[เล่าสู่กันฟัง] คิดถึงกันไหม! 7 ฟีเจอร์ยอดฮิตของโทรศัพท์มือถือในอดีต ที่ถูกลบเลือนด้วยความทันสมัย

ยิ่งเวลาผ่านไปโลกของสมาร์ทโฟนก็ได้เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาเช่นกันโดยในปัจจุบันมีฟังก์ชั่นกับฟีเจอร์ต่างๆ มากมายจนไม่สามารถจำกัดความได้ว่าเป็นเฉพาะแค่อุปกรณ์สื่อสารเท่านั้น แต่หากมองย้อนกลับไปเมื่อสามหรือสี่ปีที่แล้ว ทุกอย่างก็ราวดูโบราณคลาสสิคจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ เชื่อว่าหลายคนมีคิดถึงกันบ้างแน่นอน และยังคิดไม่ถึงว่าโทรศัพท์มือถือจะก้าวไกลมาถึงขนาดนี้ ดังนั้นจึงขอหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาเล่าสู่กันฟังว่ามี 7 จุดเด่นยอดฮิตอะไรบ้างที่ชวนคิดถึงและจะถูกแทนที่ด้วยความทันสมัย

1. เขย่าโทรศัพท์มือถือเพื่อหาสัญญาณ : ไม่รู้ว่าจะพอหยิบยกมาเป็นฟีเจอร์ได้ไหม แต่หากมองเป็นเรื่องขบขันก็พอได้ เนื่องจากใครหลายคนก็อาจประสบปัญหาโทรไม่ติดดังนั้นหนึ่งในวิธีแก้ปัญหายอดนิยมของใครหลายคนคือการเขย่าและแน่นอนว่าได้ผลเสียด้วย จนกลายเป็นปัญหาที่ตามมาเพิ่มเติมคือ การเขย่าจนหลุดมือทำให้โทรศัพท์มือถือมีพังกันไปข้างหรือเกิดนิยามใหม่ "ตกไม่แตก"  

2. เพลง MP3 และช่องเสียบหูฟังในตำนาน : ทำไมถึงยกสองเรื่องนี้มาเล่า เนื่องจากเมื่อช่วงต้นปีทางผู้คิดค้นได้ประกาศยกเลิกออกสิทธิบัตรพร้อมผลักดันไฟล์เสียงประเภท "AAC" ขึ้นมาแทนด้วยเหตุผลว่าให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่า อีกทั้งช่องเสียบหูฟังหากสังเกตหลายแบรนด์เริ่มตัดสินใจลบความเพลิดเพลินดังกล่าวออกกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และก็มีความเป็นไปได้สูงว่าท้ายที่สุดอีกสองปีข้างหน้าอาจจะไม่ได้เห็นช่องเสียบหูฟังแล้วก็เป็นได้ ตามวัฏจักรของใหม่แทนที่ของเก่า

3. แบตเตอรี่เสื่อมไม่เป็นปัญหาเลย : จะเครื่องค้างหรือแบตเตอรี่เสื่อมสิ่งที่ทุกคนต้องทำก็คือเปิดฝาหลังและแงะแบตเตอรี่ออกมา แต่ว่าในปัจจุบันแทบจะทุกรุ่นแล้ว แบตฯ ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้เหมือนเคย ส่วนเหตุผลคาดว่าผู้ผลิตตั้งใจให้ไม่สามารถแกะได้คือด้านดีไซน์ทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะภายในอาจส่งผลต่อความปลอดภัยและระบบการทำงานของสมาร์ทโฟนได้อันเนื่องมาจากการทำงานของสมาร์ทโฟนมีความหลากหลายและซับซ้อน ถ้าปฏิบัติด้วยวิธีเดิมแค่แงะจึงไม่สามารถทำได้อีกต่อไปและต้องใช้ผู้ที่มีความชำนาญในการซ่อมแซมเท่านั้น

4. แป้นพิมพ์ QWERTY : ยุครุ่งเรืองถึงขีดสุดของ Blackberry เพราะมองไปทางไหนก็เห็นแต่คนก้มพิมพ์ หรือจีบสาวจีบหนุ่มต้องบอกว่าขอ PIN หน่อย ดังนั้นคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีแป้นพิมพ์นอกจากเมื่อยมืดแล้ว ยังสนุกในการใช้งานด้วย แต่หากมองดูปัจจุบันเทรนด์กลับกลายเป็นว่าปุ่มควบคุมต่างๆ จะถูกนำออกทั้งหมดโดยใช้งานระบบเสียงหรือทัชสกรีนแทน

5. FM Transmitter : อีกหนึ่งฟีเจอร์ยอดฮิตของใครหลายคน ถ้าเป็นสมัยนี้คงเชื่อมต่อ Bluetooth หรือออนไลน์แทน ทว่าด้วยลูกเล่นดังกล่าวทำให้ใครหลายคนเพลิดเพลินและกลายเป็นนักร้องตัวยงกันเพียบ เนื่องจากสามารถนำเพลงที่มีอยู่ในโทรศัพท์มือถือไปเปิดตามคลื่นวิทยุตามที่เรากำหนดได้ ซึ่งเสียงก็จะไม่ได้ออกจากลำโพงของมือถือแต่ไปออกในวิทยุแทนนั่นเอง

6. ขยับเสาสัญญาณหน่อยไม่ชัดเลย : แพร่หลายในบ้านเราไม่น้อยเลย เพราะสมัยก่อนนอกจากคอมพิวเตอร์เข้าถึงยากแล้ว ทีวีก็ได้กลายเป็นความบันเทิงของใครหลายคนไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนสามารถรับชมรายการยอดฮิตได้ เพียงแค่มีโทรศัพท์มือถือพร้อมฟังก์ชั่นดังกล่าว แต่ถ้าเป็นในปัจจุบันชมทางช่องทางออนไลน์ทั้งหมดรวมถึงดูย้อนหลังก็ได้แม้ผ่านมาสามสี่วันหรือสัปดาห์หนึ่ง แตกต่างจากเมื่อก่อนที่พลาดชมแล้วพลาดเลยไม่มีย้อนกลับ

7. เกมขาวดำความคลาสสิคที่ปวดตา : ทำไมถึงบอกว่าปวดตาแม้จะเล่นวนไปวนมาแค่ไหนทว่าก็ยังคงความสนุกไว้เช่นเคยจนหลายคนบ่นว่าเล่นไปนานขนาดนี้ได้ไงจนส่งผลให้ปวดตาในที่สุด โดยในปัจจุบันเกมได้ถูกพัฒนาก้าวไกลภาพกราฟฟิกหรือระบบเกมเกือบเทียบเท่าเกม PC ก็ไม่ผิด ดังนั้นจึงต้องบอกว่าเราคงไม่ได้เห็นและไม่ได้เล่นกันอีกต่อไปแล้ว ซึ่งโลกของเกมอาจยกเข้าสู่ยุค VR เต็มรูปแบบไปอีกหลายปีหากได้รับการยอมรับและเข้าถึงอย่างกว้างขวาง

จาก 7 ฟีเจอร์ข้างต้นหากใครทันทั้งหมดขอให้ยกมือขึ้น แน่นอนว่าไม่ใช่น้อยๆ เลย อย่างไรก็ตามในความทรงจำเหล่านั้นเมื่อมองย้อนกลับไปก็มีความสุขและสนุกเหมือนกัน และก็จงอย่าลืมว่าความทันสมัยก็มีทั้งดีและไม่ดีถ้าหากใช้ถูกวิธีและรู้จักป้องกันติดตามข่าวก็ทำให้เรื่องต่างๆ กลายเป็นเรื่องง่ายด้วยปลายนิ้ว แต่หากไม่รู้จักศึกษาและใช้งานอย่างไม่ถูกต้องอาจเป็นภัยต่อตนเองและผู้อื่นได้ เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องราวที่ทุกคนต้องตระหนักให้ดี