Huawei และ Honor เผยเป้าหมายใหม่สำหรับกลยุทธ์แบรนด์คู่

นายริชาร์ด หยู ซีอีโอของ หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป ประกาศเป้าหมายกลยุทธ์ใหม่ของบริษัท ผ่านบัญชี Sina Weibo ทางการของเขาว่า

1. หัวเว่ย จะก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลก
2. ออเนอร์ จะก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อันดับ 2 ของจีน และอันดับ 4 ของโลก
3. บริษัทจะสนับสนุน ออเนอร์ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ล้ำสมัย และเดินหน้าลงทุนในนวัตกรรมเทคโนโลยี ช่องทางการจัดจำหน่าย และกลยุทธ์ค้าปลีก ขณะที่ยังคงยึดมั่นต่อกลยุทธ์แบรนด์คู่ (dual-brand strategy) ระหว่างออเนอร์และหัวเว่ย โดยทั้งสองแบรนด์จะรักษาไว้ซึ่งวิสัยทัศน์ในการคิดไปข้างหน้า และช่วยสร้างโลกอัจฉริยะแห่งการเชื่อมต่อที่ดีกว่า

นายริชาร์ด หยู เชื่อว่า “หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป เดินทางมาถึงบทใหม่” และ “หัวเว่ยและออเนอร์จะก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลกในปีนี้”

การประกาศเป้าหมายใหม่เหล่านี้มีขึ้นหลังจากที่บริษัทได้บรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ทั้ง 7 ประการ ซึ่งนายริชาร์ด หยู ได้ตั้งไว้เมื่อปี 2555 ได้แก่

1. เปลี่ยนจากผู้รับจ้างผลิต ODM ที่ไม่มีแบรนด์ สู่แบรนด์ OEM อิสระ
2. ยกระดับจากเทอร์มินัลอัจฉริยะระดับล่างถึงระดับกลาง สู่ระดับบน
3. ยุติการขายโทรศัพท์ฟีเจอร์โฟนระดับล่างสุด ซึ่งมียอดขายสูงแต่ผลกำไรต่ำ
4. รวมหน่วยประมวลผลแบบสี่แกนของ HiSilicon เข้ากับชิป Balong
5. พัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
6. ออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ Emotion UI
7. ก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นอันดับต้นในอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์โลก

ธุรกิจผู้บริโภคของหัวเว่ยนำรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 48.4% ซึ่งเหนือกว่าธุรกิจเครือข่ายโทรคมนาคมของหัวเว่ย โดยในปีที่ผ่านมา ธุรกิจผู้บริโภคของหัวเว่ยทำยอดขายได้ถึง 3.489 แสนล้านหยวน เพิ่มขึ้น 45.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่งผลให้กลายเป็นธุรกิจที่ทำรายได้ให้บริษัทมากที่สุด

ขณะที่ ออเนอร์ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้วยการเติบโตที่แข็งแกร่ง แม้อุตสาหกรรมทั่วโลกจะชะลอตัวก็ตาม ข้อมูลจาก IDC ระบุว่า การจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2561 ลดลง 3.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ออเนอร์กลับสวนกระแสดังกล่าว โดยมียอดจัดส่งเพิ่มขึ้น 27.1% นอกจากนี้ ออเนอร์ยังสามารถเพิ่มยอดขายในต่างประเทศได้มากกว่า 170% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อีกทั้งทำยอดขายออนไลน์ทั่วโลกได้สูงสุดเป็นอันดับที่ 2 ในปี 2561 ซึ่งเพิ่มขึ้น 29.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี

ออเนอร์ยังได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่จำนวนมากในปีนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้บุกเบิกของแบรนด์ในอุตสาหกรรม โดยเทคโนโลยีใหม่ได้แก่

3D TOF: โทรศัพท์ Honor View 20 มีระบบกล้องหลังที่มาพร้อมเซนเซอร์ TOF (Time of Flight) 3 มิติ เนื่องจากเซนเซอร์ตัวใหม่นี้มีความสามารถในการตรวจจับความลึก การตรวจจับโครงสร้างกระดูก และการจับการเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ Honor View 20 จึงเข้ามาพลิกโฉมวงการ 3D พร้อมด้วยตัวเครื่องบางเฉียบและฟังก์ชันโดน ๆ เช่น การเล่นเกม 3 มิติที่ควบคุมด้วยท่าทาง การสร้างภาพ 3 มิติ และ Magic AR

จอแสดงผลแบบ All-View: Honor View 20  ใช้หน้าจอแสดงผล 2310p x 1080p ความละเอียด 398 PPI ขนาด 6.4 นิ้ว หน้าจอ All-View แบบใหม่นี้ใช้นวัตกรรมการออกแบบกล้องให้ฝังในหน้าจอ ทำให้ไม่มีรอยบากแบบที่ใช้กันโดยทั่วไปซึ่งกินพื้นที่ค่อนข้างกว้างบริเวณจอด้านหน้า โดยกล้องหน้าของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ถูกฝังอยู่ในรูขนาดเล็กจิ๋วเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 4.5 มิลลิเมตร ด้วยเหตุนี้ Honor View 20 จึงมอบประสบการณ์การรับชมสุดน่าทึ่ง ด้วยอัตราส่วนจอแสดงผลกับตัวเครื่องสูงถึง 91.8% นอกจากนี้ อัตราส่วนหน้าจอกว้าง 19.5:9 ของ Honor View 20 ยังใกล้เคียงกับอัตราส่วนที่ใช้ในโรงภาพยนตร์ ทำให้ได้ประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์สุดดื่มด่ำประทับใจ

5G: หัวเว่ย และ ออเนอร์ มีส่วนอย่างมากในความก้าวหน้าของเครือข่ายทั้ง 3 ระดับ ตั้งแต่ 3G ถึง 4G และปัจจุบันคือ 5G บทบาทแรกคือการเป็นผู้ริเริ่มมาตรฐานและสิทธิบัตรหลัก บทบาทที่สองคือการเป็นผู้ให้บริการและตรวจสอบโซลูชั่นที่ส่งเสริมการพัฒนาเครือข่าย และบทบาทที่สามคือการเป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนที่สามารถใช้ได้กับโซลูชั่น 5G รวมถึงการเป็นผู้ผลิตบริการแอปพลิเคชัน 5G ที่สร้างแอปทุกประเภท ดังเช่นที่ นายจอร์จ เจ้า ประธานออเนอร์ กล่าวที่งาน Mobile World Congress 2019 ว่า ออเนอร์มีแต้มต่อในการวางแผนยุทธวิธีสำหรับอุปกรณ์ 5G และวางแผนที่จะเปิดตัวโทรศัพท์มือถือ 5G เครื่องแรกในปีนี้

“ออเนอร์กำลังขยับเข้าใกล้ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง และจะไม่มีการชะลอใด ๆ สำหรับเรา การก้าวต่อไปนั้นยากลำบาก แต่ความยากลำบากทำให้เราก้าวต่อไป เราทำทุกวันให้เป็นโอกาสในการส่งมอบคุณค่าที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมให้แก่แฟน ๆ ของเรา สำหรับออเนอร์แล้วนั้น สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง” นายจอร์จ เจ้า กล่าว

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 
  BMW iX2 xDrive30 M Sport 2024 พลังแรง 313 แรงม้า วิ่งไกล 449 กม. ราคา 3.399 ล้านบาท
• 
  Google รีแบรนด์ Fitbit อีกครั้ง! เปลี่ยนชื่อใหม่ โลโก้ใหม่ และรวมเข้ากับ Google Store

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่