สมาร์ทโฟน (Smartphone)  |   วันที่ : 5 พฤศจิกายน 2563

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

ลงสังเวียนแล้วสำหรับ OnePlus 8T 5G สมาร์ทโฟนเรือธงราคาประหยัดที่หลายๆ คนรอคอย ซึ่งมาพร้อมสเปคภายในที่จัดหนักจัดเต็ม แต่แน่นอนว่ายังมี และ Samsung Galaxy S20 FE สมาร์ทโฟนรองเรือธงที่เปิดตัวมาในราคาที่ใกล้เคียงกัน แล้วใครจะได้เปรียบในเชิงมวยของรุ่นซุปเปอร์มิดเดิลเวทมากกว่า หาคำตอบไปพร้อมกันไปกับบทความนี้

เมื่อระฆังยกที่หนึ่งเริ่มขึ้น แน่นอนว่าความประทับใจแรก ย่อมขึ้นอยู่กับดีไซน์อันสวยงาม โดยทางฝั่ง OnePlus 8T 5G มีการออกแบบที่ต่างจากเดิมไม่มากหนัก แต่ที่สังเกตเห็นได้ชัดคือส่วนของตำแหน่งกล้องหน้า ฝาหลังใช้เป็นกระจกแบบด้าน (Matte) ในรุ่น RAM 8GB และกระจกแบบเงาแบบ (Glossy) ในรุ่น RAM 12GB ใช้กระจก Gollira Glass 5 ซึ่งทนต่อรอยขีดข่วนต่างๆ ได้ดี ในขณะที่ฝั่ง Samsung Galaxy S20 FE ฝาหลังจะใช้เป็นพลาสติก ผสานเข้ากับหน้าจอกระจก Gollira Glass 3 ด้วยกรอบอลูมิเนียม ซึ่งในส่วนนี้ดูเหมือนว่า OnePlus 8T 5G จะกดคะแนนของกรรมการไปได้มากกว่า

ในส่วนของสีที่มีมาให้เลือก OnePlus 8T มีให้เลือก 2 สี คือ Lunar Silver และ Aquamarine Green ในขณะที่ Samsung Galaxy S20 FE มีมาให้เลือกถึง 6 สี ได้แก่ Cloud Navy, Cloud Red, Cloud Lavender, Cloud Mint, Cloud White และ Cloud Orange

แม้ในส่วนของการออกแบบจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ในเรื่องของหน้าจอก็มีหลายสิ่งที่เหมือนกัน โดยที่ OnePlus 8T มีหน้าจอ Fluid AMOLED ขนาด 6.55 นิ้ว รอยเจาะจะอยู่ทางด้านมุมซ้าย พร้อมอัตรารีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz และใน Samsung Galaxy S20 FE ก็มีอัตรารีเฟรชเดียวกัน มาพร้อมหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว ซึ่งมีขนาดเล็กกว่านิดหน่อย และรอยเจาะอยู่ตรงกลาง

โดยฟิลลิ่งการใช้งานของทั้ง 2 รุ่นถือว่าดีสูสีกัน ด้วยความคมชัดของหน้าจอแบบ AMOLED และความสมูทลื่นไหลจากอัตรารีเฟรชเรท 120Hz นั่นเอง ลองไปดูความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นในวิดีโอเปรียบเทียบหน้าจอ ด้วยอัตรารีเฟรชเรท 120Hz กันเลยว่าเป็นอย่างไร แล้วลองตัดสินใจกันดู

ในส่วนของระบบเสียงนั้น ทั้ง 2 รุ่น จัดเต็มมาด้วยลำโพงคู่ Stereo แบบ Dolby Atmos ให้เสียงสมจริง ดังกระหึ่มรอบทิศทาง แต่ถ้าเป็นในเรื่องของการใช้สายหูฟังนั้น ทั้งคู่ได้ตัดส่วนของรูเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม. ไปแล้วนั่นเอง

มาต่อกันในยกที่สอง ซึ่งเป็นจุดที่หลายๆ คนให้ความสำคัญ นั่นคือเรื่องของ "กล้องถ่ายรูป" สำหรับ OnePlus 8T 5G มาพร้อมกล้องหลัง 4 เลนส์ กล้องหลัก ความละเอียด 48MP, เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 16MP มุมมองกว้าง 123 องศา, เลนส์ Macro ความละเอียด 5MP และเลนส์ Mono ความละเอียด 2MP ด้วยความที่มีเลนส์หลากหลายจึงทำให้ถ่ายภาพต่างๆ ได้มากยิ่งกว่า และมีโหมดถ่ายภาพตอนกลางคืน (Nightscape) ช่วยให้สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น การถ่ายภาพค่อนข้างที่จะคมชัด และให้รายละเอียดที่ดีกว่า

OnePlus 8T vs Samsung Galaxy S20 FE

 

 

 

 

 

ในขณะที่ Galaxy S20 FE มีกล้องหลังมา 3 ตัว กล้องหลัก 12MP, กล้องมุมกว้าง 12MP และกล้องเทเลโฟโต้ 8MP ไม่รองรับโหมดถ่ายภาพตอนกลางคืน แต่ก็มีฟังก์ชั่นเด็ดๆ อย่างซิงเกิ้ลเทคที่ได้อานิสงค์จากรุ่นพี่มาด้วย และใครที่ชื่นชอบในเรื่องของการซูม Galaxy S20 FE สามารถซูมได้ไกลกว่าที่ 30X Digital Zoom แต่ทาง OnePlus 8T 5G ซูมได้ที่ 10 เท่า

OnePlus 8T vs Samsung Galaxy S20 FE

 

 

 

และสำหรับกล้องหน้า เริ่มจาก Samsung Galaxy S20 FE กล้องหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล อยู่ตรงกลางของหน้าจอ ส่วนทางฝั่ง OnePlus 8T 5G กล้องหน้าจะอยู่ทางมุมซ้าย ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล หากเทียบกันแล้ว จะเห็นได้ชัดว่าโทนสีของภาพเซลฟี่นั้นจะแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยทาง S20 FE จะดูเนียนสว่าง ผิวโทนขาวโอโม่ ในขณะที่ฝั่ง OnePlus จะเน้นไปทางให้ภาพดูสมจริงเป็นธรรมชาติ ดูมีเลือดฝาดผิวสุขภาพดี

OnePlus 8T vs Samsung Galaxy S20 FE

 

 

นอกจากนี้ ทั้ง OnePlus 8T และ Samsung Galaxy S20 FE ยังสามารถบันทึกคลิปวิดีโอความชัดระดับ 4K ได้ทั้งคู่ แต่จำกัดอยู่ที่ 60fps เท่านั้น โดยภาพวิดีโอของ OnePlus 8T จะมีสีสันที่ค่อนข้างสมจริงและสดกว่า แต่เมือ่สลับเป็นการถ่ายวิดีโอจากกล้องหน้า Samsung Galaxy S20 FE จะสามารถเก็บภาพในมุมที่กว้างกว่านั่นเอง

แต่ก่อนที่ระฆังจะดังขึ้นก่อนหมดยกสอง OnePlus 8T 5G ก็ออกหมัดเด็ดมาให้เราได้ว้าวกัน กับฟีเจอร์เจ๋งๆ อย่าง Quick Share ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการแชร์ภาพถ่ายอย่างง่ายดาย เพียงกดค้างที่ภาพล่าสุด ก็สามารถแชร์ภาพสวยๆ สู่โซเชียลมีเดียในทันที ไม่ว่าจะเป็น Facebook หรือ Instagram ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ความรวดเร็วในยุค 5G ได้อย่างสมบูรณ์

ต่อกันที่ยกสาม ความสามารถของชิปประมวลผล เรียกได้ว่าอัดมาสู้กันแบบไม่ยอมใคร OnePlus 8T 5G จัดหมัดหนักๆ มาให้โดยใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 865 รองรับเทคโนโลยี 5G ที่ทั้งเร็วและแรง ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อหรือดาวน์โหลดไฟล์ต่างๆ ก็ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยครั้งนี้ คุณสามารถใช้ OnePlus 8T 5G ได้ตั้งแต่แกะกล่องกันเลยทีเดียว มาพร้อมกับพื้นที่หน่วยความจำขนาดใหญ่ เก็บไฟล์ได้จุใจ 2 เวอร์ชั่น ไม่ว่าจะเป็น RAM 8GB + ROM 128GB หรือ RAM 12GB + ROM 256GB ก็เลือกได้ตามความต้องการ

แต่สำหรับ Samsung Galaxy S20 FE ก็มีชิปเซ็ตที่รองรับ 5G เช่นเดียวกัน คือ Snapdragon 865 แต่ใครที่อยากสัมผัสความแรงแบบ 5G ก็ต้องขยับราคาขึ้นมาเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีชิปเซ็ต Exynos 990 มาให้เป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง จะเป็นในส่วนของ Samsung Galaxy S20 FE รุ่น LTE ที่ไม่รองรับ 5G ซึ่งมาพร้อม RAM 8GB + ROM 128GB และ RAM 8GB + ROM 256GB สามารถเพิ่มหน่วยความจำ MicroSD Card ได้สูงสุดถึง 1TB

เมื่อทดสอบในเรื่องของการใช้งาน โดยเฉพาะกับการเล่นเกม ทาง OnePlus 8T 5G มาพร้อมกับ Gaming Mode ที่มีประสิทธิภาพ สามารถปรับการตั้งค่าต่างๆ ให้รองรับต่อความต้องการ ปรับเฟรมเรทสูงสุดก็ไม่เกิดอาการสะดุดให้รำคาญใจ อีกทั้งสีสันยังสวยสดสมจริง สมูทเนียนตาไม่ขัดอารมณ์ เพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมให้มันส์ยิ่งขึ้น และยังมีมีระบบระบายความร้อน Multi-layer Game-grade Cooling System ช่วยกระจายความร้อนทั่วสมาร์ทโฟนอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเกมไหน ปรับสุดยังไงก็เอาอยู่

ดูกันต่อในยกนี้ มาพูดถึงเรื่องของระบบปฏิบัติการกันบ้าง ซึ่ง OnePlus 8T 5G ที่มาพร้อม OxygenOS 11 บนพื้นฐาน Android 11 ใหม่แกะกล่อง ค่อนข้างมีความน่าสนใจยิ่งกว่า ด้วยความเป็นระบบซอร์ฟแวร์ใหม่ จึงทำให้การใช้งานต่างๆ ค่อนข้างไหลลื่น หน้าตา UI ดูสะอาดสะอ้าน ใช้งานได้ลื่นไหล และยังมีการปรับปรุง Dark Mode และ Zen Mode ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

ในขณะที่ฝั่ง Samsung Galaxy S20 FE มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย One UI ซึ่งอาจต้องรอเวลาซัก 1-2 ปีในการที่จะเปิดอัปเดทซอร์ฟแวร์ใหม่มาให้ใช้ ซึ่งทางฝั่ง OnePlus 8T 5G ก็เคมว่าผู้ใช้จะได้อัปเดตตลอด นานถึง 3-4 ปี ไม่ต้องกลัวแพอย่างแน่นอน

เดินทางมาถึงยกสุดท้าย นักมวยที่ดีนอกจากจะเก่งในเรื่องเชิงมวยแล้ว ความอึดก็เป็นคุณสมบัติที่จะต้องมี เช่นเดียวกันกับความอึดของแบตเตอรี่ โดย Samsung Galaxy S20 FE มาพร้อมแบตเตอรี่ ความจุ 4,500mAh รองรับการชาร์จแบบมีสาย 15W ซึ่งมีมาในกล่อง แต่ก็มีการรองรับชาร์จเร็ว 25W  แต่สำหรับ OnePlus 8T 5G แม้มีแบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh เท่ากัน แต่ดีกว่าตรงที่รองรับชาร์จเร็ว Warp Charge 65W สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 31% - 100% ได้ในเวลาไม่ถึง 30 นาที ที่สำคัญให้อะแดปเตอร์ชาร์จ 65W มาในกล่องเลยด้วย

ราคาวางจำหน่าย

Samsung Galaxy S20 FE

  • Galaxy S20 FE รุ่น LTE (ความจุ 8GB + 128GB) ราคา 20,900 บาท
  • Galaxy S20 FE รุ่น 5G (ความจุ 8GB + 128GB) ราคา 23,900 บาท
  • Galaxy S20 FE รุ่น 5G (ความจุ 8GB + 256GB) ราคา 25,900 บาท

OnePlus 8T 5G

  • รุ่น RAM 8GB+ROM 128GB สี Lunar Silver ราคา 24,990 บาท
  • รุ่น RAM 12GB+ROM 256 สีGB Aquamarine Green ราคา 29,990 บาท

นอกจากนี้ทาง OnePlus ยังมีศูนย์บริการหลังการขาย ขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เครื่องไทยเข้าศูนย์ไทยได้ หมดห่วงเรื่องการส่งซ่อม หรืออะไหล่เทียมต่างๆ ซึ่งทาง OnePlus ได้ร่วมจับมือกับ OPPO โดยผู้ใช้งานสามารถเข้ามาใช้รับบริการหลังการขาย ซ่อมแซม เปลี่ยนอะไหล่ หรือตรวจเช็คสภาพเครื่องผ่าน OnePlus Service Center ที่ MBK Center ชั้น 5 และศูนย์บริการ OPPO Service Center รวมทั้งหมด 42 สาขาทั่วประเทศ

หลังจากได้ติดตามจนครบทุกยกแล้ว คิดว่าหลายๆ น่าจะตัดสินใจได้ว่าระหว่าง OnePlus 8T 5G และ Samsung Galaxy S20 FE ว่าใครเป็นผู้ชนะบนสังเวียนนี้ ซึ่งทางเราจะไม่ขอฟันธง แต่ก็คงดูได้ไม่อยาก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้อ่าน ที่เป็นเหมือนกรรมการอยู่ตอนนี้นั่นเอง 

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

Tags :

มือถือออกใหม่