ก็จบไปแบบสวยๆ กับงาน WWDC 2019 ที่ทาง Apple จัดขึ้น ณ McEnery Convention Center ซานโฮเซ, คลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ ซึ่งในงานก็มีการเปิดตัวระบบปฏิบัติการ iOS เวอร์ชั่นใหม่ iOS 13 (เป็นไปตามคาดการณ์) และระบบปฏิบัติการสำหรับอุปกรณ์อื่นๆ อีกมากมาย รวมไปถึง Mac Pro สุดยอดคอมพิวเตอร์สายทำงานสุดแรง ซึ่งรายละเอียดในงานมีอะไรบ้างตามมาดูได้เลย
tvOS 13 รองรับหลายบัญชี และใช้จอย DualShock 4 หรือ Xbox One ได้ทันที
เริ่มงานมา ก็เผยโฉม tvOS 13 ระบบปฏิบัติการสำหรับ Apple TV เป็นอย่างแรก ซึ่งก็มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์การใช้งานให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมกับรองรับระบบเข้าใช้งานแบบ หลายบัญชี โดยระบบจะมีการแนะนำหนังหรือซีรี่ย์แยกตามบัญชีที่เข้าใช้แบบอัตโนมัติ เพื่อให้เข้ากับสิ่งที่บัญชีนั้นๆ ชื่นชอบ และการใช้งาน Apple Music ใน iTunes ก็จะมีการแสดงรายชื่อเพลงตามความชอบของแต่ละบัญชี
นอกจากนี้ยังทำให้ระบบรองรับการใช้งานจอยเล่นเกมอย่าง DualShock 4 หรือ Xbox One เพื่อเป็นการรองรับการเล่นเกมผ่าน Apple Arcade ที่เตรียมเปิดให้บริการเร็วๆ นี้ แน่นอนว่าผู้ใช้งานจะสามารถใช้ Apple TV ต่อกับสมาร์ททีวี พร้อมเล่นเกมจาก Apple Arcade ได้ทันที และในอนาคตอุปกรณ์ที่มี Apple Arcade อาจจะใช้งานทั้ง 2 จอยได้อีกด้วย
สุดท้ายในเรื่องของ TV ทาง Apple ก็ได้เผยโฉมซีรี่ย์แรกของพวกเขาผ่านทาง Apple TV+ โดยมีชื่อเรื่องว่า For All Mankind ซึ่งได้ผู้สร้างจาก Star Trek ในการทำซีรี่ย์เรื่องนี้ขึ้นมา สามารถดูวิดีโอตัวอย่างได้ทางด้านล่าง และน่าจะลงในแอพฯ เร็วๆ นี้
WatchOS 6 สำหรับ Apple Watch
WatchOS 6 เป็นการระบบปฏิบัติการอัปเดตใหม่สำหรับ Apple Watch ซึ่งมาพร้อมหน้าปัดดีไซน์ใหม่ๆ สวยงาม เช่น ไล่เฉดสี Gradient Face, คลาสสิคดีไซน์, ปรับเปลี่ยหน้าปัดตามอาทิตย์ขึ้นหรือตก เป็นต้น ทั้งนี้ยังมีระบบ Taptic Chimes ตั้งค่าแจ้งเตือนเป็นเสียงระฆังเตือนในทุกๆ ชั่วโมง
ยังไม่พอ WatchOS 6 ยังมีการเพิ่มแอพพลิเคชั่นมาให้มากมาย เช่น Audiobook, Voice Memos (บันทึกวิดีโอ), Calculators (เครื่องคิดเลข) พร้อมปรับแต่งแอพฯ Healthy ให้มีการทำงานที่หลากหลาย และได้เพิ่้มระบบ Hearing Healthy สำหรับการแจ้งเตือนเมื่ออยู่ในที่ที่มีเสียงดังมากเกินไป ส่วนไฮไลท์เด่นคือเพิ่ม App Store สำหรับ Apple Watch มาให้ด้วย ซึ่งช่วยให้ง่ายต่อการใช้งาน Apple Watch มากขึ้น สำหรับ WatchOS 6 จะเปิดให้อัปเดตช่วงเดือนกันยายน พ.ศ. 2562
iOS 13 มาพร้อม Dark Mode
iOS 13 คือสิ่งที่ผู้ใช้งาน iPhone รอคอยมากที่สุด ซึ่งก็ไม่ผิดคาดแต่อย่างใด โดย Apple ได้เปิดตัวภายในงานทันที หลักๆ จะมาพร้อมการทำงานที่รวดเร็วมากขึ้น เปิดใช้งานแอพฯ เร็วขึ้น 2 เท่า มีการอัปเดตที่กินพื้นที่น้อย แต่มาพร้อมฟีเจอร์เด่นๆ มากมาย เริ่มด้วย Dark Mode ซึ่งระบบจะมีการปรับธีมให้เป็นโทนสีดำ และในแต่ละแอพฯ ที่มากับเครื่องเช่น Apple Music, เครื่องคิดเลข, Messenger, Photos จะถูกปรับโฉมให้เป็นสีดำ เมื่อเปิดใช้งาน Dark Mode
ต่อมาเป็นการปรับแต่งหน้าตา Memoji ได้มากขึ้น ใส่หมวก, ใส่แว่น, ใส่ต่างหู, เพิ่มทรงผมหลากหลาย และเลือกแต่งหน้าทาลิป และลงสีได้หลากหลายมากขึ้น แถมยังสามารถสร้างเป็น Sticker นำไปใช้กับแอพฯ แชทอื่นๆ ได้อีกด้วย ด้านกล้องถ่ายรูปก็เพิ่มการถ่ายภาพแบบ Monochromatic หรือภาพขาวดำ และเพิ่มการตั้งค่าลดหรือเพิ่มแสงในการใช้งาน Portrait Mode ส่วนคลังรูป Photos ก็มีการจัดภาพที่ฉลาดขึ้นด้วยการโชว์วิดีโอแบบเรียลไทม์ และแสดงแบบเลือก วัน, เดือน หรือปี
แอพฯ Maps ก็จะเพิ่มรายเอียดมากขึ้น และสามารถดูสถานที่จริงแบบ 3 มิติได้ พร้อมกับหมุนได้รอบ 360 องศา แต่จะเริ่มละเอียดเฉพาะใน US ก่อน ส่วน Siri จะถูกปรับปรุงในเรื่องของเสียง สามารถพูดได้ชัดมากกว่าเดิมด้วยเทคโนโลยี Neural TTS และมารอบนี้ Apple เน้นเรื่องความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยมากขึ้น โดยยืนยันว่า Apple ไม่มีทางเก็บข้อมูลของผู้ใช้แน่นอน พร้อมกับเพิ่มตัวเลือกเข้าระบบต่างๆ ด้วย AppleID เหมือนกับ Facebook และ Google เพื่อเป็นตัวเลือกในความปลอดภัยอีกทาง สำหรับ iOS 13 จะเปิดให้อัปเดตในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ. 2562
iPadOS ของแยกตัว
iPadOS จะเป็นระบบปฏิบัติการสำหรับ iPad โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นการรีดีไซน์จาก iOS มา โดยส่วนใหญ่ยังเหมือนเดิม แต่จะเพิ่มลูกเล่นต่างๆ ให้เหมาะกับการใช้งานบน iPad เช่น Multitasking ที่ใช้งานง่าย พร้อมกับการโชว์ที่เหมือนเป็นหน้าต่างเด้งขึ้นมา
การสั่ง Cursor ก็ง่ายขึ้นด้วยการลากนิ้วไปบนข้อความ หรือการ Copy และ Paste ก็ง่ายเช่นกัน ด้วยระบบ Gesture ทำท่าทางเหมือนหยิบตัวของ และไปวางในที่ที่ต้องการ หรือใช้ 3 นิ้วปัดไปทางซ้ายของหน้าจอเพื่อย้อนกลับก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้การใช้งานร่วมกับ Apple Pencil ก็น่าใช้งานมากขึ้น ด้วยการรีดีไซน์ของอุปกรณ์การใช้ Apple Pencil ให้น่าใช้งานมากขึ้น สำหรับ iPadOS จะเปิดให้อัปเดตในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ. 2562
macOS, Mac Pro และ Pro Display XDR
ระบบปฏิบัติ macOS เวอร์ชั่นใหม่จะมาในชื่อว่า MacOS Catalina โดยหลักๆ จะเพิ่มแอพพลิเคชั่น Apple Music, Apple TV และ Apple Podcasts ให้ใช้งานบนเครื่อง Mac ได้และเพิ่มระบบ Screen Time เพื่อเป็นการแจ้งเตือนวผู้ใช้งานว่า ใช้เวลากับหน้าจอไปนานเท่าไหร่ ทั้งนี้มีระบบ SideCar ทำให้เชื่อมต่อกับ iPad เป็นหน้าจอที่ 2 ได้ และอนาคตจะสามารถดาวน์โหลดแอพฯ ของ iPad มาใช้งานได้อีกด้วย ซึ่ง MacOS Catalina จะเปิดให้อัปเดตช่วงเดือนกันยายน พ.ศ. 2562
Mac Pro สุดยอดเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับทำงานตัดต่อ หรือกราฟฟิกโดยเฉพาะ ซึ่งสเปคมีตัวเลือก CPU Intel Xeon W ตั้งแต่ 8-Core ไปจนถึง 28-Core ปรับแต่ง RAM ได้สูงสุด 1.5TB กราฟฟิกการ์ดมีให้เลือก 3 แบบคือ AMD Radeon Pro 580X, AMD Radeon Pro Vega II และ AMD Radeon Pro Vega II Duo ซึ่งในงาน Apple ก็จัดโชว์โปรแกรมแต่งเสียง ซึ่งสามารถใส่เสียงได้เป็นพันๆ Track และยังเปิดรันได้อย่างลื่นๆ ดูข้อมูลทั้งหมดได้ทาง https://www.apple.com/mac-pro/
ยังไม่พอ Apple ยังเปิดตัว Pro Display XDR สุดยอดหน้าจอแสดงผล Retina LCD กว้าง 32 นิ้ว ความละเอียดระดับ 6K ความสว่าง 1600 nits มีอัตราความต่าง 1,000,000:1 รองรับมาตรฐานใหม่ XDR ที่ให้รายละเอียดคมชัดมากกว่า HDR ตามไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.apple.com/pro-display-xdr/
ทั้งหมดก็เป็นสิ่งหลักๆ ที่ทาง Apple นำมาเสนอในงาน WWDC 2019 ส่วนตัวชื่นชอบกับระบบ Acsessibility ในการใช้เสียงสั่งการ (Voice Control) เพื่อช่วยให้ผู้พิการสามารถใช้งานอุปกรณ์ของ Apple ได้เหมือนคนปกติ โดยคำสั่งเสียงค่อนข้างรวดเร็ว และใช้งานง่ายมากๆ สามารถดูได้จากวิดีโอทางด้านล่าง
Source : Phonearena, GSMarena
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
วันที่ : 4 มิถุนายน 2562
รีวิว TECNO SPARK 30C คุ้มค่าทุกการใช้งาน แข็งแกร่งทุกฟังก์ชัน
ลือ! iPhone 17 และ iPhone 17 Air ยังไม่มีซูม Optical 5x ฟีเจอร์นี้มีเฉพาะรุ่น Pro
รีวิว Apple iPad mini 7 ควรอัปเกรดไหม? แตกต่างจาก iPad mini 6 อย่างไร!
Apple จัดโปรโมชั่น Black Friday และ Cyber Monday ปี 2024 ลดสูงสุด 6,800 บาท
Apple เปิดตัวฟีเจอร์ Genmoji ใน iOS 18.2 สร้างอิโมจิแบบใหม่ที่ไม่เหมือนใครด้วย AI บน iPhone
Redmi ฉลอง 11 ปี ปล่อยโลโก้ใหม่! พร้อมเปิดตัว Redmi K80 เรือธงสเปคจัดเต็ม
Motorola ก้าวสู่ยุคใหม่แห่ง AI ด้วย Moto AI และ Smart Connect
HMD Fusion สมาร์ทโฟนที่สามารถปรับแต่งและซ่อมเองได้ด้วยมือคุณ!
OPPO Enco Air4 และ OPPO Pad 3 Pro คู่หูอุปกรณ์ IoT สุดล้ำที่พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
Redmi A4 5G หน้าจอ 120Hz ดีไซน์พรีเมียมมากขึ้น ชิปเซ็ต Snapdragon 4s Gen 2 เล่นเกมเพลิน
รีวิว HONOR 200 Smart 5G คุ้มค่าเกินราคา สุดยอดสมาร์ทโฟนสำหรับคนชอบลุย12 ชั่วโมงที่แล้ว