สมาร์ทโฟน (Smartphone)  |   วันที่ : 21 ธันวาคม 2561

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

Advertorial : นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาในปี 2018 สมาร์ทโฟนทุกแบรนด์ต่างต้องการทำให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองแตกต่างกว่าใครๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำให้ฝาหลังไล่เฉดสี กล้องหลายเลนส์ หรือสเปคที่เร็วแรง แต่ก็มีอยู่แบรนด์หนึ่งที่คิดนอกกรอบไปไกลมากกว่านั้น และนั่นก็คือแบรนด์ OPPO ที่โดดเด่นเป็นสง่าขึ้นมาท่ามกลางสมาร์ทโฟนหลายแบรนด์ที่ดูจะคล้ายกันไปเสียจนหมด นับตั้งแต่ดีไซน์กล้องเลื่อนขึ้น (Stealth 3D Cameras) รุ่นแรกของโลกกับ OPPO Find X หรือหน้าจอรอยบากทรงหยดน้ำ (Water Drop Screen) ใน OPPO F9 อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีรุ่นอื่นๆ ที่มีให้เราพูดถึงอีกมากสำหรับ OPPO ในปี 2018 กับการเป็น "Best Design of Smartphone in 2018"

สำหรับ OPPO นอกจากเรื่องสเปคภายในที่ต้องเร็วแรง คุ้มค่ากับราคาเพื่อให้ตรงโจทย์กับผู้บริโภคแล้ว เรื่องของการดีไซน์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะแต่ละรุ่นและการออกแบบนั้นบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งาน โดยในปี 2018 สมาร์ทโฟนของ OPPO ต่างออกแบบมาเพื่อเราโดยเฉพาะ เริ่มตั้งแต่ OPPO R15 Pro ที่ได้จับมือกับดีไซน์เนอร์ชื่อดังด้านการใช้สีอย่าง Karim Rashid และก็ได้พัฒนาต่อมาเรื่อยๆ จนมาถึง OPPO R17 Pro โดยเราก็จะมาดูถึงจุดเริ่มต้นของการเป็นสมาร์ทโฟนดีไซน์สวยแห่งปี 2018 จาก OPPO ในแต่ละรุ่นกัน

ในช่วงกลางปี 2018 ทาง OPPO ได้เปิดตัว OPPO R15 Pro ที่แสดงถึงดีไซน์ที่เรียบง่าย สะดุดตาด้วยการไล่เฉดสีจนกลายเป็นความพรีเมี่ยมใหม่ที่หาได้ยาก ด้วยฝีมือการออกแบบร่วมกับ Karim Rashid ดีไซน์เนอร์ชื่อดังด้านการใช้สีในวงการอุตสาหกรรมผู้ได้รับฉายาว่าเป็น "กวีพลาสติก" จึงทำให้เกิดมาเป็นตัวเครื่อง 2 สี 2 สไตล์ ได้แก่ สีแห่งความสดใส ดูโดดเด่นไม่เหมือนใครกับสีแดง Ruby Red และอีกสีที่แสดงถึงความเข้มความขรึมก็มีสีม่วง Cosmic Purple เป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง ที่ดูมีมิติ ไล่เฉดจากบนลงล่างได้อย่างน่าหลงไหล แถมด้วยความที่ตัวเครื่องใช้วัสดุกระจกมันวาวยิ่งทำให้ OPPO R15 Pro ให้ความรู้สึกที่ดูแพง

แล้วเมื่อลองมองถึงกระจกโค้ง 3D ก็ทำให้ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบ มีการสะท้อนเล็กๆ เมื่อมองที่หน้าจอแต่ก็ดูกลมกลืนในเวลาเดียวกัน แถมยังให้ความรู้สึกที่กระชับรองรับกับอุ้งมือเมื่อได้สัมผัมจากการใช้งาน ขณะเมื่อเราใช้งาน OPPO R15 Pro ที่ใช้หน้าจอรอยบาก Super Full Screen ที่ได้การออกแบบมาใหม่ให้กลายเป็นรุ่นที่มีมุมมองกว้าง ส่งผลให้กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่มีอัตราส่วนหน้าจอใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาของ OPPO เลยทีเดียว เรียกได้ว่าคำขนานนามของ "ดีไซน์" จาก OPPO นอกจากสีตัวเครื่องที่ต้องงดงามขั้นสุดแล้ว เรื่องของการออกแบบเพื่อการใช้งานก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน

OPPO ยังให้ความสำคัญกับตระกูลเล็กอย่าง F Series เช่นเดียวกัน โดยในรุ่น OPPO F9 ก็มาพร้อมดีไซน์หน้าจอรอยบากทรงหยดน้ำรุ่นแรก "Water Drop Screen" ยิ่งทำให้สัดส่วนการแสดงผลนั้นกว้างยิ่งขึ้นไปอีก เหลือไว้แต่เพียงกล้องหน้า ลำโพง และเซ็นเซอร์เท่านั้น ประกอบกับการเป็นรุ่นแรกที่มีการไล่เฉดสีแบบ Gradient ทั้งตัวเครื่องด้านหลังและขอบเครื่อง โดยสีแดง Sunrise Red และสีน้ำเงิน Twilight Blue ก็ได้รับแรงบันดาลใจจากแสงธรรมชาติ ไล่เฉดสีแดงหรือน้ำเงินกลืนไปเป็นสีเข้ม แถมเมื่อยิ่งสะท้อนแสงในมุมต่างๆ ก็จะปรากฏออกมาเป็นพื้นผิวลายกลีบดอกไม้คล้ายเพชร แถมการใช้งานทั้งการจับถือนั้นโค้งรับกับมือได้เป็นอย่างดี ไม่ต่างจาก OPPO R15 Pro เลยทีเดียว

ขณะเดียวกันก็ยังมีสีม่วง Starry Purple ที่ให้ความรู้สึกเหมือนมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มีดวงดาวเปร่งประกายอยู่เต็มไปหมด สวยงามแบบมีมิติ ถือไปใช้งานที่ไหนก็ต้องมีคนเหลียวตามองตัวเครื่อง OPPO F9 สีนี้อย่างแน่นอน รวมไปถึงสีใหม่ล่าสุดอย่างสีเขียวหยก Jade Green ที่มาแบบ Limited Edition ช่วยให้เราเข้าถึงความพรีเมี่ยมได้อย่างแท้จริง และเมื่อเรามองมาถึงจุดนี้ OPPO เริ่มมีความเป็นแฟชั่นแบบเฉพาะตัวมากขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงรุ่นถัดไปที่เรากำลังพูดถึง

 

ผ่านพ้นรุ่นระดับกลางไปเรียบร้อยในช่วงกลางปี ก็มาถึงการกลับมาในรอบ 4 ปีของตระกูลระดับ High-End อย่าง 'Find Series' อย่างยิ่งใหญ่ในรุ่น OPPO Find X ที่มีดีไซน์ล้ำขั้นสุดด้วยหรือนวัตกรรมซ่อนกล้องสไลด์ขึ้นลงที่คิดอย่างนอกกรอบในนาม Stealth 3D Cameras กลายเป็นรุ่นแรกของโลกที่ไม่มีรอยบาก ช่วยให้หน้าจอแสดงผลนั้นมีพื้นที่เต็มตาถึง 93.8% ถือว่ามากที่สุดที่เคยมีในสมาร์ทโฟนทุกแบรนด์ แถมใครที่ไม่ชอบรอยบาก (Notch) เพราะจะมาบดบังการแสดงผลของหน้าจอ ก็ไม่มีมารบกวนใจอีกต่อไป

ขณะที่ฝาหลังยังคงความเป็นไฮไลท์ของ OPPO ได้อย่างสมบูรณ์แบบจากการผลิตจากกระจก 3D Glass โค้งรับอุ้งมือได้อย่างพอดิบพอดี ยิ่งมีการไล่เฉดสีแบบ Gradient Design ที่สะดุดตามากๆ จากสีดำกลางตัวเครื่อง ไล่ออกไปที่ขอบด้านข้างจนเกิดเป็นสีที่ดูแวววาวดั่งคำนิยามของ "Bordeaux Red" ไวน์ฝรั่งเศสที่กลมกล่อมในทุกสัมผัส และ "Glacier Blue" ธารน้ำแข็งสีน้ำเงินเสมือนความแกร่งทุกการใช้งาน ทำให้ OPPO Find X ดูมีมิติมากขึ้น ไม่ว่าแสงจะตกกระทบในมุมไหนเราก็จะได้ความสวยงามของตัวเครื่องขณะใช้งานอย่างแน่นอน 

และสุดท้ายมาถึงรุ่นล่าสุดที่ร้อนแรงปิดท้ายปี 2018 กับรุ่น OPPO R17 Pro ที่มาพร้อมกับกระจกเวอร์ชันใหม่อย่าง Corning Gorilla Glass 6 รุ่นแรกของโลก แข็งแกร่งกว่า Gorilla Glass 5 ถึง 2 เท่า ประกอบกับดีไซน์หน้าจอหยดน้ำ Waterdrop Screen ทำให้รับชมสิ่งต่างๆ ได้เต็มตามากขึ้น 

ซึ่งก็แน่นอนว่า OPPO R17 Pro ต้องมีฝาหลังแบบ Gradient Design ไล่เฉดอย่างดงามจนเกิดเป็นสีสุดอลังการอย่าง Radiant Mist และ Emerald Green ที่เมื่อมีแสงตกประทบจะสะท้อนออกมาคล้ายตัวอักษร 'S' ได้ความสดใหม่ไม่เหมือนใคร ไม่ใช่แค่ไล่เฉดแบบปกติ เวลาเดียวกันยังให้ความรู้สึกที่ดูน่าค้นหาและน่าใช้งานเป็นอย่างมาก ประกอบกับการที่เคลือบกระจกผิวด้านยิ่งให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากรุ่นอื่นทั่วไป ไม่ลื่นมือ ไม่ต้องกลัวตกหล่นแม้ไม่ได้ใส่เคสก็ตาม แถมไม่เป็นลายนิ้วมือง่ายๆ อีกต่างหาก

บอกมาถึงขนาดนี้ เราจะเห็นเลยว่าสมาร์ทโฟนในปี 2018 ของ OPPO มีการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านสเปคที่ต้องเร็วแรง ฟีเจอร์ครบครันที่จบได้ในเครื่องเดียว และดีไซน์ที่สวยงามไม่เป็นสองรองใครจนต้องขนานนามให้แบรนด์นี้กลายเป็น "สมาร์ทโฟนที่มีดีไซน์สวยงามที่สุดในปี 2018"

**บทความเพื่อการโฆษณา**

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

มือถือออกใหม่