ไขข้อสงสัย! Xiaomi Mi 11 Lite vs Redmi Note 10 Pro ราคาเท่ากัน เลือกรุ่นไหนดี

เป็นข้อสงสัยที่ใครหลายต้องการคำตอบเลยก็ว่าได้ สำหรับสองพี่น้อง Xiaomi Mi 11 Lite vs Redmi Note 10 Pro แม้ว่าจะคนละแบรนด์ แต่ก็สายเลือดเดียวกัน แถมยังเปิดตัวมาในราคาเท่ากันอีก ดังนั้นในบทความนี้จะขอคลายข้อสงสัยให้ได้ทราบกันว่า แตกต่างกันอย่างไร เลือกซื้ออะไรดี สรุปแล้ว มาหาคำตอบกันเลย!

เริ่มกันที่ดีไซน์และจุดเด่นของสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่น!

Xiaomi Mi 11 Lite ความน่าสนใจ คือ ขึ้นชื่อว่า Lite เบาบางสมชื่อแน่นอนมีน้ำหนักเพียง 157 กรัม และความบางตัวเครื่องอยู่ที่ 6.81 มิลลิเมตรเท่านั้น หากเทียบในช่วงราคาเดียวกัน ถือว่ายืนหนึ่งมาเลย นอกจากนี้โมดูลกล้องเกือบจะเรียบเนียนไปกับตัวเครื่อง ด้วยจุดยื่นเพียง 1.77 มิลลิเมตรเท่านั้น มาพร้อมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่ม Power ด้านหน้าจอแสดงผลมีขนาด 6.55 มิลลิเมตร แบบ AMOLED มาตรฐานสี 10 บิต และ DCI-P3 รวมถึง HDR10 ที่ความละเอียดระดับ FullHD+ มีอัตรารีเฟรชเรท 90Hz และอัตราการตอบสนองเมื่อทัชสกรีนอยู่ที่ 240Hz พร้อมเซนเซอร์ตรวจจับแสงรอบตัวเครื่อง 360 องศา เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสมอัตโนมัติ ทั้งมีโหมดอ่านหนังสือกับโหมดกลางแจ้งด้วย เรียกได้ว่าตอบโจทย์ทุกลักษณะการใช้งาน อีกทั้งตัวเครื่องยังครอบทับกระจก Corning Gorilla Glass 5 ที่มีคุณสมบัติป้องกันลายนิ้วมือ เช็ดทำความสะอาดง่าย และไม่ทำให้ตัวเครื่องมันด้วยลายนิ้วมือ

ด้านความบันเทิงก็จัดเต็มตามสไตล์ของ Xiaomi ด้วยช่องลำโพงขนาดใหญ่ แบบสเตอริโอ ปรับแต่งเสียงได้ตามลักษณะทำนองของเพลงได้ในเมนูการตั้งค่า รวมถึงหากเป็นคอเกมก็มีจุดลดความร้อนด้วยของเหลว LiquidCool technology ทำให้การใช้งานต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น แบตเตอรี่มีความจุ 4250mAh โดยรองรับเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว 33 วัตต์

Redmi Note 10 Pro สำหรับดีไซน์จะมีความเหมือนกันกับรุ่น Redmi Note 10 Series เพียงแต่ว่าโมดูลกล้องหลักที่เป็นเลนส์หลักจะมีขนาดเด่นกว่าเลนส์อื่น เท็กเจอร์ฝาหลังพื้นผิวสัมผัสด้านแบบกระจก แต่ให้ความสะท้อนแสงด้วย และเกิดรอยนิ้วมือได้ยากจากที่ลองจับ สามารถเช็ดทำความสะอาดง่าย ทั้งให้คุณจับถนัดกระชับมือมากยิ่งขึ้น ด้านข้างตัวเครื่องมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือตรงปุ่มโฮม พร้อมมาตรฐานป้องกันน้ำป้องกันฝุ่น IP53 ส่วนหน้าจอมีขนาด 6.67 นิ้ว แบบ Super AMOLED กับความละเอียด FullHD+ มีมาตรฐานรับรองเกี่ยวกับแสงสีฟ้าจากหน่วยงาน (TÜV Rheinland Low Blue Light certification)

ทั้งมีมาตรฐาน Widevine L1+HDR10 นั่นหมายถึงคุณสามารถรับชมคอนเทนต์ Netflix ได้แบบ HD ส่วนถาดซิมการ์ดเป็นแบบ Triple sim slot หมายถึงสามารถใส่ได้สองซิมการ์ด และหน่วยความจำภายนอก (MicroSD Card) นอกจากนี้ลำโพงเป็นแบบสเตอริโอ ด้านเทคโนโลยีพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน UFS 2.2 ให้คุณใช้งานไหลลื่น พร้อมระบบเชื่อมต่อครบครัน อาทิ WiFi 2.4GHz/5GHz, Bluetooth 5, IR Blaster, WiFi Direct, WiFi Display, NFC เป็นต้น Redmi Note 10 Pro แบตเตอรี่จะไม่ทิ้งประจุไฟฟ้าแม้ชาร์จเป็นเวลากว่า 3 ปี กับความจุ 5020mAh โดยรองรับเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว 33 วัตต์

ด้านกล้องดิจิตอลก็มีความแตกต่างด้วยเช่นกัน รายละเอียดดังนี้

Redmi Note 10 Pro

• กล้องหลัก : เลนส์มุมกว้าง ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ขนาดเซนเซอร์ 1/1.52” รูรับแสง f/1.9 ออโต้โฟกัส ขนาดพิกเซล 0.7μm
• กล้องสอง : เลนส์มุมกว้าง 118 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
• กล้องสาม : เลนส์ Depth ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
• กล้องสี่ : เลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
• กล้องหลัง รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดระดับ 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที และสโลโมชั่นความละเอียด FullHD ที่ 120 เฟรมต่อวินาที
• กล้องหน้า : ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45 รองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุด FullHD ที่ 30 เฟรมต่อวินาที

Xiaomi Mi 11 Lite

• เลนส์หลัก ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.79 ออโต้โฟกัส ประกอบด้วยชุดเลนส์ 6 ชิ้น
• เลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มุมมอง 119 องศา รูรับแสง f/2.2
• เลนส์ telemacro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 (มีระยะโฟกัส 3-7 ซม.)
• กล้องหน้า ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45

เปรียบเทียบสเปกระหว่าง Xiaomi Mi 11 Lte 4G กับ Redmi Note 10 Pro

สรุปความแตกต่างที่เห็นชัดเจน

• ด้านหน้าจอแสดงผล : ทาง Redmi Note 10 Pro จะมีภาษีที่ดีกว่าเพราะมีอัตรารีเฟรชเรทมากถึง 120Hz ขณะที่สเปกอื่นๆ ก็มีครบครัย อาทิ AMOLED มาตรฐานสี 10 บิต และ DCI-P3 รวมถึง HDR10 ที่ความละเอียดระดับ FullHD+
• ด้านกล้องดิจิตอล : Redmi Note 10 Pro มีความละเอียดสูงมากกว่า 108 ล้านพิกเซล ทำให้ได้ภาพความละเอียดสูงมากกว่า สามารถนำไปใช้งานต่าง ๆ ได้หลากหลาย
• ด้านความบันเทิง : Redmi Note 10 Pro จะมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรมาให้เลย ขณะที่อีกหนึ่งรุ่นต้องใช้ตัวแปลงเสียบเข้าพอร์ต USB Type-C

สรุป : จะเห็นได้ว่า Redmi Note 10 Pro โดดเด่นกว่าในทุก ๆ ด้าน ในราคาที่เท่ากัน งานนี้คงต้องเลือกแล้วว่าชอบอะไร ถ้าความแตกต่างเสริมก็จะเป็นเรื่องดีไซน์ ที่ Xiaomi Mi 11 Lite มีงานประกอบที่ดูดีกว่า

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 
  พบข้อมูล Xiaomi 14 Ultra ปรากฏบน Geekbench อาจเปิดตัวเร็วๆ นี้
• 
  Xiaomi 14 Series เตรียมเปิดตัวแบบ Global ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2024

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่