Samsung เปิดตัวสองสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปใหม่ล่าสุดที่ทุกคนต่างรอคอยกับ Samsung Galaxy S23 และ Samsung Galaxy S23+ ที่เป็นตามข่าวลือเลยคือใช้ขุมพลังแรงสุดในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนตอนนี้กับ Snapdragon 8 Gen 2 ที่มีการปรับแต่งพิเศษให้มีประสิทธิภาพสูงกว่าชิปเซ็ตธรรมดา เรียกได้ว่าทางซัมซุงได้ Exclusive จัดให้เหล่าแฟนๆ ได้รู้สึกพิเศษกันไปเลย มาพร้อมการออกแบบสะอาดตา มองรวมๆ แล้วมีเสน่ห์ เลนส์กล้องไม่ใหญ่เทอะทะ เฉดสีตัวเครื่องมินิมอล ทำให้ทุกอย่างลงตัว เป็นอีกสองรุ่นที่น่าใช้งานเอามากๆ รายละเอียดจะมีอะไรบ้าง มาติดตามกันเลย
สำหรับจุดเด่นของ Samsung Galaxy S23 และ Samsung Galaxy S23+ มีอะไรเหมือนกันบ้าง
สำหรับสองพี่น้อง Samsung Galaxy S23 และ Samsung Galaxy S23+ ในแง่ของจุดเด่นไม่มีข้อแตกต่างเลย จะมีข้อแตกต่างคือด้านสเปคเท่านั้น ทั้งสองรุ่นมีมาตรฐานป้องกันน้ำป้องกันฝุ่นระดับ IP68 ดีไซน์วัสดุส่วนใหญ่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล ขอบเครื่องวัสดุอะลูมิเนียม แต่มีความแข็งแรงทนทาน สามารถใช้งานได้มั่นใจ
ด้านหลังตัวเครื่องไม่มีพาแนลโมดูลกล้องขนาดใหญ่แล้ว แต่ละเลนส์เป็นเลนส์กล้องอิสระ ทำงานแยกจากกันเฉพาะ ส่งผลให้การถ่ายภาพมีประสิทธิภาพสูง ในแง่ดีไซน์ยังดูสะอาดตามากยิ่งขึ้น รวมๆ แล้วมีความินิมอล โดยมีทั้งหมด 4 เฉดสีให้เลือก ได้แก่ Cream, Green, Lavender และ Phantom Black
หน้าจอแสดงผลทั้งสองรุ่น แบบ Infinity-O Display ประเภท Dynamic AMOLED 2X ความละเอียด FullHD+ ปรับอัตรารีเฟรชเรทได้ระหว่าง 48-120Hz อีกทั้งเมื่อเปิดโหมดเกมจะรองรับการทัชสกรีนสูงสุดที่ 240Hz รองรับการแสดงผล HDR10+ กับเทคโนโลยีสี DCI-P3 ขนาดหน้าจอแสดงผลมีความแตกต่างกัน ... ทว่าหน้าจอมีการครอบทับกระจก GORILLA GLASS VICTUS 2 ทั้งด้านหน้าและด้านหลังตัวเครื่อง ซึ่งเป็นกระจกป้องกันรอยขีดข่วน ลดแรงกระแทกที่ได้มาตรฐานสูงสุด ณ ตอนนี้
นอกจากนี้ฟีเจอร์การใช้งานหน้าจอ มีการเพิ่มฟีเจอร์ Vision Booster กล่าวคือ สามารถปรับสีและ contrast ได้ให้ตรงกับสภาพแวดล้อมของแสง ณ จุดนั้น รวมถึงฟีเจอร์เปิดโหมดการทำงานลดการกะพริบหน้าจอ เพื่อลดอาการตาเมื่อยล้า โดยมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือฝังไว้ใต้หน้าจอ ปลดล็อครวดเร็วแม่นยำ
ประสิทธิภาพการประมวลผลยืนหนึ่ง ต้องบอกว่าทั้งสองรุ่นตามที่เกริ่นข้างต้นใช้ชิปเซ็ตประมวลผล Snapdragon 8 Gen 2 เร็วแรง ลดความร้อน ประหยัดพลังงานกว่าเดิม ต่างจากรุ่นก่อนที่มีปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นมา เรียกได้ว่าสองรุ่นใหม่นี้ซัมซุงได้มีการแก้มือ มาพร้อมเทคโนโลยี RAM ประเภท LPDDR5X และเทคโนโลยีพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน UFS 4.0 เร็วแรงได้ใจ โดยขับเคลื่อนด้วยแพลตฟอร์ม ONE UI 5.0 บนพื้นฐาน Android 13 ซึ่งมีการปรับแต่งเมนูการใช้งาน และกราฟิกต่างๆ ให้มีความสวยงาม มินิมอลยิ่งขึ้น
สรุปสเปคกล้องดิจิตอล Samsung Galaxy S23 และ Samsung Galaxy S23+
สรุปสเปคเบื้องต้นของ Samsung Galaxy S23 และ Samsung Galaxy S23+
โปรโมชั่นสุดพิเศษ The New Galaxy
ราคาวางจำหน่าย
ราคา Samsung Galaxy S23
ราคา Samsung Galaxy S23+
ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ
วันที่ : 2 กุมภาพันธ์ 2566
realme 15 Pro 5G เตรียมเขย่าวงการ สมาร์ทโฟน AI สุดล้ำ จ่อเปิดตัวในอินเดีย เดือนกรกฎาคมนี้
รีวิว OPPO Reno14 Series 5G อัปเกรดกล้องพอร์ตเทรตด้วย AI ไปอีกขั้น พร้อม Pad SE แท็บเล็ตคู่ใจสายเ...
vivo T4 Lite 5G สมาร์ทโฟน 5G ราคาประหยัด หน้าจอ 6.74 นิ้ว 90Hz แบตฯ 6000mAh
Redmi Note 14 Pro 5G BamBam Limited Edition และ Redmi Note 14 สี Sand Gold เปิดตัวอย่างเป็นทางการ...
Samsung Galaxy S26 Ultra และ S26 Edge ปรากฏข้อมูลบน IMEI อาจเปิดตัวพร้อมกันต้นปี 2026
พรีวิว OPPO Reno14 Series 5G พบกับประสบการณ์ The AI Portrait Expert ที่เหนือกว่า
vivo Y300c สมาร์ทโฟนจอ AMOLED ลื่นๆ 120Hz ชิปเซ็ต Dimensity 6300
vivo S30 Pro mini สมาร์ทโฟนไซต์ Compact แถมทนทาน ได้กล้องหลัง 3 ตัว 50MP
Samsung Galaxy Z Fold 7 หลุดเครื่องดัมมี่ จับเทียบหนาบางกับ Galaxy Z Fold 6
HUAWEI WATCH 5 กับ Multi-sensing X-TAP Technology นวัตกรรมตรวจสุขภาพรอบด้านด้วยปลายนิ้ว
HUAWEI Pura 80 Ultra กล้องอย่างว้าว ซูม Optical ระยะ 3.7 กับ 9.4 เท่า ด้วยการสลับเลนส์