กรณีศึกษา : อุทาหรณ์ 3 เคสอันตรายต่อชีวิตกับการใช้งานสมาร์ทโฟนผิดๆ

ในยุคสมัยที่สมาร์ทโฟนได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และสามารถเป็นตัวแทนของเราในทุกเรื่องได้เลย หรือจะควบคุมอะไรก็แสนง่ายดายทั้งคำสั่งเสียง, นิ้วมือ หรือผู้ช่วยส่วนตัว AI ต่างๆ สั่งการแทนเรา ดังนั้นจึงไม่แปลกที่อุตสาหกรรมดังกล่าวยังเติบโตเรื่อยๆ ทว่าในคุณประโยชน์นานานัปการก็ยังมีข้อควรระวังที่ผู้ใช้ต้องตระหนักระมัดระวัง เพราะเกิดอันตรายต่อชีวิตได้เลย

เริ่มจากการใช้งานสมาร์ทโฟนนานเกินไป ทั้งผู้ใหญ่ หรือเด็กในปัจจุบันก็ก้มหน้าก้มตาเล่นอย่างต่อเนื่องมากขึ้นเป็นระยะเวลานาน ทั้งสื่อโซเชียล, สื่อวิดีโอ หรือเล่นเกม นั่นหมายความว่ากล้ามเนื้อตาเราไม่ได้พักผ่อนเลย ตั้งแต่เช้ายันเย็น ดังนั้นจึงเห็นข่าวสารเกี่ยวกับการต้องผ่าตัดตา เนื่องจากที่แสงสีฟ้าทำลายสายตา, อาการตาแห้ง หรืออาการปวดหัวโดยไม่มีสาเหตุ ล้วนเกิดจากการเล่นนาน โดยเฉพาะเด็กที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ! เพราะพ่อแม่ยุคดิจิตอลนิยมให้ลูกใช้เวลากับสื่อวิดีโอกว่าตนเอง..

2. การเซลฟี่ฝืนธรรมชาติ และการไม่คำนึงถึงอันตราย บ่อยครั้งที่เราไปท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆ ก็มักเห็นผู้คนถ่ายภาพในลักษณะแปลก ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ เพื่อให้ได้ภาพที่ไม่เหมือนใคร เช่น หน้าผา, โขดหินริมทะเล, บนโต๊ะบนเก้าอี้, บนฝานั่งชักโครก, ราวบันได เป็นต้น โดยเราจะเห็นได้ในข่าวสารประจำวัน ล่าสุดก็เป็นข่าวของสองสามชาวพม่าที่ขึ้นไปเซลฟี่ที่โขดหินและลื่นพลัดตกลงมาเสียชีวิต (matichon.co.th)

3. ก้มหน้าก้มตาเล่น เรามักเห็นพฤติกรรมเหล่านี้บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นทางเดินทั่วไป, ทางม้าลาย, ขณะขับรถยนต์/มอไซค์, ตอนรับประทานอาหาร เป็นต้น ต้องบอกว่าสามารถทำอันตรายต่อชีวิตเราได้เลย ยกตัวอย่างเช่นให้เด็กเล็กดูคอนเทนต์วิดีโอขณะรับประทานอาหารก็อาจติดคอได้ เพราะเด็กมัวแต่สนใจสิ่งเร้าตรงหน้า หรือกรณีที่เด็กนักศึกษาพลัดตกอาคารเสียชีวิต อันเนื่องจากการเล่นเกม นั่นหมายความว่าขณะที่สนใจอย่างหนึ่ง ความมีสติของเราก็น้อยลง ดังนั้นอะไรที่สุ่มเสี่ยงจึงต้องใช้สติให้มากขึ้น ดีกว่าเรียกคืนอะไรกลับคืนมาไม่ได้

ข่าวสารในชีวิตประจำวันล้วนแต่มีสมาร์ทโฟนเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่เพียงแค่ชีวิตเท่านั้น ทรัพย์สินก็มีด้วยเช่นกัน ดังนั้นเราอาจต้องตระหนักให้มากขึ้น พร้อมป้องกันตนเองไม่ให้อยู่ในพฤติกรรมสุ่มเสี่ยง ใช้อย่างมีสติ แยกแยะให้มากขึ้น เพียงเท่านี้โลกของคุณก็จะกว้างขึ้น