เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ iPhone 13 Series ต้องบอกว่าในปีนี้แทบไม่มีข่าวลือเลย ซึ่งพอเผยโฉมออกมาก็ WOW ไม่น้อยกับฟีเจอร์ใหม่ และเฉดสีสุดสวย น่าสนใจไม่น้อยเลย รับรองว่าสาวๆ ต้องชอบแน่นอน ส่วนจุดเด่นของ iPhone 13 mini / iPhone 13 / iPhone 13 Pro / iPhone 13 Pro Max มีอะไรบ้างมาติดตามกันเลย สรุปไว้ให้หมดแล้ว ที่สำคัญเลยคือพอร์จชาร์จยังคงเป็นแบบ Lightning ไม่ใช่ USB Type-C ทุกรุ่นเลย!
Apple iPhone 13 mini / Apple iPhone 13
สำหรับ Apple iPhone 13 mini / Apple iPhone 13 ต้องบอกว่าถอดแบบมาจาก iPhone 12 mini กับ Apple 12 เลยก็ว่าได้ มาพร้อมรอยบากที่เล็กลงยิ่งขึ้น อันเป็นผลจากกล้อง Truedepth มีขนาดเล็งลง
ตัวเครื่องด้านหน้ากับด้านหลังครอบทับด้วยกระจกเซรามิก ทนทานแข็งแรงกว่ากระจกไหน เพิ่มความพรีเมียมมากยิ่งขึ้น พร้อมมาตรฐานป้องกันน้ำป้องกันฝุ่น IP68 (ความลึก ไม่เกิน 6 เมตร ภายใน ระยะเวลา สูงสุด 30 นาที) ตามมาตรฐาน IEC 60529 ส่วนเลนส์กล้องหลังมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมนิดหน่อย ทำให้มีความสมมาตรมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีเฉดสีใหม่หลายสี อาทิ Pink (ชมพู), Blue (น้ำเงิน), Starlight (สตาร์ไลท์), Midnight black (มิดไนท์), Product Red และ Green สีใหม่ที่มีเฉพาะสองรุ่นนี้
ขนาดตัวเครื่อง, น้ำหนัก และขนาดหน้าจอ
Apple iPhone 13 mini
ขนาดตัวเครื่อง : 131.5 x 64.2 x 7.65 มม.
น้ำหนัก : 140 กรัม
หน้าจอแสดงผล : OLED-Super Retina XDR ขนาด 5.4 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล มีความหนาแน่นต่อพิกเซลอยู่ที่ 476ppi ซึ่งหน้าจอถูกเคลือบสารป้องกันรอยนิ้วมือไว้
Apple iPhone 13
ขนาดตัวเครื่อง : 146.7 x 71.5 x 7.65 มม.
น้ำหนัก : 173 กรัม
หน้าจอแสดงผล : OLED-Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2530 x 1170 พิกเซล มีความหนาแน่นต่อพิกเซลอยู่ที่ 460ppi ซึ่งหน้าจอถูกเคลือบสารป้องกันรอยนิ้วมือไว้
ทั้งสองรุ่นรองรับการใช้งานแบบการสัมผัสแตกต่างกัน (Haptic Touch) พร้อมรองรับการแสดงผลภาพแบบ HDR ในแบบ Dolby Vision, HDR10, HLG ตอบโจทย์คอนเทนต์วิดีโอได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการแสดงผลเฉดสีแบบ True Tone มีขอบเขตสีกว้างตามมาตรฐาน P3 และอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 ให้ความสว่าง 800 นิต ส่วนความสว่างสูงสุด 1200 นิต
กล้องดิจิตอลที่ดีกว่าเคย อัพเกรดเพิ่มมากขึ้น!?
ทั้งสองรุ่นใช้เลนส์และเซนเซอร์ที่ใหญ่ขึ้นในขนาดโมดูลกล้องที่เล็กลง ด้วยสถาปัตยกรรมใหม่หมด และวางตำแหน่งโมดูลกล้องหันเลนส์ทำมุมเฉียง 45 องศาเพื่อให้ใส่ได้พอดีในระบบกล้องคู่ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ของเรา มาพร้อมเซนเซอร์กล้องไวด์รับแสงได้มากขึ้น 47% ที่ใหญ่ที่สุด นอกจากนี้เรายังเผื่อที่ไว้สำหรับระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัลที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์ และใส่เซนเซอร์ที่เร็วยิ่งขึ้นไว้ในกล้องอัลตร้าไวด์ด้วย
ทั้งสองรุ่นมีสเปกกล้องหลัง : ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ใหม่ ให้จุดพิกเซลใหญ่กว่าเดิม ทำให้ภาพมีความสว่างมากขึ้น ทั้งเลนส์กล้องอัลตร้าไวด์และไวด์ โดยเลนส์ไวด์มีรูรับแสงกว้างมากถึง f/1.6 และอัลตร้าไวด์มีรูรับแสง f/2.4 มุมมองการถ่ายภาพกว้าง 120 องศา รองรับการซูมภาพแบบออปติคอล 2 เท่า, ดิจิตอล 5 เท่า
เลนส์ไวด์ประกอบด้วยชุดเลนส์ทั้งหมด 7 ชิ้น (ไวด์) ส่วนเลนส์อัลตร้าไวด์ ประกอบด้วยชุดเลนส์ทั้งหมด 5 ชิ้น มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว Optical มาพร้อมเทคโนโลยี Deep Fusion ทั้งสองเลนส์กล้องทำให้คุณถ่ายภาพได้อย่างเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ซึ่งเลนส์กล้องจะถูกป้องกันโดยกระจกแซฟไฟร์
การบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K แบบ 30/60 เฟรมต่อวินาที และ HDR - Dolby Vision แบบ 30 เฟรมต่อวินาที
โหมดภาพยนต์สามารถถ่ายได้ที่ความละเอียด 1080p 30 เฟรมต่อวินาที
กล้องหน้า : ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มีเทคโนโลยี Deep Fusion รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K/HDR - Dolby Vision
สเปคเพิ่มเติมของ Apple iPhone 13 mini และ Apple iPhone 13
ระบบปฏิบัติการ : iOS 15
หน่วยประมวลผล : ชิปเซ็ต Apple A15 Bionic (สถาปัตยากรรมการผลิต 5 นาโนเมตร)
ระบบเชื่อมต่อ : 5G, 4G LTE, WiFi 6, Bluetooth 5.0, NFC, GPS, GLONASS, เข็มทิศดิจิตอล
มาตรฐานป้องกันน้ำป้องกันฝุ่นระดับ IP68
รองรับการชาร์จไร้สายแบบ MagSafe 15 วัตต์ และ Qi 7.5 วัตต์
เทคโนโลยีชาร์จเร็ว รองรับ แต่ต้องซื้ออะแดปเตอร์ต่างหาก
รองรับไฟล์วิดีโอ : HEVC, H.264, MPEG-4 Part 2 และ Motion JPEG
Face Time : ความละเอียดสูงสุด FullHD (1080p)
ความจุพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 128GB, 256GB และ 512GB
แบตเตอรี่ : .....
Apple iPhone 13 mini มีความจุ 2406mAh ทางแอปเปิ้ลเคลมว่ามีขนาดแบตเตอรี่มากกว่ารุ่นก่อนหน้า ใช้งานได้เพิ่มประมาณ 1.5 ชั่วโมง อันเป็นผลจากประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานจากชิปเซ็ต Apple A15 Bionic
Apple iPhone 13 มีแบตเตอรี่ความจุที่มากขึ้นเช่นกันด้วยความจุ 3095mAh
Apple iPhone 13 mini สั่งซื้อล่วงหน้าได้ที่ 1 ตุลาคม เริ่มวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไปวันที่ 8 ตุลาคมศกนี้ สำหรับราคาอย่างเป็นทางการ ดังนี้
โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 128GB ราคา 25,900 บาท
โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 256GB ราคา 29,900 บาท
โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 512GB ราคา 37,900 บาท
Apple iPhone 13 สั่งซื้อล่วงหน้าได้ที่ 1 ตุลาคม เริ่มวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไปวันที่ 8 ตุลาคมศกนี้ สำหรับราคาอย่างเป็นทางการ ดังนี้
โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 128GB ราคา 29,900 บาท
โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 256GB ราคา 33,900 บาท
โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 512GB ราคา 41,900 บาท
ต่อด้วยสองพี่น้อง Apple iPhone 13 Pro / Apple iPhone 13 Pro Max
สำหรับ Apple iPhone 13 Pro / Apple iPhone 13 Pro Max มาพร้อมรอยบากที่เล็กลงยิ่งขึ้น อันเป็นผลจากกล้อง Truedepth มีขนาดเล็งลง
ตัวเครื่องด้านหน้ากับด้านหลังครอบทับด้วยกระจกเซรามิก ทนทานแข็งแรงกว่ากระจกไหน เพิ่มความพรีเมียมมากยิ่งขึ้น พร้อมมาตรฐานป้องกันน้ำป้องกันฝุ่น IP68 (ความลึก ไม่เกิน 6 เมตร ภายใน ระยะเวลา สูงสุด 30 นาที) ตามมาตรฐาน IEC 60529 ส่วนเลนส์กล้องหลังมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมนิดหน่อย ทำให้มีความสมมาตรมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีเฉดสีใหม่ อาทิ กราไฟต์, ทอง, เงิน และเซียร์ร่าบลู
ขนาดตัวเครื่อง, น้ำหนัก และขนาดหน้าจอ
Apple iPhone 13 Pro
ขนาดตัวเครื่อง : 146.7 x 71.5 x 7.65 มม.
น้ำหนัก : 203 กรัม
หน้าจอแสดงผล : OLED-Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล มีความหนาแน่นต่อพิกเซลอยู่ที่ 460ppi ซึ่งหน้าจอถูกเคลือบสารป้องกันรอยนิ้วมือไว้
Apple iPhone 13 Pro Max
ขนาดตัวเครื่อง : 160.8 x 78.1 x 7.65 มม.
น้ำหนัก : 238 กรัม
หน้าจอแสดงผล : OLED-Super Retina XDR ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 2778 x 1284 พิกเซล มีความหนาแน่นต่อพิกเซลอยู่ที่ 458ppi ซึ่งหน้าจอถูกเคลือบสารป้องกันรอยนิ้วมือไว้
ทั้งสองรุ่นรองรับการใช้งานแบบการสัมผัสแตกต่างกัน (Haptic Touch) พร้อมรองรับการแสดงผลภาพแบบ HDR ในแบบ Dolby Vision, HDR10, HLG ตอบโจทย์คอนเทนต์วิดีโอได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการแสดงผลเฉดสีแบบ True Tone มีขอบเขตสีกว้างตามมาตรฐาน P3 และอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 ให้ความสว่าง 1000 นิต ส่วนความสว่างสูงสุด 1200 นิต
นอกจากนี้ยังใหม่กว่าเดิม ไหลลื่น ไม่หน่วงแล้ว กับเทคโนโลยี ProMotion ที่มีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz สามารถปรับได้อัตโนมัติระหว่าง 10Hz-120Hz เพื่อประสิทธิภาพการแสดงผลในแต่ละช่วงคอนเทนต์ เพื่อประสิทธิภาพและประหยัดแบตเตอรี่มากยิ่งขึ้น
กล้องดิจิตอลที่ดีกว่าเคย อัพเกรดเพิ่มมากขึ้น!?
ระบบกล้องได้รับการอัพเกรดครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยฮาร์ดแวร์ที่ล้ำไปอีกขั้น จึงเก็บรายละเอียดเพิ่มขึ้นได้อีกมาก พร้อมด้วยซอฟต์แวร์สุดอัจฉริยะสำหรับเทคนิคใหม่ต่างๆ ในการถ่ายภาพและถ่ายภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังถ่ายภาพกับวิดีโอได้แบบมาโคร (Macro) ได้แล้วในระยะห่างเพียง 2 ซม.เท่านั้น ซึ่งพิเศษกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป กล่าวคือ การถ่ายวิดิโอมาโครสามารถทำได้ทั้งสโลว์โมชั่นและไทม์แลปส์!!
ทั้งสองรุ่นมีสเปกกล้องหลัง : ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ใหม่ ให้จุดพิกเซลใหญ่กว่าเดิม ทำให้ภาพมีความสว่างมากขึ้น ทั้งเลนส์กล้องอัลตร้าไวด์และไวด์ โดยเลนส์ไวด์มีรูรับแสงกว้างมากถึง f/1.5 และอัลตร้าไวด์มีรูรับแสง f/2.4 มุมมองการถ่ายภาพกว้าง 120 องศา และเลนส์เทเลโฟโต้มีรูรับแสง f/2.8
ซูมเข้าแบบออปติคัล 3 เท่า ซูมออกแบบออปติคัล 2 เท่า และช่วงซูมแบบออปติคัล 6 เท่า ซูมดิจิทัลได้สูงสุด 15 เท่า
ภาพถ่ายบุคคลในโหมดกลางคืน ที่ทำได้โดยอาศัยสแกนเนอร์ LiDAR
ระบบป้องกันภาพสั่นไหว คู่แบบออปติคัล (เทเลโฟโต้ และไวด์)
ระบบป้องกันภาพสั่นไหว แบบออปติคัล ที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์ (ไวด์)
ชุดเลนส์ 6 ชิ้น (เทเลโฟโต้ และอัลตร้าไวด์) และชุดเลนส์ 7 ชิ้น (ไวด์)
เลนส์กล้องจะถูกป้องกันโดยกระจกแซฟไฟร์
การบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K แบบ 30/60 เฟรมต่อวินาที และ HDR - Dolby Vision แบบ 30 เฟรมต่อวินาที
โหมดภาพยนต์สามารถถ่ายได้ที่ความละเอียด 1080p 30 เฟรมต่อวินาที
กล้องหน้า : ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มีเทคโนโลยี Deep Fusion รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K/HDR - Dolby Vision พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวอัตโนมัติ
VIDEO
VIDEO
สเปคเพิ่มเติมของ Apple iPhone 13 Pro และ Apple iPhone 13 Pro Max
ระบบปฏิบัติการ : iOS 15
หน่วยประมวลผล : ชิปเซ็ต Apple A15 Bionic (สถาปัตยากรรมการผลิต 5 นาโนเมตร)
ระบบเชื่อมต่อ : 5G, 4G LTE, WiFi 6, Bluetooth 5.0, NFC, GPS, GLONASS, เข็มทิศดิจิตอล
มาตรฐานป้องกันน้ำป้องกันฝุ่นระดับ IP68
รองรับการชาร์จไร้สายแบบ MagSafe 15 วัตต์ และ Qi 7.5 วัตต์
เทคโนโลยีชาร์จเร็ว รองรับ แต่ต้องซื้ออะแดปเตอร์ต่างหาก
รองรับไฟล์วิดีโอ : HEVC, H.264, MPEG-4 Part 2 และ Motion JPEG
Face Time : ความละเอียดสูงสุด FullHD (1080p)
ความจุพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 128GB, 256GB และ 512GB
แบตเตอรี่ : .....
Apple iPhone 13 mini มีความจุ 3095mAh
Apple iPhone 13 มีความจุ 4352mAh
Apple iPhone 13 Pro สั่งซื้อล่วงหน้าได้ที่ 1 ตุลาคม เริ่มวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไปวันที่ 8 ตุลาคมศกนี้ สำหรับราคาอย่างเป็นทางการ ดังนี้
โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 128GB ราคา 38,900 บาท
โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 256GB ราคา 42,900 บาท
โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 512GB ราคา 50,900 บาท
โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 1TB ราคา 58,900 บาท
Apple iPhone 13 Pro Max สั่งซื้อล่วงหน้าได้ที่ 1 ตุลาคม เริ่มวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไปวันที่ 8 ตุลาคมศกนี้ สำหรับราคาอย่างเป็นทางการ ดังนี้
โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 128GB ราคา 42,900 บาท
โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 256GB ราคา 46,900 บาท
โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 512GB ราคา 54,900 บาท
โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 1TB ราคา 62,900 บาท
เกร็ดความรู้เพิ่มเติม : iPhone 13 Series รองรับการใส่ซิมการ์ดแบบ Dual SIM (nano‑SIM และ eSIM) นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกด้วยกับการรองรับการใช้งานแบบ Dual eSIM!!
คุณสามารถสั่งซื้อสีเขียวใหม่ของทั้ง 4 รุ่น ล่วงหน้าได้วันที่ 18 มีนาคม ตั้งแต่เวลา 9.00 เป็นต้นไป และวางจำหน่ายทั่วไปตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : apple.com/th
บทความที่เกี่ยวข้อง
ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่