Fujitsu ประกาศเริ่มต้นการรับรองระบบตรวจสอบที่ใช้เทคโนโลยี IoT ในโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ของอินเทล คอร์ปอเรชั่น (Intel Corporation) ในเมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่สุดของอินเทลภายนอกสหรัฐฯ ระบบดังกล่าวจะบันทึกสถานะการทำงานของสายการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และข้อมูลสภาพแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานและน้ำ ระบบดังกล่าวเชื่อมต่อ FUJITSU Business Application Intelligent Dashboard ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์และแสดงผลที่รองรับการปรับปรุงประสิทธิภาพทั่วทุกส่วนภายในโรงงาน ด้วยเกตเวย์ IoT ที่ใช้ชิปของอินเทล และ FUJITSU Cloud Service K5 IoT Platform ซึ่งเป็นบริการแพลตฟอร์มสำหรับการใช้ข้อมูล IoT บนระบบคลาวด์
ระบบนี้รองรับการบริหารจัดการอย่างทันท่วงทีสำหรับสถานการณ์โดยรวมในโรงงาน ช่วยให้สามารถปรับเปลี่ยนนโยบายและกระบวนการต่างๆ ได้อย่างฉับไว เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการทำงานตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2560 เป็นต้นไป ฟูจิตสึจะเริ่มต้นนำเสนอโซลูชั่นการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงงานนี้ โดยตั้งเป้ารายได้ 1 หมื่นล้านเยนในช่วง 3 ปีข้างหน้า
ความเป็นมา
เมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 ฟูจิตสึและอินเทลได้ริเริ่มโครงการความร่วมมือสำหรับการสร้างโซลูชั่น IoT โดยในช่วงระยะแรกนั้น บริษัททั้งสองได้ดำเนินการทดลองภาคสนามกับบริษัท ชิมาเนะ ฟูจิตสึ (Shimane Fujitsu Limited) โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยระบบตรวจสอบกระบวนการผลิตภายในโรงงาน และผลลัพธ์ที่ได้คือ สามารถลดต้นทุนได้มากถึง 30% เลยทีเดียว
ปัจจุบัน ภายใต้โครงการระยะที่สอง ฟูจิตสึเริ่มต้นการตรวจสอบรับรองระบบภายในโรงงานที่ปีนังของอินเทล โดยใช้ IoT เพื่อรองรับการตรวจสอบสถานะโดยรวมของโรงงาน รวมถึงสถานะการดำเนินงานของสายการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และการใช้พลังงาน ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการริเริ่มที่จะนำไปสู่การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการทำงานในระยะยาวต่อไป
ภาพรวมของระบบ
ระบบนี้ใช้เกตเวย์ IoT ที่ใช้เทคโนโลยีของอินเทล โดยครอบคลุมอุปกรณ์เกตเวย์หลากหลายรุ่นสำหรับระบบ IoT เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลสภาพแวดล้อมที่หลากหลายจากมิเตอร์ไฟฟ้าและน้ำประปา รวมไปถึงเซ็นเซอร์สภาพแวดล้อมที่ตรวจวัดอุณหภูมิและความชื้น และข้อมูลสถานะการปฏิบัติงานจากสายการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งจะถูกรวมศูนย์และจัดการในบริการ K5 IoT Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการใช้ข้อมูล IoT จากข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ ระบบจะแสดงผลตัวบ่งชี้สำคัญๆ ด้านการจัดการ เช่น พลังงานที่ใช้ และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการใช้กำลังการผลิตของเครื่องจักร ผ่านทางแดชบอร์ดอัจฉริยะ (Intelligent Dashboard) ซึ่งแสดงผลข้อมูลที่เชื่อมโยงกัน
ประโยชน์ที่ได้รับจากการแสดงผลข้อมูลสภาพแวดล้อม
ก่อนหน้านี้ ที่โรงงานผลิตในปีนัง ข้อมูลสภาพแวดล้อมภายในโรงงานถูกเก็บรวบรวมเป็นประจำทุกเดือน อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารไม่สามารถมองเห็นภาพรวมของข้อมูลได้อย่างทันท่วงที ส่งผลให้เกิดปัญหาในการนำเอาข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของส่วนต่างๆ ภายในโรงงานด้วยการติดตั้งระบบดังกล่าว จึงสามารถตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ได้เป็นประจำทุกวัน เช่น ข้อมูลการใช้พลังงาน และช่วยให้สามารถดำเนินนโยบายที่เหมาะสมได้อย่างทันท่วงที เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานภายในโรงงาน
ประโยชน์ที่ได้รับจากการตรวจสอบสายการผลิตเซมิคอนดักเตอร์
ก่อนหน้านี้ ข้อมูลการทำงานสำหรับแต่ละส่วนของเครื่องจักรการผลิตในสายการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ถูกเก็บรวบรวม ผนวกรวมเข้าด้วยกัน และใช้งานเป็นรายกรณี เช่น ในการระบุสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นกับอุปกรณ์การผลิต อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้บริหารไม่สามารถตรวจสอบสถานะการทำงานของสายการผลิตในแบบเรียลไทม์ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อมโยงข้อมูลกับการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการทำงาน
การติดตั้งระบบนี้ทำให้สามารถตรวจสอบสถานะการทำงานของอุปกรณ์ทั่วทุกพื้นที่ภายในโรงงานในแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้บริหารสามารถกำหนดมาตรการที่เหมาะสมสำหรับการแก้ไขปัญหาในสายการผลิตได้อย่างรวดเร็ว
การพัฒนาในอนาคต
จากความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการทดลองใช้งานภาคสนามที่โรงงานของชิมาเนะ ฟูจิตสึ และระบบตรวจสอบประสิทธิภาพการผลิตที่ติดตั้งในโรงงานของอินเทลที่ปีนัง ฟูจิตสึจะเริ่มนำเสนอโซลูชั่นนี้สำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงงานทั้งหมดโดยใช้ IoT ให้แก่ลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมการผลิตตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2560 เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าหมายที่จะสร้างรายได้ 1 หมื่นล้านเยนในช่วง 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ บริษัททั้งสองยังมีแผนที่จะขยายไปสู่โซลูชั่น IoT สำหรับภาคส่วนอื่นๆ เช่น ธุรกิจค้าปลีกและตัวแทนจำหน่าย รวมถึงภาครัฐ
มากิโกะ เอดะ ประธานของอินเทล เค.เค. ได้ให้ความเห็นว่า ความร่วมมือกับฟูจิตสึในการติดตั้งระบบ "Intelligent Dashboard" ที่โรงงานของอินเทลในเมืองปีนัง แสดงถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนนวัตกรรม IoT ด้วยการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลที่สร้างขึ้นภายในโรงงาน โดยใช้เกตเวย์ IoT ที่ใช้เทคโนโลยีของอินเทล และเซิร์ฟเวอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยโปรเซสเซอร์ Intel Xeon โดยจะสามารถแสดงและตรวจสอบสถานะการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ภายในโรงงานในแบบเรียลไทม์และในรูปแบบที่ชาญฉลาด ภายใต้ความร่วมมือกับฟูจิตสึ อินเทลจะพัฒนาต่อยอดความสามารถ เทคโนโลยี และแพลตฟอร์มโซลูชั่น เพื่อรองรับการปรับปรุงโรงงานอื่นๆ ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลก และสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชมที่เว็บไซต์ www.fujitsu.com
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : www.fujitsu.com วันที่ : 8 มิถุนายน 2560
Google Vids ปลดล็อกพลังการสร้างวิดีโอด้วย AI บน Google Workspace
Google เปิดตัว Find My Device เวอร์ชันใหม่ ค้นหาอุปกรณ์ Android ได้แม้ปิดเครื่องหรือไม่มีเน็ต!
Exynos 1480 ชิปเซ็ตระดับกลางตัวใหม่จาก Samsung ประสิทธิภาพแรงขึ้น ประหยัดพลังงาน และรองรับฟีเจอร...
Google Messages อัปเดตใหม่! ฝัง Gemini AI คุยโต้ตอบได้เหมือน AI Chatbot โดยไม่ต้องโหลดแอปฯ เพิ่ม
Hyundai IONIQ 6 ดีไซน์ล้ำสมัย ขับขี่ไกล 545 กม. เปิดตัวในไทยราคา 1.899 ล้านบาท
Mercedes-Benz แนะนำ 5 ผู้ให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้า สำหรับรถอีวีและและปลั๊กอินไฮบริด
ส่องฟีเจอร์ realme 12+ 5G บอดี้สุดแกร่ง พร้อมรับทุกแรงปะทะในเทศกาลปีใหม่ไทย
vivo T3 5G สมาร์ทโฟนหน้าจอ AMOLED 120Hz มีกล้องความละเอียดสูงสุด 50MP กันสั่น OIS
เตรียมเปิดตัว Tesla Model 3 Performance (Ludicrous) ซูเปอร์ซีดานไฟฟ้าที่สุดแห่งสมรรถนะ
vivo V40 SE 5G เต็มตากับจอ AMOLED กว้าง 6.67 นิ้ว ได้ชิปเซ็ต Snapdragon 4 Gen 2
HONOR X7b 5G ขยับใช้ชิปเซ็ต Dimensity 6020 จุใจด้วยกล้องระดับ 108MP
Meta ขนทัพฟีเจอร์ใหม่ แชทได้มันส์กว่าเดิมบน Messenger13 ชั่วโมงที่แล้ว
HONOR X7b 5G ขยับใช้ชิปเซ็ต Dimensity 6020 จุใจด้วยกล้องระดับ 108MP21 ชั่วโมงที่แล้ว