ต้องบอกว่า OPPO จัดหนักจัดเต็มจริงๆ สำหรับ OPPO Find 3 Series ที่ไม่ทำให้ผิดหวัง และเป็นเวลากว่าหนึ่งปีที่กว่าจะเปิดตัวรุ่นสานต่อความสำเร็จ OPPO Find X2 Pro อย่างไรก็ตามในรุ่นใหม่นี้ เปิดตัวมากถึง 4 รุ่น ได้แก่ Find X3 Lite / Find X3 Neo / Find X3 / Find X3 Pro ดังนั้นในบทความนี้จะมาแถลงไขข้อสงสัยว่ามีความแตกต่างอย่างไร โดยจะสรุปจุดเด่นและสเปกให้ได้ทราบกัน
ในแต่ละรุ่นต่างมีรายละเอียดเฉพาะ ดังนั้นจึงจะสรุปข้อมูลในแต่ละรุ่น เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน รายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้ .... ทั้งนี้ราคาวางจำหน่ายเป็นสกุลเงินยูโร ซึ่งเมื่อแปลงเป็นเงินบาทจะมีราคาสูง ดังนั้นควรรอราคาไทยอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
เริ่มกันที่ OPPO Find X3 Lite เป็นรุ่นเล็กสุดในซีรีย์ รองรับการใช้งาน 5G โดยดีไซน์จะมีความคล้าย OPPO Reno 5 Series ทั้งด้านหน้าและด้านหลังตัวเครื่อง พร้อมขอบเครื่องที่มีความบาง น้ำหนักเบา เพื่อให้จับถนัดกระชับมือ ด้านแบตเตอรี่ก็มีความโดดเด่นด้วยความจุ 4300mAh มีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65 วัตต์ เคลมว่า ชาร์จแค่ 5 นาที สแตนบายได้นาน 4 ชั่วโมง ถ้าชาร์จเต็ม 100% ก็ใช้เวลาประมาณ 35 นาทีเท่านั้น เรียกได้ว่าไวมาก ส่วนหน้าจอแสดงผลมีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz คอนเฟิร์มการแสดงผล Netflix กับ Amazon Prime Video แบบความละเอียดคมชัด (HD) และให้พลังเสียง Dolby ATMOS เพลิดเพลินกับเสียงในระดับโรงภาพยนตร์
กล้องดิจิตอลของ OPPO Find X3 Lite เป็นอย่างไร
สเปกเบื้องต้นของ OPPO Find X3 Lite
OPPO Find X3 Lite มีสามเฉดสีให้เลือก ได้แก่ Galactic Silver | Starry Black | Astral Blue ส่วนราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ £399 หรือประมาณ 17,0xx บาท
ต่อด้วย Find X3 Neo อัพเกรดขึ้นมา แน่นอนว่าใช้งาน 5G ได้เหมือนกัน ดีไซน์เอกลักษณ์ ฝาหลังมีการออกแบบด้วยเทคนิคพิเศษคล้ายคริสตัล ได้รับแรงบัลดาลใจจากท้องฟ้ายามค่ำคืน สามารถสะท้อนแสง ป้องกันลายนิ้วมือได้ หน้าจอขอบโค้ง อัตราส่วน 20:9 รองรับการแสดงผล HDR10 กับมาตรฐานป้องกันแสงสีฟ้า ขนาด 6.5 นิ้ว ประเภท AMOLED มีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz คอนเฟิร์มการแสดงผล Netflix กับ Amazon Prime Video แบบความละเอียดคมชัด (HD) และให้พลังเสียง Dolby ATMOS เพลิดเพลินกับเสียงในระดับโรงภาพยนตร์ ด้านแบตเตอรี่ก็มีความโดดเด่นด้วยความจุ 4300mAh มีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 65 วัตต์ เคลมว่า ชาร์จแค่ 5 นาที สแตนบายนาน 4 ชั่วโมง ถ้าชาร์จเต็ม 100% ใช้เวลาประมาณ 35 นาทีเท่านั้น
กล้องดิจิตอลของ OPPO Find X3 Neo เป็นอย่างไร
สเปกเบื้องต้นของ OPPO Find X3 Neo
OPPO Find X3 Neo มีสองเฉดสีให้เลือก ได้แก่ Galactic Silver | Starlight Black ส่วนราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ £699 หรือประมาณ 29,8xx บาท
ต่อด้วยรุ่นท็อปสุดของแบรนด์กับสองพี่น้อง OPPO Find X3 และ Find X3 Pro
สำหรับข้อแตกต่างของสองรุ่นนี้จะอยู่ที่ชิปเซ็ตประมวลผล และประเภทของ RAM เท่านั้น โดยรุ่น OPPO Find X3 ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 870 + RAM LPDDR4 2133 MHz (4 x16 bit) ส่วนรุ่นพี่ OPPO Find X3 Pro ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 888 + RAM LPDDR5 3200MHz (4 x 16 bit) ด้านความบันเทิงเป็นลำโพงสเตอริโอมาตรฐานเสียง Dolby ATMOS
อย่างไรก็ตามเป็นที่แน่นอนแล้วว่า OPPO Find X3 Pro นั้นวางจำหน่ายในประเทศไทยแน่นอน เพราะมีการเผยข้อมูลบนเว็บไซต์ประเทศไทยแล้ว ส่วนจุดเด่นต้องยกให้กับดีไซน์ที่ผลิตด้วยกระบวนการพิเศษซับซ้อน ออกแบบด้วยเทคโนโลยีวิศวกรรมชั้นสูง ทางออปโป้เคลมว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากอุตสาหกรรมอวกาศ ความพิเศษคือ ฝาหลังเป็นกระจกชิ้นเดียว ไร้รอยต่อ จึงมีความแข็งแรงทนทานสูง ปิดทับโมดูลกล้องอย่างลงตัว ทางแบรนด์เรียกการผลิตด้วยเทคนิคนี้ว่า Gradient Arc Camera นอกจากนี้ยังมีมาตรฐานป้องกันน้ำป้องกันฝุ่นระดับ IP68
ไฮไลท์อื่นเพิ่มเติม มีหน้าจอแสดงผลจะมีความชาญฉลาดปรับอัตรารีเฟรชเรท 5-120 Hz อัตโนมัติตามความเหมาะสม เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ พร้อมความโดดเด่นที่สามารถแสดงผลได้มากถึง 1.07 ล้านสี - HDR10+ - มีความแม่นยำของสีในระดับ JNCD2 ≈ 0.4 กับความเข้มข้นของสีในระดับ 10 บิต และมาตรฐาน sRGB/P3 รวมถึงมาตรฐานสีเกรด P3 เรียกได้ว่าหายห่วงเรื่องการแสดงผลคอนเทนต์ในทุกลักษณะ นอกจากนี้การปรับแสงสว่างก็สมจริง มีระดับที่ปรับเปลี่ยนอัตโนมัติมากถึง 8,192 ระดับ
ต่อด้วยแบตเตอรี่เคลมว่าใช้เวลาในการชาร์จน้อยลง มีความเร็วในการ 65W SuperVOOC Flash Charge พร้อมได้การรับรองความปลอดภัยจาก TÜV ใน OPPO Find X3 Pro โดยสามารถชาร์จ 40% ในเวลาเพียง 10 นาที พร้อมเทคโนโลยีชาร์จไร้สาย 30W AirVOOC Wireless Flash Charge และมีระบบ Reverse Wireless Charging ที่ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้อย่างรวดเร็วและไม่ทำให้เครื่องร้อน
กล้องดิจิตอลของ OPPO Find X3 และ Find X3 Pro เป็นอย่างไร
สเปกเบื้องต้นของ OPPO Find X3 และ Find X3 Pro
OPPO Find X3 Pro มีสองเฉดสีให้เลือก ได้แก่ Gloss Black และ Blue Matte กับราคาประมาณ €1,149 หรือ 42,0xx บาท และสำหรับในไทย เตรียมสัมผัสสีสันแห่งพันล้านสี
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
วันที่ : 12 มีนาคม 2564
Moto G64 5G สมาร์ทโฟนรุ่นแรกใช้ Dimensity 7025 พร้อมกล้อง 50MP กันสั่น OIS
realme 12 5G และ realme 12X 5G กล้องซูม 3 เท่าไม่สูญเสียรายละเอียด รองรับ 5G เริ่มต้น 5,xxx
สรุปจุดเด่นและสเปค realme 12x 5G มือถือราคาครึ่งหมื่นก็ใช้งานเน็ต 5G ได้แล้ว อย่างคุ้ม!
OPPO A3 Pro สมาร์ทโฟนกันน้ำขั้นสุดมาตรฐาน IP69 อยู่ในน้ำได้นานถึง 30 นาที
TECNO CAMON 30 Premier 5G หน้าจอ AMOLED 6.77 นิ้ว ชิปเซ็ต Dimensity 8200 Ultimate กล้อง 3 ตัว 50MP
vivo V30e 5G เตรียมเปิดตัวเร็วๆ นี้ ดีไซน์สีสวยสุดพรีเมียม แบตฯ 5500mAh
OPPO A3 Pro สมาร์ทโฟนกันน้ำขั้นสุดมาตรฐาน IP69 อยู่ในน้ำได้นานถึง 30 นาที
Motorola Edge 50 Series เตรียมเปิดตัวเพิ่มอีก 2 รุ่นในวันที่ 16 เมษายน 2024
Hyundai IONIQ 6 ดีไซน์ล้ำสมัย ขับขี่ไกล 545 กม. เปิดตัวในไทยราคา 1.899 ล้านบาท
REDMAGIC เปิดตัวพัดลมระบายความร้อน REDMAGIC VC Cooler 5 Pro ดีไซน์สุดเท่ พร้อมรองรับ MagSafe
realme C65 สมาร์ทโฟนรุ่นเริ่มต้น หน้าจอ 90Hz กล้องหลัง 50MP แบตเตอรี่ 5000mAh
HONOR 90 Smart สมาร์ทโฟน 5G ชิปเซ็ต Dimensity 6020 มี RAM 4G เท่านั้น
แนะนำกล้อง HUAWEI nova 12 Series รุ่นไหนเหมาะกับใคร22 ชั่วโมงที่แล้ว