โน๊ตบุ๊ค (Notebook)  |   วันที่ : 19 กรกฎาคม 2565

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

บางทีเรารู้สึกว่าแล็ปท็อปของเราแบตหมดเร็วเกินไปหรือเปล่า? ต่อไปนี้คือ เคล็ดลับที่สามารถช่วยทำให้แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น

หยุดแบตเตอรี่ไม่ให้หมดอย่างรวดเร็วเมื่อใช้ Windows 11

อย่างที่ทราบกันดี แล็ปท็อปอาจจะใช้งานไม่ได้ตลอดทั้งวัน อย่างน้อยในหนึ่งวันต้องเสียบสายชาร์ทสักครั้งนึง ซึ่งเป็นราคาที่ต้องจ่ายเพื่อแลกกับความสะดวกในการพกพา แต่มีวิธีอื่นๆ ในการยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ให้นานขึ้นอีกหน่อย ซึ่งสามารถช่วยรักษาอายุการใช้งานให้นานขึ้น

หยุดแอปฯ ไม่ให้ทำงานในพื้นหลัง

แอปพลิเคชันบนคอมพิวเตอร์ทำงานในเบื้องหลัง ตัวอย่างเช่น แอปพลิเคชันสามารถส่งการแจ้งเตือนถึงคุณเมื่อได้รับข้อความ อีเมล หรือการแจ้งเตือนความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแบตเตอรี่เหลือน้อย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ต้องหยุดไม่ให้แอปพลิเคชันเหล่านี้ทำงานได้

1 . ไปที่ Settings และคลิกที่ System

2 . เลือก Power & battery

3 . เลือก Battery saver จากนั้นคลิก Turn on now ( คุณต้องถอดสายชาร์จ )

เมื่อเปิดใช้งานแล้ว การแจ้งเตือนและกิจกรรมเบื้องหลังบางอย่างจะหยุดชั่วคราวเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่

หากแบตเตอรี่ของคุณเหลือน้อยกว่าเปอร์เซ็นต์ที่กำหนด คุณสมบัติประหยัดแบตเตอรี่จะเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ สกรีนช็อตโดย Nelson Aguilar / CNET

คุณยังสามารถจัดการกับตั้งค่าบางอย่างเองได้เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติการประหยัดแบตเตอรี่ ความสว่างหน้าจอจะลดลงอัตโนมัติเมื่อเปิดใช้โหมดประหยัดพลังงาน เพราะฉะนั้นไม่ต้องตกใจเมื่อพบว่าเปิดโหมดประหยัดพลังงานแล้วทำไมหน้าจอถึงมืดลง

ลดอัตราการรีเฟรชสำหรับจอแสดงผล

อัตราการรีเฟรช คืออะไร? สรุปง่ายๆ คือการเคลื่อนไหวบนหน้าจอไหลที่ลื่นมากขึ้น ตัวอย่างเช่น หากกำลังเล่นวิดีโอเกมต้องการอัตราการรีเฟรชสูงสุด ซึ่งจะทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้นเช่นกัน อัตราการรีเฟรชที่สูงขึ้นยังหมายถึงพลังงานที่มากขึ้นด้วย หากไม่ต้องการอัตราการรีเฟรชที่สูง คุณสามารถลดอัตราการรีเฟรชลงเพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี่

1 . เปิด Settings จากนั้นเลือก System

2 . ต่อไปคลิกไปที่ Display แล้วเลือก Advanced display

3 . สุดท้าย เปลี่ยนหมายเลขที่แสดงถัดจาก choose a refresh rate

คุณอาจเห็นตัวเลขอัตราการรีเฟรชที่แตกต่างกันเป็นค่าเริ่มต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแล็ปท็อปหรือเดสก์ท็อป หากมีตัวเลือกอัตราการรีเฟรชเพียงตัวเลือกเดียว แสดงว่า "ปรับไม่ได้"

เลือกอัตราการรีเฟรชที่ต่ำลงเพื่อช่วยรักษาแบตเตอรี่  สกรีนช็อตโดย Nelson Aguilar / CNET

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่ควรทราบ คือ หากลดอัตราการรีเฟรชลงจะส่งผลต่อประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ ในบางกรณีอาจทำให้การทำงานไม่ลื่นไหลนั่นเอง หรือที่เรียกกันว่าอาการแลค

ใช้พื้นหลังหรือธีมสีเข้ม ที่นิยมเรียกกันว่า Dark Mode

หากคอมพิวเตอร์ Windows 11 ของคุณมีจอแสดงผล OLED ก็สามารถใช้พื้นหลังหรือธีมสีเข้มเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ ต่างจากจอ LCD/LED รุ่นเก่าตรงที่แต่ละพิกเซลจะสว่างแยกกันจึงทำให้ใช้ไฟมากขึ้น ส่วนจอ OLED นั้นหากพื้นหลังเป็นสีดำ พิกเซลเหล่านั้นจะไม่สว่างขึ้นและใช้ไฟได้น้อยลง

1 . คลิกขวาแล้วเลือก Personalize หรือเข้าไปที่ Settings เเล้วเลือก Personalization

2 . ที่ด้านบนของหน้า ให้เลือกธีมสีเข้มชุดไหนก็ได้

มีธีมสีเข้มให้เลือกไม่กี่แบบ แต่ละอันจะทำให้พื้นหลังมืดลงตามตัวอย่างด้านล่าง

ธีมสีเข้มช่วยรักษาแบตเตอรี่บนจอแสดงผล OLED  สกรีนช็อตโดย Nelson Aguilar / CNET

หากคุณมีพื้นหลังสีเข้มที่เป็นส่วนตัวอยู่แล้ว คุณสามารถไปที่ Settings  >  Personalization > Colors  > เลือกโหมดที่ชอบแล้วเลือกสีเข้มจากตัวเลือกที่ปรากฏขึ้น

ลดเวลาสำหรับการหมดเวลาหน้าจอล็อก

ยิ่งหน้าจอใช้พลังงานมากเท่าไรก็ยิ่งกินพลังงานมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุให้ต้องปิดหน้าจอเมื่อไม่ใช้งานแล้ว ไม่ว่าจะใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีหรือหนึ่งชั่วโมง

1 . เปิด Settings และไปที่ System.

2 . ถัดไป คลิก Power & battery.

ข้างใต้ปุ่มเปิด /ปิด จะพบการตั้งค่าต่างๆ สำหรับการปิดจอแสดงผลหลังจากไม่มีการใช้งานไประยะหนึ่ง ซึ่งสามารถเปลี่ยนจำนวนนาทีจากค่าเริ่มต้นที่คุณต้องการให้เป็นตัวเลขที่ต่ำกว่า เช่น 1 หรือ 2 นาที เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

คุณสามารถปิดหน้าจอของคุณโดยอัตโนมัติหลังจากไม่มีการใช้งาน 1 นาที เพื่อให้แบตเตอรี่อยู่ได้นานขึ้น

อ้างอิง  https://www.cnet.com/tech/computing/windows-11-draining-your-battery-heres-how-to-fix-it/

 

 

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

มือถือออกใหม่