สมาร์ทโฟน (Smartphone)  |   วันที่ : 9 มีนาคม 2565

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ iPhone 13 Series ต้องบอกว่าในปีนี้แทบไม่มีข่าวลือเลย ซึ่งพอเผยโฉมออกมาก็ WOW ไม่น้อยกับฟีเจอร์ใหม่ และเฉดสีสุดสวย น่าสนใจไม่น้อยเลย รับรองว่าสาวๆ ต้องชอบแน่นอน ส่วนจุดเด่นของ iPhone 13 mini / iPhone 13 / iPhone 13 Pro / iPhone 13 Pro Max มีอะไรบ้างมาติดตามกันเลย สรุปไว้ให้หมดแล้ว ที่สำคัญเลยคือพอร์จชาร์จยังคงเป็นแบบ Lightning ไม่ใช่ USB Type-C ทุกรุ่นเลย!

Apple iPhone 13 mini / Apple iPhone 13

สำหรับ Apple iPhone 13 mini / Apple iPhone 13 ต้องบอกว่าถอดแบบมาจาก iPhone 12 mini กับ Apple 12 เลยก็ว่าได้ มาพร้อมรอยบากที่เล็กลงยิ่งขึ้น อันเป็นผลจากกล้อง Truedepth มีขนาดเล็งลง

ตัวเครื่องด้านหน้ากับด้านหลังครอบทับด้วยกระจกเซรามิก ทนทานแข็งแรงกว่ากระจกไหน เพิ่มความพรีเมียมมากยิ่งขึ้น พร้อมมาตรฐานป้องกันน้ำป้องกันฝุ่น IP68 (ความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที) ตามมาตรฐาน IEC 60529 ส่วนเลนส์กล้องหลังมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมนิดหน่อย ทำให้มีความสมมาตรมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีเฉดสีใหม่หลายสี อาทิ Pink (ชมพู), Blue (น้ำเงิน), Starlight (สตาร์ไลท์), Midnight black (มิดไนท์), Product Red และ Green สีใหม่ที่มีเฉพาะสองรุ่นนี้

  • ขนาดตัวเครื่อง, น้ำหนัก และขนาดหน้าจอ

Apple iPhone 13 mini

    • ขนาดตัวเครื่อง : 131.5 x 64.2 x 7.65 มม.
    • น้ำหนัก : 140 กรัม
    • หน้าจอแสดงผล : OLED-Super Retina XDR ขนาด 5.4 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล มีความหนาแน่นต่อพิกเซลอยู่ที่ 476ppi ซึ่งหน้าจอถูกเคลือบสารป้องกันรอยนิ้วมือไว้

Apple iPhone 13

    • ขนาดตัวเครื่อง : 146.7 x 71.5 x 7.65 มม.
    • น้ำหนัก : 173 กรัม
    • หน้าจอแสดงผล : OLED-Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2530 x 1170 พิกเซล มีความหนาแน่นต่อพิกเซลอยู่ที่ 460ppi ซึ่งหน้าจอถูกเคลือบสารป้องกันรอยนิ้วมือไว้

ทั้งสองรุ่นรองรับการใช้งานแบบการสัมผัสแตกต่างกัน (Haptic Touch) พร้อมรองรับการแสดงผลภาพแบบ HDR ในแบบ Dolby Vision, HDR10, HLG ตอบโจทย์คอนเทนต์วิดีโอได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการแสดงผลเฉดสีแบบ True Tone มีขอบเขตสีกว้างตามมาตรฐาน P3 และอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 ให้ความสว่าง 800 นิต ส่วนความสว่างสูงสุด 1200 นิต

กล้องดิจิตอลที่ดีกว่าเคย อัพเกรดเพิ่มมากขึ้น!?

ทั้งสองรุ่นใช้เลนส์และเซนเซอร์ที่ใหญ่ขึ้นในขนาดโมดูลกล้องที่เล็กลง ด้วยสถาปัตยกรรมใหม่หมด และวางตำแหน่งโมดูลกล้องหันเลนส์ทำมุมเฉียง 45 องศาเพื่อให้ใส่ได้พอดีในระบบกล้องคู่ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาของเรา มาพร้อมเซนเซอร์กล้องไวด์รับแสงได้มากขึ้น 47% ที่ใหญ่ที่สุด นอกจากนี้เรายังเผื่อที่ไว้สำหรับระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัลที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์ และใส่เซนเซอร์ที่เร็วยิ่งขึ้นไว้ในกล้องอัลตร้าไวด์ด้วย

  • ทั้งสองรุ่นมีสเปกกล้องหลัง : ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ใหม่ ให้จุดพิกเซลใหญ่กว่าเดิม ทำให้ภาพมีความสว่างมากขึ้น ทั้งเลนส์กล้องอัลตร้าไวด์และไวด์ โดยเลนส์ไวด์มีรูรับแสงกว้างมากถึง f/1.6 และอัลตร้าไวด์มีรูรับแสง f/2.4 มุมมองการถ่ายภาพกว้าง 120 องศา รองรับการซูมภาพแบบออปติคอล 2 เท่า, ดิจิตอล 5 เท่า
  • เลนส์ไวด์ประกอบด้วยชุดเลนส์ทั้งหมด 7 ชิ้น (ไวด์) ส่วนเลนส์อัลตร้าไวด์ ประกอบด้วยชุดเลนส์ทั้งหมด 5 ชิ้น มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว Optical มาพร้อมเทคโนโลยี Deep Fusion ทั้งสองเลนส์กล้องทำให้คุณถ่ายภาพได้อย่างเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ซึ่งเลนส์กล้องจะถูกป้องกันโดยกระจกแซฟไฟร์
  • การบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K แบบ 30/60 เฟรมต่อวินาที และ HDR - Dolby Vision แบบ 30 เฟรมต่อวินาที
  • โหมดภาพยนต์สามารถถ่ายได้ที่ความละเอียด 1080p 30 เฟรมต่อวินาที
  • กล้องหน้า : ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มีเทคโนโลยี Deep Fusion รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K/HDR - Dolby Vision

สเปคเพิ่มเติมของ Apple iPhone 13 mini และ Apple iPhone 13

  • ระบบปฏิบัติการ : iOS 15
  • หน่วยประมวลผล : ชิปเซ็ต Apple A15 Bionic (สถาปัตยากรรมการผลิต 5 นาโนเมตร)
  • ระบบเชื่อมต่อ : 5G, 4G LTE, WiFi 6, Bluetooth 5.0, NFC, GPS, GLONASS, เข็มทิศดิจิตอล
  • มาตรฐานป้องกันน้ำป้องกันฝุ่นระดับ IP68
  • รองรับการชาร์จไร้สายแบบ MagSafe 15 วัตต์ และ Qi 7.5 วัตต์
  • เทคโนโลยีชาร์จเร็ว รองรับ แต่ต้องซื้ออะแดปเตอร์ต่างหาก
  • รองรับไฟล์วิดีโอ : HEVC, H.264, MPEG-4 Part 2 และ Motion JPEG
  • Face Time : ความละเอียดสูงสุด FullHD (1080p)
  • ความจุพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 128GB, 256GB และ 512GB
  • แบตเตอรี่ : .....
    • Apple iPhone 13 mini มีความจุ 2406mAh ทางแอปเปิ้ลเคลมว่ามีขนาดแบตเตอรี่มากกว่ารุ่นก่อนหน้า ใช้งานได้เพิ่มประมาณ 1.5 ชั่วโมง อันเป็นผลจากประสิทธิภาพการประหยัดพลังงานจากชิปเซ็ต Apple A15 Bionic
    • Apple iPhone 13 มีแบตเตอรี่ความจุที่มากขึ้นเช่นกันด้วยความจุ 3095mAh

Apple iPhone 13 mini สั่งซื้อล่วงหน้าได้ที่ 1 ตุลาคม เริ่มวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไปวันที่ 8 ตุลาคมศกนี้ สำหรับราคาอย่างเป็นทางการ ดังนี้

  • โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 128GB ราคา 25,900 บาท
  • โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 256GB ราคา 29,900 บาท
  • โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 512GB ราคา 37,900 บาท

Apple iPhone 13 สั่งซื้อล่วงหน้าได้ที่ 1 ตุลาคม เริ่มวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไปวันที่ 8 ตุลาคมศกนี้ สำหรับราคาอย่างเป็นทางการ ดังนี้

  • โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 128GB ราคา 29,900 บาท
  • โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 256GB ราคา 33,900 บาท
  • โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 512GB ราคา 41,900 บาท

ต่อด้วยสองพี่น้อง Apple iPhone 13 Pro / Apple iPhone 13 Pro Max

สำหรับ Apple iPhone 13 Pro / Apple iPhone 13 Pro Max มาพร้อมรอยบากที่เล็กลงยิ่งขึ้น อันเป็นผลจากกล้อง Truedepth มีขนาดเล็งลง

ตัวเครื่องด้านหน้ากับด้านหลังครอบทับด้วยกระจกเซรามิก ทนทานแข็งแรงกว่ากระจกไหน เพิ่มความพรีเมียมมากยิ่งขึ้น พร้อมมาตรฐานป้องกันน้ำป้องกันฝุ่น IP68 (ความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที) ตามมาตรฐาน IEC 60529 ส่วนเลนส์กล้องหลังมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมนิดหน่อย ทำให้มีความสมมาตรมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีเฉดสีใหม่ อาทิ กราไฟต์, ทอง, เงิน และเซียร์ร่าบลู

  • ขนาดตัวเครื่อง, น้ำหนัก และขนาดหน้าจอ

Apple iPhone 13 Pro

    • ขนาดตัวเครื่อง : 146.7 x 71.5 x 7.65 มม.
    • น้ำหนัก : 203 กรัม
    • หน้าจอแสดงผล : OLED-Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล มีความหนาแน่นต่อพิกเซลอยู่ที่ 460ppi ซึ่งหน้าจอถูกเคลือบสารป้องกันรอยนิ้วมือไว้

Apple iPhone 13 Pro Max

    • ขนาดตัวเครื่อง : 160.8 x 78.1 x 7.65 มม.
    • น้ำหนัก : 238 กรัม
    • หน้าจอแสดงผล : OLED-Super Retina XDR ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 2778 x 1284 พิกเซล มีความหนาแน่นต่อพิกเซลอยู่ที่ 458ppi ซึ่งหน้าจอถูกเคลือบสารป้องกันรอยนิ้วมือไว้

ทั้งสองรุ่นรองรับการใช้งานแบบการสัมผัสแตกต่างกัน (Haptic Touch) พร้อมรองรับการแสดงผลภาพแบบ HDR ในแบบ Dolby Vision, HDR10, HLG ตอบโจทย์คอนเทนต์วิดีโอได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการแสดงผลเฉดสีแบบ True Tone มีขอบเขตสีกว้างตามมาตรฐาน P3 และอัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 ให้ความสว่าง 1000 นิต ส่วนความสว่างสูงสุด 1200 นิต

นอกจากนี้ยังใหม่กว่าเดิม ไหลลื่น ไม่หน่วงแล้ว กับเทคโนโลยี ProMotion ที่มีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz สามารถปรับได้อัตโนมัติระหว่าง 10Hz-120Hz เพื่อประสิทธิภาพการแสดงผลในแต่ละช่วงคอนเทนต์ เพื่อประสิทธิภาพและประหยัดแบตเตอรี่มากยิ่งขึ้น

กล้องดิจิตอลที่ดีกว่าเคย อัพเกรดเพิ่มมากขึ้น!?

ระบบกล้องได้รับการอัพเกรดครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยฮาร์ดแวร์ที่ล้ำไปอีกขั้น จึงเก็บรายละเอียดเพิ่มขึ้นได้อีกมาก พร้อมด้วยซอฟต์แวร์สุดอัจฉริยะสำหรับเทคนิคใหม่ต่างๆ ในการถ่ายภาพและถ่ายภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังถ่ายภาพกับวิดีโอได้แบบมาโคร (Macro) ได้แล้วในระยะห่างเพียง 2 ซม.เท่านั้น ซึ่งพิเศษกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป กล่าวคือ การถ่ายวิดิโอมาโครสามารถทำได้ทั้งสโลว์โมชั่นและไทม์แลปส์!!

  • ทั้งสองรุ่นมีสเปกกล้องหลัง : ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ใช้เซนเซอร์ใหม่ ให้จุดพิกเซลใหญ่กว่าเดิม ทำให้ภาพมีความสว่างมากขึ้น ทั้งเลนส์กล้องอัลตร้าไวด์และไวด์ โดยเลนส์ไวด์มีรูรับแสงกว้างมากถึง f/1.5 และอัลตร้าไวด์มีรูรับแสง f/2.4 มุมมองการถ่ายภาพกว้าง 120 องศา และเลนส์เทเลโฟโต้มีรูรับแสง f/2.8
  • ซูมเข้าแบบออปติคัล 3 เท่า ซูมออกแบบออปติคัล 2 เท่า และช่วงซูมแบบออปติคัล 6 เท่า
    ซูมดิจิทัลได้สูงสุด 15 เท่า
  • ภาพถ่ายบุคคลในโหมดกลางคืนที่ทำได้โดยอาศัยสแกนเนอร์ LiDAR
  • ระบบป้องกันภาพสั่นไหวคู่แบบออปติคัล (เทเลโฟโต้และไวด์)
  • ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัลที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์ (ไวด์)
  • ชุดเลนส์ 6 ชิ้น (เทเลโฟโต้และอัลตร้าไวด์) และชุดเลนส์ 7 ชิ้น (ไวด์)
  • เลนส์กล้องจะถูกป้องกันโดยกระจกแซฟไฟร์
  • การบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K แบบ 30/60 เฟรมต่อวินาที และ HDR - Dolby Vision แบบ 30 เฟรมต่อวินาที
  • โหมดภาพยนต์สามารถถ่ายได้ที่ความละเอียด 1080p 30 เฟรมต่อวินาที
  • กล้องหน้า : ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มีเทคโนโลยี Deep Fusion รองรับการบันทึกวิดีโอ 4K/HDR - Dolby Vision พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวอัตโนมัติ

สเปคเพิ่มเติมของ Apple iPhone 13 Pro และ Apple iPhone 13 Pro Max

  • ระบบปฏิบัติการ : iOS 15
  • หน่วยประมวลผล : ชิปเซ็ต Apple A15 Bionic (สถาปัตยากรรมการผลิต 5 นาโนเมตร)
  • ระบบเชื่อมต่อ : 5G, 4G LTE, WiFi 6, Bluetooth 5.0, NFC, GPS, GLONASS, เข็มทิศดิจิตอล
  • มาตรฐานป้องกันน้ำป้องกันฝุ่นระดับ IP68
  • รองรับการชาร์จไร้สายแบบ MagSafe 15 วัตต์ และ Qi 7.5 วัตต์
  • เทคโนโลยีชาร์จเร็ว รองรับ แต่ต้องซื้ออะแดปเตอร์ต่างหาก
  • รองรับไฟล์วิดีโอ : HEVC, H.264, MPEG-4 Part 2 และ Motion JPEG
  • Face Time : ความละเอียดสูงสุด FullHD (1080p)
  • ความจุพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 128GB, 256GB และ 512GB
  • แบตเตอรี่ : .....
    • Apple iPhone 13 mini มีความจุ 3095mAh
    • Apple iPhone 13 มีความจุ 4352mAh

Apple iPhone 13 Pro สั่งซื้อล่วงหน้าได้ที่ 1 ตุลาคม เริ่มวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไปวันที่ 8 ตุลาคมศกนี้ สำหรับราคาอย่างเป็นทางการ ดังนี้

  • โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 128GB ราคา 38,900 บาท
  • โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 256GB ราคา 42,900 บาท
  • โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 512GB ราคา 50,900 บาท
  • โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 1TB ราคา 58,900 บาท

Apple iPhone 13 Pro Max สั่งซื้อล่วงหน้าได้ที่ 1 ตุลาคม เริ่มวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไปวันที่ 8 ตุลาคมศกนี้ สำหรับราคาอย่างเป็นทางการ ดังนี้

  • โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 128GB ราคา 42,900 บาท
  • โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 256GB ราคา 46,900 บาท
  • โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 512GB ราคา 54,900 บาท
  • โมเดลพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 1TB ราคา 62,900 บาท

เกร็ดความรู้เพิ่มเติม : iPhone 13 Series รองรับการใส่ซิมการ์ดแบบ Dual SIM (nano‑SIM และ eSIM) นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกด้วยกับการรองรับการใช้งานแบบ Dual eSIM!!

คุณสามารถสั่งซื้อสีเขียวใหม่ของทั้ง 4 รุ่น ล่วงหน้าได้วันที่ 18 มีนาคม ตั้งแต่เวลา 9.00 เป็นต้นไป และวางจำหน่ายทั่วไปตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม : apple.com/th

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

มือถือออกใหม่