ซอฟต์แวร์ (Software) | วันที่ : 13 ตุลาคม 2564
OPPO ประกาศเปิดตัวระบบปฏิบัติการ ColorOS 12 ใหม่สำหรับผู้ใช้ทั่วโลกอย่างเป็นทางการ เพื่อมุ่งให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ราบรื่นมากยิ่งขึ้นบน Android 12 โดย ColorOS 12 มอบ inclusive UI แบบใหม่ทั้งหมดที่มีประสิทธิภาพการใช้งานที่ราบรื่นยิ่งขึ้นและมีฟีเจอร์ที่หลากหลาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานในชิวิตประจำวันของคุณ พร้อมสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานให้ดียิ่งขึ้น
โดยการเปิดตัวในครั้งนี้ OPPO ได้เปิดตัว ColorOS 12 รุ่น public beta ให้กับผู้ใช้งานทั่วโลกอย่างเป็นทางการ ถือเป็นหนึ่งใน OEM รายแรกๆ ที่ทำงานบน Android 12 ซึ่งเปิดตัวบน OPPO Find X3 Pro 5G เป็นครั้งแรกในอินโดนีเซีย ไทย และมาเลเซีย โดย OPPO วางแผนที่จะขยายการใช้งานไปยังรุ่นอื่นๆ ครอบคลุมประเทศและภูมิภาคมากยิ่งขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ประสบการณ์ที่ราบรื่นยิ่งขึ้น ไร้สะดุด เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การมอบประสบการณ์ที่ราบรื่น ไร้สะดุดให้กับผู้ใช้ ถือเป็นหัวใจสำคัญของการวิจัยและพัฒนา รวมถึงนวัตกรรมของ OPPO โดย ColorOS 12 ใหม่ มุ่งเน้นทั้งความสะดวกสบายและทนทานต่อการใช้งาน ซึ่งจากความพยายามในการถอดรหัส long-term code ทำให้ ColorOS 12 สำเร็จในด้านการจัดการความล่าช้าและความหน่วงเมื่อใช้งานเป็นระยะเวลานาน
โดยเฉพาะด้าน anti-fragmentation และการจัดสรรทรัพยากรอย่างชาญฉลาด ทำให้อัตราการเสื่อมสภาพของระบบใน 3 ปีต่ำเพียง 2.75% รวมถึงสามารถลดการใช้หน่วยความจำลงถึง 30% และใช้พลังงานแบตเตอรี่ลดลง 20%
Quantum Animation Engine สร้างรูปลักษณ์เลียนแบบคุณด้วยการใช้แอนิเมชั่นที่พัฒนามากว่า 300 แบบเพื่อมอบเอฟเฟกต์แอนิเมชั่นเสมือนจริง นอกจากนี้ยังตอบสนองการสัมผัสด้วยแรงต้าน ความเฉื่อย และแรงดีดตัว เพื่อมอบประสบการณ์โดยรวมที่ราบรื่นยิ่งขึ้น รวมถึงเพื่อสอดคล้องกับการรับรู้และพฤติกรรรมของสมองมนุษย์ยิ่งขึ้น มอบประสบการณ์ที่สมจริงและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สำหรับการใช้งานอื่นๆ เช่น PC Connect, 3-Finger Translate ที่ขับเคลื่อนโดย Google Lens, FlexDrop และ Phone Manager ช่วยให้ผู้ใช้ ColorOS 12 ทำงานในหลากหลายสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดความสำคัญด้านความเป็นส่วนตัว: ลดลูกเล่นและโฟกัสไปที่พื้นฐานเบื้องต้น
OPPO เล็งเห็นถึงความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและฟีตแบคจากผู้ใช้งานบน ColorOS ทำให้ ColorOS 12 ไม่เพียงแต่มาพร้อมกับฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่ได้รับการพัฒนาแล้วจาก Android 12 เท่านั้น แต่ยังมาพร้อมแดชบอร์ดความเป็นส่วนตัว, การแชร์ตำแหน่งใกล้เคียง และ การเข้าถึงไมโครโฟนและกล้อง มาช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมความเป็นส่วนตัวของตนเองได้ด้วยเมนูและปุ่มที่มองเห็นได้ชัดเจน โดยที่ยังสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์อื่นๆ ที่ได้รับการพัฒนาจากทีม OPPO ได้เช่น Private System, Private Safe, App Lock และอื่นๆ
โดย OPPO ได้รับการรับรองความเป็นส่วนตัวจากองค์กรมีอำนาจเช่น ePrivacy และ ISO27001 ซึ่งมีการใช้ third-party supervisor ในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เพื่อให้การประมวลผลในทุกๆ วันตรงตามข้อปฏิบัติด้านข้อมูล
การเข้าถึง OS ของนักพัฒนา Android
การแบ่งปัน ถือเป็นคุณค่าหลักในการแลกเปลี่ยนระหว่างพาร์ทเนอร์ Android ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้างและการแลกเปลี่ยนทางเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาของทั้งสองแพลตฟอร์ม โดย ColorOS ได้รวบรวมฟีเจอร์มากมายมาจาก Android ซึ่ง Android 12 ก็ได้รับแรงบันดาลใจด้านการปรับแต่งได้เองมาจาก ColorOS เช่นเดียวกัน
เช่น ระบบการเปลี่ยนธีมโดยอิงจากวอลเปเปอร์ใน Material You ที่มีฟีเจอร์การปรับแต่งที่พัฒนาขึ้นเองซึ่งคล้ายกับ ColorOS รุ่นก่อนหน้า และอีกตัวอย่างที่ดีของการแลกเปลี่ยน คือ App Cloner จาก ColorOS ที่ตอนนี้มีอยู่ใน Android 12 อีกด้วย
ColorOS ของ OPPO มุ่งมั่นในการเป็นระบบปฏิบัติการที่เป็นมิตรกับนักพัฒนา Android มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น free camera SDKs ที่ครอบคลุมความสามารถด้านกล้องที่โดดเด่นของ OPPO เช่น Ultra Steady Video Shooting, HDR, Super Wide-Angle และอื่นๆ อีกทั้ง OPPO ยังได้เปิดการเข้าถึง HyperBoost และ Color Vision Enhancement เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อนักพัฒนาแอป Android และเสริมสร้างอีโคซิสเต็มของ Android ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
แผนการเปิดตัว ColorOS 12
OPPO จะเปิดตัว ColorOS 12 รุ่น public beta ในอินโดนีเซีย ไทย และมาเลเซียบน OPPO Find X3 Pro 5G จากนั้นจะเปิดตัวในประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมต่อไปตามแผนการในปี 2564 และ 2565 โดย OPPO ตั้งเป้าในการนำ ColorOS 12 ให้ผู้ใช้งาน 150 ล้านคน บนกว่า 110 รุ่น
นโยบายการอัปเกรด เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะ OPPO
ถือเป็นครั้งแรกที่ OPPO มีการประกาศนโยบายการอัปเกรดครั้งสำคัญ โดยเฉพาะรุ่นที่วางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป โดย OPPO รับประกันการอัปเดต Android 3 รายการหลักบนซีรีส์แฟล็กชิพ OPPO Find X Series และ การอัปเดต Android 2 รายการบนซีรีส์ OPPO Reno และ A Series ในบางรุ่น รวมถึง การอัปเดต Android 1 รายการบน OPPO A Series ในรุ่นที่มีหน่วยความจำต่ำ นอกจากนี้จะยังมีการอัปเดตแพตช์ด้านความปลอดภัยทั่วไปบน OPPO Find X Series ในระยะเวลา 4 ปี และ OPPO Reno และ A Series ในระยะเวลา 3 ปีอีกด้วย
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
วันที่ : 13 ตุลาคม 2564
Samsung Galaxy F56 5G เน้นหุ่นเพรียวบาง ขับเคลื่อนด้วย Exynos 1480
vivo Pad SE แท็บเล็ตเอาใจนักเรียนนักศึกษา หน้าจอฟีลกระดาษ เพิ่มประสิทธิภาพการอ่าน
vivo Pad 5 Pro แท็บเล็ตชิปเซ็ต Dimensity 9400 แบตเตอรี่ใหญ่มาก 12,050mAh
สรุปจุดเด่นและสเปค TECNO CAMON 40 Pro สมาร์ทโฟนที่คุ้มค่า อัปเดต OS นาน 3 ปี ลดราคาเหลือเพียง 6,9...
HONOR 400 หลุดสเปคเด่น! ชิปเซ็ต Snapdragon 7 Gen 3, กล้อง 200MP, จอสว่าง 5000 นิต คาดเปิดตัวพฤษภา...
OPPO Pad SE ลือใช้ชิปเซ็ตใหม่ MediaTek Dimensity G100 พร้อมแบตเตอรี่อึด 9,340mAh
HONOR Band 10 สมาร์ทแบนด์จอ AMOLED 1.57 นิ้ว ใช้เบาๆ ก็อยู่ยาวไปเลย 2 สัปดาห์
Infinix NOTE 50 Series ชิปเซ็ต MediaTek D8350 พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว เปิดราคา 25 เมษายนนี้
Infinix NOTE 50 Series สมาร์ทโฟนดีไซน์ Metal Frame เร็วแรงตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
เปรียบเทียบสองแท็บเล็ต Alldocube iPlay50 mini vs Alldocube iPlay60 Pad Pro ต่างกันอย่างไร
Samsung Galaxy F56 5G เน้นหุ่นเพรียวบาง ขับเคลื่อนด้วย Exynos 148012 ชั่วโมงที่แล้ว