุโรปตะวันตก โดยรายได้กว่า 60% ของหัวเว่ยมาจากตลาดต่างประเทศ เพราะหัวเว่ยขายสมาร์ทโฟนในกว่า 170 ประเทศทั่วโลก
มร. ริชาร์ด ยู เชื่อว่าหลักการในการสร้างความเชื่อมั่นในด้านคุณภาพ นับเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของหัวเว่ย เพราะคุณภาพ ไม่เพียงแต่จะช่วยสร้างความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ แต่ยังจะสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้แก่คุณค่าของแบรนด์อีกด้วย
ในปี 2557 หัวเว่ยเป็นบริษัทแรกจากประเทศจีนที่ได้รับการคัดเลือกจาก อินเทอร์แบรนด์ให้เป็นหนึ่งในร้อยแบรนด์ที่มีค่าสูงสุด (“Top 100”) โดยอยู่ในลำดับที่ 94 ก่อนจะขยับขึ้นมาเป็นลำดับที่ 88 ในปี 2558 นอกจากนี้ ในปี 2559 หัวเว่ยยังติดอันดับ 100 แบรนด์ที่ทรงคุณค่าที่สุดในรายงานชื่อ Brand Z ด้วยมูลค่าแบรนด์ที่สูงถึง 18,650 ล้านเหรียญสหรัฐ และขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 50 จากอันดับที่ 70 ในปี 2558
**บทความเพื่อการโฆษณา**
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : consumer.huawei.com วันที่ : 22 กันยายน 2559
HUAWEI Pura 70 และ Pura 70 Pro ควงแขนเปิดตัว Global ส่วน Pura Pro+ ไม่มาด้วย
เตรียมเปิดตัว NOTE 40 Series พร้อมดึง เก้า สุภัสรา นั่งแท่นพรีเซนเตอร์คนล่าสุด
ทำความรู้จัก HONOR X8b หน้าจอ 6.7 นิ้ว กล้องเซลฟี่ 50MP ชาร์จเร็ว 35 วัตต์
Google Pixel 8a หน้าจอ OLED กล้อง 64MP ขุมพลัง Tensor G3 แบตฯ 4492mAh กันน้ำกันฝุ่น IP67
realme C65 5G ขุมพลัง Dimensity 6300 เพิ่มหน้าจอรีเฟรช 120Hz
Polestar 5 รถยนต์ไฟฟ้าที่ชาร์จเร็วสุดขีด 10 นาที เต็ม 80%3 ชั่วโมงที่แล้ว
SSD แบบตั้งโต๊ะความจุขนาดใหญ่ที่สุด SanDisk Desk Drive 8TB5 ชั่วโมงที่แล้ว
AYANEO Pocket S เครื่องเล่นเกมพกพา Android รุ่นใหม่ล่าสุด 23 ชั่วโมงที่แล้ว
HUAWEI เตรียมตัดขาดจาก Android สู่ HarmonyOS NEXT เต็มรูปแบบ17 พ.ค. 67 11:00