สมาร์ทโฟน (Smartphone)  |   วันที่ : 25 มีนาคม 2563

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

สมาร์ทโฟน Huawei รุ่นเรือธงอย่าง P Series และ Mate Series ทำให้แบรนด์กลายเป็นหนึ่งในสามของสุดยอดแบรนด์สมาร์ทโฟนระดับโลก และสำหรับ P40 series ที่กำลังจะเปิดตัว ในวันที่ 26 มีนาคม 2563 ผ่านทางออนไลน์ วันนี้ลองมาย้อนดูไทม์ไลน์รุ่นต่างๆ ของ P Series กัน

Huawei Ascend P1

เปิดตัวในเดือนมกราคม ปี 2012 โดยได้สร้างความตื่นเต้นด้วยความบางเพียง 7.69 มม. ของตัวเครื่อง

Huawei Ascend P2 : Hisilicon Processor ที่พัฒนาขึ้นเอง

เปิดตัวในเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2013 ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่โปรเซสเซอร์ Huawei K3V2 quad-core ซึ่งคิดค้นเอง

Huawei Ascend P6 : สมาร์ทโฟนรุ่นที่ 3 ใน P Series

เปิดตัวในเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2013 นับเป็นหนึ่งในโทรศัพท์มือถือที่บางที่สุดในตลาดด้วยความหนาเพียง 6.18 มม. ตัวเครื่องเป็นโลหะเรียบและยังคงใช้โปรเซสเซอร์ Huawei K3V2 quad-core 

Huawei Ascend P7 : Ascend รุ่นสุดท้าย

เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม ปี 2014 มีรูปลักษณ์ภายนอกค่อนข้างใกล้เคียงกับรุ่นก่อนหน้า จุดเด่นที่น่าสนใจคือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นที่เริ่มใช้ชิปเซ็ต Kirin 910T quad-core 

Huawei P8 : การค้นพบและปรับเปลี่ยน

เปิดตัวในปี 2015 คือ การไม่ใช้ชื่อ “Ascend” อีกต่อไป และรูปลักษณ์ภายนอกก็มีความแตกต่างจากรุ่นก่อนๆ มีการใช้โลหะเป็นวัสดุในการทำตัวเครื่องและถือเป็นรุ่นแรกที่ใช้ชิปเซ็ต Kirin 930 octa-core

Huawei P9 : กล้อง Leica เลนส์คู่

ในเดือนพฤษภาคม ปี 2016 เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงถึง 2 รุ่น ใน P9 Series ได้แก่ Huawei P9 และ P9 Plus นอกจากจะเป็นรุ่นแรกที่มี 2 กล้องหลังแล้ว แบรนด์กล้องจากเยอรมนีอย่าง Leica มีส่วนร่วมในการผลิตกล้องของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้อีกด้วย

ความแตกต่างระหว่าง 2 รุ่นนี้ คือ Huawei P9 มาพร้อมจอแบบ Full HD LCD ขนาด 5.2 นิ้ว ในขณะที่ Huawei P9 Plus ใช้จอแบบ Full HD Super AMOLED ซึ่งกว้างถึง 5.5 นิ้ว ในส่วนของ RAM นั้น Huawei P9 มีให้เลือกทั้ง 3GB และ 4GB ขณะที่ Huawei P9 Plus มีเพียง 4GB เท่านั้น

Huawei P9 เรียกได้ว่า เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นสำคัญ เพราะเป็นรุ่นแรกที่ขายได้ถึง 10 ล้านเครื่องเลยทีเดียว

Huawei P10 : ภาพถ่ายบุคคล กับฟีเจอร์หน้าชัด หลังเบลอ

เปิดตัว Huawei P10 Series ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2017 อัตลักษณ์ของ P Series ก็เริ่มเด่นชัดมากขึ้น โดยเน้นการดีไซน์ที่สวยหรูและความเป็นแฟชั่นไอเท็ม 

กล้อง Leica เลนส์คู่ (ที่ประกอบด้วยเลนส์ RGB ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และเลนส์โมโนโครม ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล) พร้อมความลึกของภาพที่คมชัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเหมาะกับการถ่ายภาพบุคคล แบบหน้าชัดหลังเบลอ โดยโหมดการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ (Pro mode) ถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขไฟล์ดิบได้ และมีตัวเลือกมากมายให้ได้เล่นกับฟีเจอร์ของกล้อง

ในด้านความการรักษาปลอดภัย การสแกนลายนิ้วมือได้ถูกย้ายมาไว้ด้านหน้า ไม่เพียงเท่านั้นยังเพิ่มความสะดวกที่เหนือกว่าด้วยเทคโนโลยีจดจำใบหน้าแบบ 3 มิติ เพื่อเพิ่มอีกขั้นของความสะดวกและความปลอดภัย สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ใช้ชิปเซ็ต Kirin 960 SoC 64-bit octa-core processor ที่ผลิตเอง โดย Huawei P10 มาพร้อม RAM 4GB ส่วน Huawei P10 Plus มีให้เลือกทั้งแบบ 4GB และ 6GB

Huawei P20 : 109 คะแนนจาก DxOMark

เปิดตัวในเดือนมีนาคม ปี 2018 มาพร้อมฟีเจอร์กล้องชั้นเลิศและดีไซน์ชั้นหรูตามสไตล์ Huawei P20 Pro ได้รับคะแนนสูงถึง 109 คะแนน ด้านการถ่ายภาพสมาร์ทโฟนยอดเยี่ยมจาก DxOMArk Mobile 

หากถามว่าอะไรคือ สิ่งที่ดียิ่งไปกว่ากล้องคู่ในรุ่นนี้ คือ กล้อง 3 ตัวนั่นเอง Huawei P20 Pro นับเป็นรุ่นแรกที่สร้างปรากฏการณ์กล้องหลัง 3 ตัว ได้แก่ กล้องความละเอียด 40 ล้านพิกเซล , กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และ กล้องความละเอียด 20 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 24 ล้านพิกเซล ด้วยเช่นกัน

ข้อแตกต่างระหว่าง Huawei P20 และ Huawei P20 Pro คือการมี 2 กล้อง และ 3 กล้อง ตามลำดับ Huawei P20 มีจอ แบบ Full HD+ LCD ที่กว้าง 5.8 นิ้ว และ RAM 4GB ในขณะที่ Huawei P20 Pro มีจอกว้างถึง 6.1 นิ้ว แบบ Full HD+ AMOLED และ RAM 6GB กับ 8GB ทั้งสองรุ่นใช้ชิปเซ็ต Kirin 970 ชาร์จได้เร็ว ให้พลังงานแบตเตอรี่ยาวนาน 

Huawei P30 Pro : SuperZoom 50 เท่า

เปิดเกมส์ถ่ายภาพดวงจันทร์ด้วยสมาร์ทโฟน ด้วยความมั่นใจที่ว่า SuperZoom 50 เท่า สามารถเข้าประลองและเอาชนะคู่แข่งได้ รุ่นนี้ก็ไม่ต่างจากรุ่นก่อนๆ คือเปิดตัวออกมาพร้อมกันทั้ง 2 รุ่นได้แก่ Huawei P30 และ P30 Pro ในเดือนมีนาคม ปี 2019 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

ระบบกล้อง Periscope-style camera คือระบบกล้องหลังของ Huawei P30 Pro ที่มีกล้องหลักความละเอียด 40 ล้านพิกเซล เก็บภาพมุมกว้าง , กล้องความละเอียด 20 ล้านพิกเซล ที่ให้เก็บภาพมุมกว้างพิเศษ , กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สำหรับเก็บภาพจากระยะไกล และกล้องสามมิติ ToF sensor 

นอกจากนั้น Huawei P30 Pro ยังใช้เซนเซอร์ RYYB แทนเซนเซอร์ RGBทำให้กล้องสามารถรับแสงได้มากกว่าเดิม และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในที่แสงน้อย 

การเปิดตัวครั้งนี้ มีข้อแตกต่างอีกในส่วนของดีไซน์ คือ Huawei P30 มาพร้อมจอแบน ส่วน Huawei P30 Pro มาพร้อมขอบจอโค้ง ทั้งสองรุ่นใช้จอแบบ Full HD+ OLED

กล่าวโดยสรุป Huawei P30 มีขนาดหน้าจอ 6.1 นิ้ว RAM 6GB และความจุ 128GB ขณะที่ Huawei P30 Pro มีขนาดหน้าจอ 6.47 นิ้ว RAM 6GB หรือ 8GB มีความจุให้เลือก 128GB, 256GB และ 512GB เรียกได้ว่า เป็นสเปคที่แตกต่างจากรุ่นบุกเบิกของ P Series ที่ RAM 1GB และในปัจจุบันใช้ชิปเซ็ท Huawei Kirin 980 64-bit octa-core processor รวมถึงการอัพเกรด EMUI ใหม่อีกด้วย

Huawei P40 Series : SuperZoom 100 เท่า

หากลองมองกลับไปในยุคก่อนๆ ของ P Series จะเห็นได้ว่า P Series พัฒนาขึ้นด้วยคอนเซ็ปต์เดียวกันคือ การนำโทรศัพท์มือถือที่ก้าวล้ำนำเทรนด์แก่ผู้ใช้ P Series เริ่มจากรูปลักษณ์ตัวเครื่องเรียบหรูที่ปรับให้สวยขึ้น จนถึงฟีเจอร์กล้องที่พัฒนาขึ้นในทุกรุ่น

สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่แน่นอนว่า จะมาพร้อมกับระบบ Huawei Mobile Service (HMS) ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแอปฯ ได้จาก Huawei AppGallery แอปฯ สโตร์อย่างเป็นทางการและสำหรับแอปฯ ไหนที่ยังไม่มีให้ดาวน์โหลด Huawei AppGallery มาพร้อมฟีเจอร์ Wish List ที่ให้ผู้ใช้กดรีเควสไว้ และเมื่อแอปฯ พร้อมให้บริการ ก็จะมีการแจ้งเตือนกลับไปยังผู้ใช้ทันที

และสำหรับ Huawei P40 Pro+ มาพร้อมกล้องหลัง 5 เลนส์ มีความพิเศษตรงที่มีการใส่เลนส์ Telephoto ซึ่งมี Focal length 240mm เรียกว่าเกือบเป็น 2 เท่าของ Huawei P40 Pro และยังจัดเลนส์ Telephoto ให้ถึง 2 เลนส์คือ Optical Super Periscope Telephoto ความละเอียด 8MP (240mm) และ Optical Periscope ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (80mm) ทำให้ได้การซูมแบบทะลุทะลวง สามารถซูมแบบ Optical ได้ 10 เท่า และซูมได้สูงสุดถึง 100 เท่า

ตัวเครื่องใช้วัสดุแบบ Ceramic ที่มีความสวยงามหรูหรา หน้าจอ OLED ขนาด 6.58 นิ้ว มีอัตรา Refresh Rate 90Hz และมีความโค้งแบบ Overflow Display ใช้ชิปเซ็ต Kirin 990 5G มี RAM 8GB, ROM 512GB แบตเตอรี่มีขนาด 4,200mAh รองรับการชาร์จเร็ว 40W และรองรับการชาร์จไร้สายด้วยไฟ 40W ได้ด้วย เรียกว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่สามารถชาร์จไร้สายด้วยความเร็วขนาดนี้

Huawei P40 Pro+ พร้อมวางขายในช่วงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2563 โดยมีตัวเลือกคือ RAM 8GB + ROM 512GB สนราคาอยู่ที่ 1,399 ยูโร หรือประมาณ 50,000 บาท

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

มือถือออกใหม่