คงปฏิเศธไม่ได้ว่าเครื่องดื่มที่เรารับประทานอยู่ทุกวันนี้มีส่วนผสมของนํ้าตาลเยอะมาก แน่นอนว่าเป็นสาเหตุของโรคอ้วนและอื่นๆ ตามมามากมาย ถึงแม้ว่าจะทานเข้าไปแล้วส่งผลให้รู้สึกสบายมีเรี่ยวแรง แต่เมื่อมองดูดีๆ แล้วนั้นมีโทษมากกว่าประโยชน์ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ร้านคาเฟ่ในประเทศจีนก็เกิดไอเดียคิดค้นแก้วนํ้าไฮเทค มีชื่อเรียกว่า " Sonic Sweetener Cup " สามารถรับคลื่นเสียงโซนิคได้ เมื่อรับประทานแล้วจะให้รับรู้สึกรสชาติหวานแม้เครื่องดื่มนั้นจะหวานน้อย
แนวไอเดียเกิดจากความร่วมมือระหว่างบริษัท Dentsu และร้านคาเฟ่ Xin Cafe ที่มีความต้องการให้ลูกค้าห่างไกลจากโรคอ้วนและโรคเบาหวานสาเหตุอันเกิดจากนํ้าตาล โดยก็ค้นพบว่าเมื่อปล่อยเสียงเพลงที่มีลักษณะคลื่นพิเศษส่งผลให้ผู้รับประทานรู้สึกถึงรสชาติหวาน ทดลองจากกลุ่มตัวอย่างพบว่าจำนวน 63% มีความรู้สึกหวานขึ้นจริง สอดคล้องกับงานวิจัยของนักวิทยาศาตร์มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ดพบว่าเมื่อฟังเพลงทีโทนเสียงแตกต่างกันจะทำให้รับรู้รสชาติของอาหารแตกต่างกันไป
ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งครั้งที่เทคโนโลยีและนวัตกรรมช่วยให้เราห่างไกลจากโรคร้ายต่างๆ ทั้งก็ยังมีประโยชน์นานัปการ ส่วนไอเดียลํ้าๆ จะมีอะไรบ้าง รอติดตามกันได้เลยจะรายงานให้ทราบ!
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : creativity-online.com วันที่ : 20 กุมภาพันธ์ 2560
Lenovo Project Crystal โน้ตบุ๊คหน้าจอใส ต้นแบบเทคโนโลยีในอนาคต
OPPO Air Glass 3 XR แว่นตาอัจฉริยะ มุ่งสู่โลกของเทคโนโลยี XR เต็มรูปแบบ
ThinkBook Plus Gen 5 Hybrid แล็ปท็อป 2-in-1 ขุมพลังที่เหนือระดับ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
ปลุกจินตนาการให้โลดแล่นไปกับ Sora AI เทคโนโลยีล้ำสมัยจาก OpenAI สร้างวิดีโอจากข้อความเพียงไม่กี่บ...
ควบคุมอุปกรณ์ด้วยลิ้น! บอกลาเมาส์ ทักทาย MouthPad นวัตกรรมสุดล้ำ
ทำความรู้จัก OPPO A60 4G หน้าจอ 90Hz ลำโพงสเตอริโอ ชาร์จเร็ว 45 วัตต์ เริ่มต้น 5,999 บาท
เตรียมเปิดตัว Samsung Galaxy Watch FE สมาร์ทวอทช์ราคาย่อมเยาในปีนี้
Sony เปิดตัวซีรีส์ ULT POWER SOUND เสียงเบสกระหึ่ม เต็มอารมณ์
ทำความรู้จักแท็บเล็ต HONOR Pad 9 พร้อมของแถมมูลค่ารวม 2,698 บาท
Mercedes-Benz แนะนำ 5 ผู้ให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้า สำหรับรถอีวีและและปลั๊กอินไฮบริด
Xiaomi ต้อนรับ Payday จัดโปรโมชันพิเศษที่ Shopee ส่วนลดสูงสุด 50%9 ชั่วโมงที่แล้ว