หูฟัง Earbuds (Earbuds) | วันที่ : 9 กรกฎาคม 2561
Apple Watch Series 3 (GPS + Cellular) เป็นนาฬิกาข้อมืออัจฉริยะที่อยู่ใน Series 3 ซึ่งก่อนหน้านี้ที่นำมาขายในประเทศไทยคือรุ่น GPS (ดูรีวิว Apple Watch Series 3 (GPS) โดยความแตกต่างของ Apple Watch Series 3 (GPS + Cellular) นี้ มาพร้อมระบบเซลลูลาร์ในตัว โดยไม่จำเป็นที่จะต้องอาศัย iPhone ตลอดเวลาถึงแม้ไม่ได้พก iPhone ก็ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติไม่ว่าจะเป็นการโทรเข้า-โทรออก การแจ้งเตือน รวมถึงการพิมพ์โต้ตอบข้อความต่างๆ ทั้งยังเพิ่มเติมด้วยฝาหลังเซรามิก หน่วยความจำเพิ่มขึ้นเป็น 16GB ในส่วนสเปกของตัวเครื่อง และข้อมูลต่างๆ ยังคงเหมือนคงเดิม
เริ่มกันด้วยที่กระจกหน้าปัดของตัวเรือนที่ผลิตมาจากกระจก Ion-X อันแข็งแกร่ง มีความแข็งแรงทนทาน และป้องกันรอยขีดข่วน ในส่วนตัวเรือนผลิตมาจากอลูมิเนียมที่มีความแข็งแรงทนทานเช่นเดียวกัน
ข้างตัวเรือนด้านขวาด้านบนจะเป็นปุ่ม Digital Crown (เม็ดมะยม) ที่ใช้สำหรับการสั่งงานของตัวเครื่อง ด้านล่างจะเป็นปุ่ม Side Button ที่ใช้สำหรับการเรียกดูแอพที่ใช้ล่าสุด และเปิด/ปิดเครื่อง
ส่วนทางด้านซ้ายด้านบนจะเป็นช่องลำโพงเสียง ถัดลงมาจะมีรูกลมๆ 2 รู โดยรูแรกจะเป็นรูระบายอากาศ และด้านล่างสุดเป็นรูไมค์โครโฟนสำหรับสนทนา
ด้านหลังของตัวเครื่อง โดยรอบๆ ฝาหลังสีดำที่นูนออกมาจากตัวเรือนผลิตจากเซรามิก ตรงกลางจะมีเซนเซอร์วัดชีพจรหัวใจแล้วครอบทับด้วยกระจกแซฟไฟร์อีกที โดยรอบๆ ของฝาหลังจะมีข้อมูลของตัวเครื่องบอกอยู่ เช่น ชื่อรุ่น วัสดุ การกันน้ำ และขนาด
ตรงขอบข้างๆ ของฝาหลังทั้งสองฝั่งจะมีปุ่มสำหรับกดเพื่อปลดสายนาฬิกา สามารถถอดสายได้ด้วยการกดแล้วเลื่อนออก
สายของตัวนาฬิกาจะเป็นสายแบบ Sport Band ทำมาจากยาง Fluoroelastomer ที่มีความยืดหยุ่นทนทานต่อการใช้งาน
อุปกรณ์ภายในกล่อง
การเชื่อมต่อเข้ากับ iPhone
Apple Watch Series 3 (GPS + Cellular) นี้จะต้องทำงานร่วมกับ iPhone 6 ขึ้นไปที่ใช้ iOS 11 หรือใหม่กว่า
สำหรับการเชื่อต่อ Apple Watch Series 3 (GPS + Cellular) เข้ากับ iPhone ยังคงทำการเชื่อมต่อไม่ต่างจากรุ่นก่อนๆ ที่ผ่านมา โดยก่อนเริ่มต้นการใช้งานนั้นจะต้องปลดล๊อคตัวเครื่องนาฬิกาก่อน (สำหรับเครื่องใหม่อาจใช้เวลา 2-3 นาที ในการปลดล็อค) แล้วทำการเชื่อมต่อ Apple Watch เข้ากับ iPhone ผ่านทาง Bluetooth ในตัว แต่หากเคยปลดล๊อคมาแล้วก็ไม่ต้องทำขั้นตอนนี้อีก โดยสามารถนำนาฬิกาไป Pair กับ iPhone ได้เลย
การเชื่อมต่อ Apple Watch (Pair) เข้ากับ iPhone นั้น จะต้องทำการเปิด Bluetooth บน iPhone ซะก่อน แล้วหลังจากนั้นเปิดแอพพลิเคชั่น Apple Watch บน iPhone แล้วกดปุ่ม Start Pairing (เริ่มจับคู่) หลังจากนั้นบนหน้าปัดของ Apple Watch จะปรากฏรูปกราฟฟิกขึ้นมา และบน iPhone จะให้เราทำการสแกนไปที่รูปดังกล่าวเพื่อทำการเชื่อมต่อ
หลังจากทำการเชื่อมต่อแล้ว ตัวนาฬิกาจะทำการถามข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้ เช่น ใส่นาฬิกาข้างไหน ปุ่ม Digital Crown (เม็ดมะยม) อยู่ด้านไหน ส่วนแอพฯ ต่างๆ จาก iPhone ระบบจะทำการตั้งค่าแอพฯ (Activity) และบริการต่างๆ
บนเครื่อง iPhone ให้อัตโนมัติ
หน้าจอแสดงผล/การใช้งานพื้นฐาน
Apple Watch Series 3 (GPS + Cellular) ยังคงรูปแบบการใช้งานไม่ต่างจากรุ่นก่อนๆ ซึ่งหน้าปัดนาฬิกาสามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบ และสามารถตั้งค่าในการเพิ่มหน้าปัดของตัวนาฬิกาได้ทั้งในตัวนาฬิกาเอง โดยการกดลงไปบนหน้าจอ ส่วนใน iPhone โดยผ่านแอพฯ บนตัวเครื่อง ทั้งยังสามารถตั้งค่าแก้ไขข้อมูลต่างๆ ได้อย่างง่ายดายตามความต้องการของผู้ใช้ได้อีกด้วย และใน WatchOS ใหม่นี้ได้เพิ่มแกลเลอรี่หน้าปัดให้ผู้ใช้ได้สามารถเลือกใช้งานได้มากขึ้น
แกลเลอรี่หน้าปัด
หน้าปัดนาฬิกาสามารถเปลี่ยนหน้าปัดได้หลากหลายรูปแบบเพียงเลื่อนซ้ายขวา จะเห็นหน้าปัดตามที่ได้ตั้งค่าไว้
เมื่อปัดหน้าจอตัวนาฬิกาลงมาจะพบกับการแจ้งเตือนต่างๆ ทั้ง LINE, อีเมล์, ข้อความ, สายที่ไม่ได้รับ รวมถึงการแจ้งเตือนอื่นๆ จากไอโฟนมายังนาฬิกาทันที
เมื่อปัดหน้าจอนาฬิกาขึ้นจะเจอกับการแสดงผลค่าสถานะ โหมดต่างๆ ของตัวเครื่อง
ปุ่ม Digital Crown (เม็ดมะยม)
ในรุ่น GPS + Cellular ปุ่ม Digital Crown (เม็ดมะยม) ในรุ่นนี้จะไม่เหมือนในรุ่น GPS คือจะมีสีแดงอยู่ระหว่างกลาง แต่ในส่วนของการใช้งานยังคงทำหน้าที่เหมือนเดิมคือ กด 1 ครั้งเพื่อกลับไปยังหน้าหลัก กดค้างไว้เพื่อใช้ Siri ตัวปุ่มสามารถหมุนขึ้น-ลง เพื่อเลื่อน (Scroll) ดูรายการเมนูต่างๆ รวมถึงการซูมเข้า-ออก
ปุ่ม Side Button
เป็นปุ่มที่สำหรับใช้เปิดหน้าจอการทำงานของตัวนาฬิกา กด 1 ครั้ง จะเป็นการเรียกดูแอพที่เข้าใช้ล่าสุด กด 2 ครั้งติดกันจะเข้าสู่โหมด Apple Pay หรือกดค้างไว้จะเป็นการปิดเครื่อง ID ทางการแพทย์ และปุ่มโทรฉุกเฉิน SOS
การใช้งานเครือข่ายเซลลูลาร์
อย่างแรกในการเชื่อมต่อ Apple Watch Series 3 (GPS + Cellular) ผู้ใช้งานจะต้องใช้งาน iPhone ตั้งแต่ iPhone 6 ขึ้นไปจะต้องเป็น iOS เวอร์ชั่น 11.3 หรือใหม่กว่า และWatchOS 4.3 หรือใหม่กว่า และเครือข่ายผู้ให้บริการทั้ง Apple Watch และ iPhone จะต้องเป็นรายเดียวกันด้วยเพื่อให้การใช้งานที่จะสะดวกยิ่งขึ้น
โดยตอนแรกในการเชื่อมต่อตัว Apple Watch Series 3 (GPS + Cellular) และยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขบน iPhone แล้วจากนั้นบนตัวเครื่องจะถามถึงการตั้งค่าเซลลูลาร์ โดยที่ผู้ใช้งานจะต้องกดที่ตั้งค่า และจะขึ้นไปยังหน้าของเครือข่ายที่ให้บริการของผู้ใช้ โดยจะต้องใส่เลขบัตรประชาชน หรือเลขหนังสือเดินทางแล้วยอมรับเงื่อนไขของเครือข่ายผู้ให้บริการ หลังจากเชื่อมต่อเสร็จแล้วจะมี SMS เข้ามายังเครื่อง iPhone เป็นอันเสร็จสิ้นการเชื่อมต่อ
เมื่อไม่มี iPhone ใช้งานอะไรได้บ้าง
บางช่วงเวลาที่ผู้ใช้ไม่มี iPhone ติดตัวอยู่ด้วย โดย Apple Watch ในรุ่นก่อนๆ อาจจะใช้งานอะไรไม่ได้เมื่อระยะไม่ถึงกับการเชื่อมต่อของตัว iPhone แต่ในรุ่น Apple Watch Series 3 (GPS + Cellular) จะสามารถใช้งานทุกอย่างได้ตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นการโทร ส่งข้อความ หรืออ่านข้อมูลข่าวสารต่างๆ
จะรู้ได้อย่างไรว่า Apple Watch ของคุณเชื่อมต่อ เซลลูลาร์ แล้ว
ในขณะที่เชื่อมต่อเครือข่ายเซลลูลาร์ตรงแถบช่องสัญญาณจะเป็นสีเขียว และแสดงแถบความแรงสัญญาณจุดสีเขียว 4 จุด โดยจะแสดงอยู่บนหน้าศูนย์ควบคุม (โดยการใช้เครือข่ายเซลลูลาร์จะต้องแชร์ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ร่วมกัน iPhone)
การเชื่อมต่อ Wi-Fi
ในกรณีที่ iPhone ถูกปิดอยู่ หรืออยู่นอกสัญญาณเครือข่าย Apple Watch Series 3 (GPS + Cellular) สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่เชื่อมต่อไว้ก่อนหน้านี้บน iPhone ได้ โดยเมื่อเชื่อมต่อแล้ว จะมีแถบแสดงสัญญาณอยู่ด้านบนในหน้าศูนย์ควบคุม และสามารถใช้งานแอพฯ ต่างๆ ได้ (ตามรูปภาพด้านล่าง)
ในกรณีที่ไม่ได้เชื่อมต่อ Wi-Fi, เซลลูลาร์ หรือ iPhone
บางครั้งในขณะเดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ที่ไม่มี Wi-Fi สัญญาณเซลลูลาร์ และ iPhone ของคุณปิดอยู่ตัวนาฬิกายังคงสามารถใช้งานได้บางแอพฯ (ตามรูปด้านล่างรูป)
Apple Watch Series 3 (GPS + Cellular) ยังมาพร้อมกับสายนาฬิกาข้อมือหลากหลายสีสัน ที่จะให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกสายที่ถูกใจในสไตล์ของผู้ใช้งานมากที่สุด โดยมีวางจำหน่าย 2 ขนาด ได้แก่ ตัวเรือน 38 มม. วางจำหน่ายในราคา 14,900 บาท และตัวเรือน 42 มม. วางจำหน่ายในราคา 15,900 บาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.apple.com/th/apple-watch-series-3/
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
วันที่ : 9 กรกฎาคม 2561
Sonos จัดเต็มส่งท้ายปีกับโปรโมชั่น 12.12 ให้คุณช้อปฟินด้วยส่วนลดสูงสุดกว่า 30%
Blackview Active 10 Pro มาแล้ว! แท็บเล็ต 5G แบตฯ อึด กล้องเทพ ลดแรงแค่ 7 วันเท่านั้น!
DJI Mic Mini ไมโครโฟนไร้สายขนาดเล็กรุ่นใหม่ในตระกูล OsmoAudio
Redmi Watch 5 สมาร์ทวอทช์รุ่นแรกรันบน HyperOS 2 หน้าจอสี่เหลี่ยม AMOLED กว้าง 2.07 นิ้ว
OPPO ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่แบบจัดเต็ม ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำสมัยพร้อมโปรโมชั่น
Xiaomi Store สาขาเดอะมอลล์ งามวงศ์วาน จัดกิจกรรมและโปรโมชันพิเศษฉลองเปิดสาขา
Blackview Active 10 Pro มาแล้ว! แท็บเล็ต 5G แบตฯ อึด กล้องเทพ ลดแรงแค่ 7 วันเท่านั้น!
OPPO Reno 13 Series ชิปเซ็ต Dimensity 8350 กันน้ำกันฝุ่น IP69 และชาร์จเร็ว 80W!
สรุปจุดเด่นและสเปค OPPO Pad 3 Pro หน้าจอ 144Hz ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 3 ลำโพง 8 ตัว แบตฯ 9510mAh
ROG Phone 9 Series กับฟังก์ชัน AniMe Vision display และลูกเล่น AI เกมมิ่งฟีเจอร์แบบจัดเต็ม
รีวิว HONOR 200 Smart 5G คุ้มค่าเกินราคา สุดยอดสมาร์ทโฟนสำหรับคนชอบลุย12 ชั่วโมงที่แล้ว