องค์กร (Corporate) | วันที่ : 15 กรกฎาคม 2562
ในปี พ.ศ. 2562 ประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในด้านการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาใช้พัฒนาประเทศ ในขณะเดียวกัน ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างก็เร่งผลักดันประเทศสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มตัว ด้วยเหตุนี้ ไมโครซอฟท์จึงเดินหน้าสานต่อความมุ่งมั่นในการมอบโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีแก่ชาวไทยทุกกลุ่มในสังคม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพื่อการบรรลุผลสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ โดยมีเทคโนโลยีเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ
เส้นทางการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลสำหรับคนทุกกลุ่ม
นับตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. 2561 – มิถุนายน พ.ศ. 2562 ไมโครซอฟท์ได้สานต่อพันธกิจในการพัฒนาประเทศชาติอย่างยั่งยืน ด้วยการฝึกอบรมทักษะเชิงดิจิทัลแก่อาจารย์จำนวนกว่า 1,600 คน และเยาวชนจำนวนกว่า 74,000 คน ทั่วประเทศ โดยภายในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้ขยายโอกาสในการเข้าถึงทักษะด้านไอซีทีและทักษะเชิงดิจิทัลให้แก่เยาวชนกว่า 800,000 คน ที่มีภูมิหลังที่หลากหลาย รวมถึงกลุ่มผู้พิการ และ ผู้ที่อาศัยอยู่ห่างไกลอีกด้วย
เตรียมความพร้อมเยาวชนเริ่มต้นที่พื้นฐานและการสร้างให้เกิดความเท่าเทียมในการเข้าถึงความรู้ด้วยเทคโนโลยี
นอกจากความมุ่งมั่นในการจัดฝึกอบรมทักษะเชิงดิจิทัลแก่เยาวชนอย่างต่อเนื่องแล้ว เรายังมองเห็นถึงความสำคัญของการเข้าถึงโอกาสและทรัพยากรการเรียนรู้อย่างทั่วถึง เราจึงได้สนับสนุนโครงการพัฒนาระบบห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National E-Library) ครั้งแรกในประเทศไทย ด้วยการพัฒนาระบบห้องสมุดออนไลน์บนเว็บไซต์ www.nel.go.th โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ด้วยความร่วมมือกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวง และสำนักงานหอสมุดแห่งชาติ จากความตั้งใจในการพัฒนาคลังองค์ความรู้ดิจิทัลและบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ภายในประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่ออำนวยความสะดวกทุกคนในการเข้าใช้งานและเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยไมโครซอฟท์ได้สนับสนุนโครงการพัฒนาระบบห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National E-Library) ผ่าน 3 ฟีเจอร์หลัก ได้แก่ ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ แชทบ็อท และระบบการเรียนออนไลน์ (E-Learning)
ในช่วงต้นปี พ.ศ. 2561 ไมโครซอฟท์ได้สานต่อความมุ่งมั่นดังกล่าวด้วยการลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา หน่วยงานรัฐที่ผลิตและพัฒนากำลังคนอย่างมีคุณภาพเพื่อตอบสนองความต้องการกำลังคนของประเทศและภาคเอกชน ในการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อขับเคลื่อนภาคการศึกษา ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นภาคส่วนที่มีโอกาสได้รับผลประโยชน์จากเทคโนโลยีสูงที่สุดก็ว่าได้ โดยไมโครซอฟท์ได้พัฒนากรอบข้อตกลง Education Transformation Agreement หรือ ETA ขึ้น เพื่อวางรากฐานให้กับความร่วมมือดังกล่าวใน 3 ระดับหลักๆ ได้แก่ ระดับนโยบายเชิงบริหาร (Leadership & Policy) การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนสำหรับศตวรรษที่ 21 (21st Century Pedagogy) และการผสานเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสถานศึกษา (Technology Design) โดยกรอบข้อตกลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสานต่อความมุ่งมั่นของเราในการสนับสนุนภาคการศึกษาทั่วโลก ตลอดกว่า 3 ทศวรรษที่ผ่านมา
เปิดเส้นทางสายเทคโนโลยีด้วยการจุดประกายความสนใจในสะเต็มศึกษา
“ภายในอีกสามปีข้างหน้า มีการคาดการณ์เอาไว้ว่า 95% ของอาชีพในประเทศไทยจะเกิดการเปลี่ยนแปลง และ 65% ของอาชีพสำหรับคนรุ่นต่อไปจะไม่ใช่อาชีพที่มีอยู่ในปัจจุบัน”
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2561 เราได้ร่วมมือกับ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และสถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดกิจกรรม Hour of Code Thailand 2018 ส่งเสริมเยาวชนไทยพัฒนาทักษะทางดิจิทัลผ่านการเขียนโค้ดขั้นพื้นฐาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจุดประกายเยาวชนให้หันมาสนใจเรียนวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ และเตรียมตัวให้พร้อมกับโลกยุคดิจิทัล และยังนับเป็นครั้งแรกที่เยาวชนไทยได้สัมผัสประสบการณ์การเขียนโค้ดดิ้งในบทเรียนใหม่ล่าสุด Minecraft Voyage Aquatic ผ่านการท่องโลกใต้บาดาลอีกด้วย
ชั่วโมงแห่งการเรียนโค้ด หรือกิจกรรม Hour of Code Thailand 2018 ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง มีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 5,000 คน ประกอบด้วยเยาวชน อาจารย์ ผู้ฝึกอบรมในโรงเรียน และผู้พิการจากองค์กรไม่แสวงผลกำไรต่างๆ
เสริมสร้างความสามารถจากการแข่งขัน พัฒนาตัวเองไปอีกขั้นกับ micro:bit พื้นฐานจากโค้ดสู่ IoT
นอกจากความร่วมมือที่แข็งแกร่งกับหน่วยงานจากทางภาครัฐแล้ว เรายังได้จับมือกับพันธมิตรภาคเอกชนอย่าง บริษัท สิริเวนเจอร์ส จำกัด ในการจัดกิจกรรมการแข่งขัน "Smart Living with micro:bit" ครั้งแรกในประเทศไทย สนับสนุนเยาวชนให้สร้างสรรค์แนวคิดที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันและยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น ผ่านการพัฒนาโครงการด้วยการเขียนโค้ดสำหรับอุปกรณ์แผงวงจร micro:bit ของบีบีซี เพื่อสนับสนุนให้เยาวชนไทยหันมาสนใจเรียนรู้และประกอบอาชีพในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ หรือสะเต็มศึกษา (STEM) มากขึ้น
โลกของเทคโนโลยีเปิดกว้าง เป็นผู้หญิงก็ทำได้!
“รายงานของ World Economic Forum ระบุว่า จากจำนวนผู้ประกอบอาชีพด้าน AI ทั่วโลก มีเพียง 22 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้นที่เป็นผู้หญิง”
เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านการขยายโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาด้านดิจิทัลแก่เยาวชนทุกคนอย่างทั่วถึง ไมโครซอฟท์ตระหนักถึงความสำคัญของการลดช่องว่างระหว่างเพศในด้านสะเต็มศึกษาเป็นอย่างดี เพราะในปัจจุบัน จำนวนผู้หญิงที่ศึกษาและประกอบอาชีพในสาขาสะเต็มศึกษายังมีจำนวนไม่มากนัก ซึ่งทำให้เสียโอกาสในด้านการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เนื่องจากการขาดมุมมองของผู้หญิงที่มีความรู้ความสามารถในสาขาสะเต็มศึกษา อาจทำให้ขาดปัจจัยที่ก่อให้เกิดโซลูชั่นเชิงสร้างสรรค์ได้
ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้ร่วมมือกับ บริษัท สิริเวนเจอร์ส จำกัด อีกครั้ง เพื่อจัดกิจกรรม #MakeWhatsNext – DigiGirlz 2019 Thailand ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ #MakeWhatsNext โครงการระดับโลกของไมโครซอฟท์ที่มุ่งมั่นจะที่สนับสนุนเด็กผู้หญิงในการประกอบอาชีพในสาขาสะเต็มศึกษา โดยภายในงานประกอบด้วยเวทีเสวนา “จุดประกายอาชีพมาแรงในยุคปัญญาประดิษฐ์ ทำไมน้องผู้หญิงจึงควรศึกษาในสายวิทยาการคอมพิวเตอร์” รวมถึงการให้ความรู้ด้านการเขียนโค้ด และกิจกรรมการแข่งขันเสนอผลงานที่ประดิษฐ์ด้วยชุด micro:bit
นางสาวจุฬาลักษณ์ แตงเอี่ยม หนึ่งในสมาชิกของทีมนักเรียนที่ชนะเลิศการแข่งขัน ซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนอ่างทองปัทมโรจน์วิทยาคม จังหวัดอ่างทอง กล่าวว่า “ก่อนที่จะเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ สมาชิกทุกคนในทีมของเราไม่เคยมีทักษะด้านการเขียนโค้ดมาก่อนเลย ซึ่งเราได้มีโอกาสพัฒนาทักษะด้านการเขียนโค้ดเป็นครั้งแรกจากการฝึกอบรมที่ทางไมโครซอฟท์จัดขึ้น เรารู้สึกว่าการเข้าร่วมโครงการนี้เหมือนเป็นการเปิดโลกใหม่ให้เรา มันไม่ได้ยากเกินกว่าความสามารถ เมื่อเอามาประกอบความคิดสร้างสรรค์ทำให้เรารับรู้ว่าเราทำได้ โครงงานแบบจำลองการแจ้งเตือนเหตุเพลิงไหม้ด้วยระบบ IoT ถูกพัฒนาขึ้นมา เพื่อตอบสนองสถานการณ์ปัจจุบันที่มีข่าวเกี่ยวกับเหตุเพลิงไหม้มากขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาดังกล่าวสามารถป้องกันหรือลดการสูญเสียได้ด้วยการใช้งานเทคโนโลยีเข้ามาช่วย”
เสริมศักยภาพให้กับครู
นอกจากนั้น เรายังร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จัดการแข่งขัน Thailand Innovative Teachers Leadership Awards ประจำปี พ.ศ. 2562 ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 ภายใต้แนวคิดการนำเครื่องมือของไมโครซอฟท์มาบูรณาการเพื่อบุกเบิกการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ ที่สามารถนำไปใช้ได้กับทุกวิชา ไม่จำกัดอยู่เพียงแค่วิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ในสาขาสะเต็มศึกษา การส่งเสริมเยาวชนยุค Gen Z ให้มีพัฒนาการการเรียนรู้ 5 ด้าน ทั้งด้านสติปัญญา อารมณ์ สังคม ภาษา และการดูแลตนเอง การสนับสนุนการเรียนรู้นอกห้องเรียน ซึ่งมีอาจารย์ทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 1,000 คน ด้วยเป้าหมายในการสนับสนุนให้อาจารย์นำเครื่องมือต่างๆ ของไมโครซอฟท์ไปปรับใช้ในการเรียนการสอนในชีวิตประจำวัน เพื่อการศึกษาที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นสำหรับเยาวชนไทย โดยอาจารย์ผู้ชนะรางวัลชนะเลิศของโครงการทั้งหมด 5 ท่าน ยังจะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อีกด้วย
นายภานุวัฒน์ เกียรตินฤมล หนึ่งในอาจารย์ผู้ชนะเลิศการแข่งขัน จากโรงเรียนบรบือ จังหวัดมหาสารคาม เจ้าของผลงานการจัดการเรียนการสอนโดยใช้กระบวนการทางวิศวกรรม (STEM education) เพื่อสร้างนักประดิษฐ์ กล่าวว่า “แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานของผมมาจากการที่ผมได้มองเห็นว่าเราสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มความสนุกในการเรียนของนักเรียน และยังช่วยกระตุ้นกระบวนการคิดให้พวกเขาสร้างสรรค์ชิ้นงานที่สามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้ โดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้สึกว่าการแข่งขัน Thailand Innovative Teachers Leadership Awards เป็นเวทีที่ได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในวิธีที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง และมีขั้นตอนการแข่งขันที่เข้มข้น แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็ได้รับมิตรภาพที่อบอุ่นจากผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ เพราะสุดท้ายแล้ว เราต่างก็เป็นครูที่มีจุดหมายร่วมกันในการพัฒนาเยาวชนเพื่อพัฒนาประเทศของเราต่อไป”
เตรียมความพร้อมด้านเทคโนโลยีให้กับตลาดแรงงานทุกกลุ่ม
นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์ยังเล็งเห็นถึงความต้องการแรงงานในอนาคต โดยเฉพาะในกลุ่มงานด้านดิจิทัล ภายในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ Eastern Economic Corridor (EEC) จากความมุ่งมั่นในการเติมเต็มภาพรวมของการส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาล ซึ่งจะเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมและเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอนาคต ไมโครซอฟท์จึงได้ร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และวิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา เปิดตัวโครงการฝึกอบรมทักษะเชิงดิจิทัลแก่อาจารย์จำนวน 500 คน จาก 500 โรงเรียน โดยตั้งเป้าต่อยอดองค์ความรู้จากอาจารย์สู่นักเรียนในพื้นที่จำนวน 50,000 คน โดยได้โรงเรียนเมืองพัทยา 7 (หนองพังแค) เป็นโรงเรียนต้นแบบของโครงการที่จะได้รับการฝึกอบรมแบบเข้มข้นไปจนถึงช่วงปลายปี 2562 เพื่อมุ่งพัฒนาบุคลากรทั้งหญิงและชายที่มีคุณภาพและตอบสนองความต้องการแรงงานของตลาดในอนาคตโดยเฉพาะในกลุ่มงานด้านดิจิทัล
มุ่งมั่นให้โอกาสทางการศึกษาเข้าถึงคนไทยทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม
ไมโครซอฟท์เชื่อมั่นมาตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ว่าเทคโนโลยีสามารถสร้างประโยชน์และปลุกพลังให้กับกลุ่มคนทุกกลุ่ม พร้อมดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนความหลากหลายและการมีส่วนร่วมของทุกคนในสังคมไทย โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ปัจจุบันประเทศไทยมีคนพิการกว่า 3.7 ล้านคน ซึ่งไมโครซอฟท์เล็งเห็นความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการมอบโอกาสในการเข้าถึงทักษะเชิงดิจิทัลสำหรับคนพิการ เพื่อปลุกพลังและสร้างรายได้ให้กับกลุ่มคนพิการอย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค ‘Industry 4.0’ ที่ทักษะดิจิทัลเป็นทักษะจำเป็นที่ต้องมีติดตัว
ไมโครซอฟท์ได้สนับสนุนส่งเสริมทักษะของผู้พิการอย่างต่อเนื่อง และในปี 2561 ไมโครซอฟท์จึงได้สนับสนุนการแข่งขัน “Accessible Learning Hackathon: Solving the Right Problems for Students with Disabilities” กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้นักเรียน นิสิต นักศึกษาที่สนใจด้านเทคโนโลยี ได้ทำความเข้าใจถึงปัญหาที่แท้จริงของนักเรียนพิการ และร่วมกันพัฒนานวัตกรรมในรูปแบบแอปพลิเคชันเพื่อช่วยขจัดอุปสรรคและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาให้นักเรียนพิการ ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง ไมโครซอฟท์ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ องค์การยูเนสโก กรุงเทพฯ สถาบันเทคโนโลยีเพื่อนวัตกรรมสังคม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศูนย์เทคโนโลยีอิเลคทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)
โดยทีม Reborn to Step จากวิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา ได้รับรางวัลชนะเลิศ พร้อมรางวัลถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ด้วยผลงานแอปพลิเคชันที่มุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือผู้พิการด้านการเคลื่อนไหวผ่านแช็ทบ็อทที่ช่วยตอบคำถามที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้พิการ และฟีเจอร์ที่ช่วยให้คนพิการที่ต้องการความช่วยเหลือติดต่อกับจิตอาสาที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้
เสริมแกร่งทักษะดิจิทัลให้กับอาจารย์เพื่อพัฒนาอนาคตของชาติ
ในยุค Thailand 4.0 นอกจากการพัฒนาอุตสาหกรรมแล้ว การพัฒนา“คน”ให้มีทักษะดิจิทัล และ ทักษะในการคิดวิเคราะห์ก็ถือเป็นหัวใจสำคัญ ที่จะนำไปสู่การผลิตนวัตกรรมใหม่ ๆ เป็นฐานในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต ดังนั้น การเรียนการสอนในปัจจุบันจึงจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศเพื่อผลักดันให้เยาวชนซึ่งถือเป็นอนาคตของชาติรวมถึงการศึกษาไทย ให้ก้าวเข้าสู่ Thailand 4.0 อย่างเป็นรูปธรรม และบุคลากรอาจารย์ก็ถือเป็นกลุ่มสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาดังกล่าว
ไมโครซอฟท์ได้ดำเนินโครงการอบรมและการแข่งขันด้านทักษะดิจิทัลและการนำเทคโนโลยีมาบูรณาการการเรียนการสอนให้กับอาจารย์ทั่วประเทศมาตลอดระยะเวลา 20 ปี
ด้วยความมุ่งมั่นในการเตรียมความพร้อมแก่ชาวไทยสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ และพันธมิตร สถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยมหิดล และสถาบันเชนจ์ ฟิวชั่น ได้จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “สอนไพทอนอย่างไรให้นักเรียนมัธยมศึกษาทำโครงงานอย่างง่ายได้” แก่อาจารย์ไทยจำนวนกว่า 50 คน ณ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จังหวัดนครปฐม เพื่อนำความรู้ไปพัฒนาทักษะเชิงดิจิทัลที่จำเป็นในอนาคตแก่เยาวชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ASEAN Digital Innovation” โดยมีวัตถุประสงค์ในการเตรียมความพร้อมแก่บุคลากรในภูมิภาคอาเซียนจากทุกภูมิหลังด้วยทักษะเชิงดิจิทัลที่สำคัญอย่างเท่าเทียม
ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อผลักดันประเทศสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 อย่างยั่งยืน
ในปีที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล(ดีป้า) สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวง สำนักงานหอสมุดแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
ซึ่งการดำเนินงานของไมโครซอฟท์สอดคล้องกับภารกิจของภาครัฐ ในด้านการส่งเสริมและดำเนินการพัฒนากำลังคนและบุคลากรด้านอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อตอบรับกับความต้องการของประเทศโดยตรง และสอดคล้องกับโครงการ Coding Thailand ที่มุ่งเน้นในการพัฒนาเว็บไซต์เพื่อการเรียนรู้วิทยาการคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียนและครูชาวไทยโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งไมโครซอฟท์เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือดังกล่าวจะทำให้เราสามารถพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพและสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้สำเร็จ
นายธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวสรุปว่า “ไมโครซอฟท์ภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนสำคัญในการมอบโอกาสการเข้าถึงเทคโลยีให้กับคนไทยทุกกลุ่มเพื่อปลุกพลังให้พวกเขาก้าวสู่ความสำเร็จอย่างเท่าเทียม ผมขอขอบคุณทุกหน่วยงาน ทั้งสถาบันเชนจ์ฟิวชั่น มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ สถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยมหิดล สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลในการพัฒนาเพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ไมโครซอฟท์เชื่อมั่นในบทบาทของการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคมในเชิงบวก เราจึงมุ่งมั่นที่จะสานต่อโครงการพัฒนาทักษะเชิงดิจิทัลต่อไปในอนาคต เพื่อให้คนทุกกลุ่มในสังคมได้รับประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
ที่มา : www.microsoft.com วันที่ : 15 กรกฎาคม 2562
พลิกโฉมการทำงานด้วย AI Copilot บน Microsoft 365 Personal และ Family
Microsoft พลิกโฉม Paint และ Notepad ด้วย AI สร้างสรรค์และปรับแต่งได้ดั่งใจ
Xbox เปิดตัว Support Virtual Agent แชทบอท AI ช่วยเหลือผู้เล่นแล้ววันนี้
Goodie สแกนนิ้ว Ultrasonic ที่สมาร์ทโฟนเรือธงทยอยเลือกใช้งาน
รถเข็นช้อปปิ้ง บินได้! เปลี่ยนวิธีช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าให้ไร้ข้อจำกัด
เปิดตัว HUAWEI FreeBuds Pro 4! หูฟังไร้สายรุ่นแรกที่ใช้ HarmonyOS NEXT
Redmi Watch 5 สมาร์ทวอทช์รุ่นแรกรันบน HyperOS 2 หน้าจอสี่เหลี่ยม AMOLED กว้าง 2.07 นิ้ว
HONOR X9c Smart สมาร์ทโฟนกล้องหลังคู่ 108MP ชิปเซ็ต Dimensity 7025-Ultra
OPPO Reno 13 Series ชิปเซ็ต Dimensity 8350 กันน้ำกันฝุ่น IP69 และชาร์จเร็ว 80W!
LAVA Yuva 4 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ราคาประหยัด สเปคคุ้มค่าเกินราคา
รีวิว HONOR 200 Smart 5G คุ้มค่าเกินราคา สุดยอดสมาร์ทโฟนสำหรับคนชอบลุย14 ชั่วโมงที่แล้ว