สมาร์ทโฟน (Smartphone)  |   วันที่ : 13 กุมภาพันธ์ 2566

ปรับขนาดตัวอักษร - ก+ก

แชร์

ยังอยู่ที่ควันหลงของ Samsung Galaxy S23 Series โดยเพิ่งเปิดตัวในบ้านเราไปไม่นาน เชื่อว่าบางคนตัดสินใจสั่งจองแล้ว บางคนยังลังเล สำหรับใครที่ใช้รุ่นก่อนหน้าอยู่คือ Samsung Galaxy S22 Series แต่ว่ามีความพร้อม อยากเปลี่ยนรุ่นใหม่ แต่ไม่มั่นใจว่า ท้ายที่สุดจำเป็นจริงๆ หรือไม่ และอะไรคือข้อแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างทั้งสองรุ่น นอกเหนือจากสเปค บทความนี้จะสรุปอธิบายสั้นๆ....

1. กล้องดีกว่าชัดๆ แต่จำเป็นขนาดนั้นหรือไม่?

เริ่มจากรุ่นพี่ Samsung Galaxy S23 Series การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ทางซัมซุงเหมือนจะเน้นเรื่องกล้องเป็นหลัก ผิวเผินแล้วตามสเปคก็ยังเหมือนเดิม แตกต่างซอฟต์แวร์และอัลกอริทึมด้านใน ให้สามารถถ่ายภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่ารุ่นน้อง Samsung Galaxy S22 Series แต่ไม่ได้หมายความว่ารุ่นน้องจะถ่ายภาพได้ไม่ดี

จุดที่แตกต่างของภาพ เราอาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า... แต่จุดขายน่าสนใจของรุ่นพี่ Samsung Galaxy S23 Series คือการซูม 100 เท่าที่คุณภาพของรูปภาพคมชัดเจน เหมาะใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ได้นั่นเอง

2. หัวใจสำคัญในทุกเรื่องราวคือ ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 2

ชิปเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุดที่เป็นหัวใจในการประมวลผล ซึ่ง Exclusive เฉพาะเลย เป็นการร่วมมือกันระหว่าง Samsung กับ Qualcomm หลักๆ เน้น 4 ด้าน คือ ประสิทธิภาพความเร็ว CPU จากเดิม 3.19GHz เป็น 3.36GHz ต่อด้วย GPU เดิมมีความเร็ว 680MHz ไปเป็น 719MHz และประหยัดพลังงานกับควบคุมอุณหภูมิความร้อนได้ดีกว่าเดิม

หากเปรียบเทียบกับ Samsung Galaxy S22 Series ถือว่าชิปเซ็ตรุ่นเดิม สามารถใช้งานทั่วไปได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว เพียงพอต่อปัจจุบันและในอนาคตอีก 2-3 ปี โดยที่ไม่ถูกลดทอนความเร็วแต่อย่างใด แต่ความใหม่ เป็นเรื่องของเทคโนโลยีและนวัตกรรม ใครจะลองก็ไม่ผิด

3. นอกจากชิปเซ็ตยังมีความสดใหม่อย่าง เทคโนโลยี RAM และเทคโนโลยีพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน

ไม่ต้องแปลกใจ เทคโนโลยีทั้งหมดมาจาก Samsung เป็นผู้ผลิตและพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี RAM ประเภท LPDDR5X และเทคโนโลยีพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน UFS 4.0 ที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ประมวลผลรวดเร็วในการอ่านและเขียน ตอบโจทย์การใช้งานทุกแขนง เช่น การบันทึกวิดีโอความละเอียด 8K หรือถ่ายภาพโหมดกลางคืน รวมถึงการซูมภาพต่างๆ ก็ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง

4. ปากกากับระบบเสียง ที่เหมือนเดิมเป๊ะ

หากคุณคาดว่าสองฟีเจอร์นี้ล่ะก็ ใช้รุ่นเดิมต่อไปได้เลย เพราะ Samsung Galaxy S23 Series ไม่มีอะไรเปลี่ยนใหม่ และแทบไม่มีการพูดถึงเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นปากกา S-Pen หรือลำโพง ดังนั้นคุณใช้รุ่นน้อง Samsung Galaxy S22 Series เดิมๆ ต่อไปได้เลย

5. หน้าจอแสดงผลเหมือนเดิม แตกต่างที่แข็งแกร่งกว่าเดิม

สเปคหน้าจอเท่าเดิม ไม่แตกต่างจากเดิมดีที่ได้กระจกหน้าจอแข็งแกร่งกว่าเก่า ช่วยปกป้องหน้าจออย่างมีประสิทธิภาพด้วย Gorilla Glass Victus 2 ในขณะที่รุ่นน้องจะใช้เป็นรุ่นแรกเท่านั้น

6. ซีรีย์เรือธง แต่ไม่มีแม้เทคโนโลยี PWM Dimming ?

หากคุณคาดหวังเทคโนโลยีดังกล่าวก็ผิดหวังได้เลย เพราะไม่มีเทคโนโลยีดังกล่าวใส่เข้ามา สำหรับเทคโนโลยี PWM Dimming มีการเริ่มนำเข้ามาใช้มากขึ้นในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน จุดประสงค์เพื่อลดการกะพริบในสภาพแวดล้อมแสงน้อย เมื่อคุณจ้องมองหน้าจอ จะลดอาการหน้าจอสั่น อันเป็นสาเหตุที่ทำให้สายตาล้า และรู้สึกพล่ามั่วหากจ้องเป็นเวลานาน

7. ส่วนหนึ่งในการรักษ์โลกและแบตเตอรี่ที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย

Samsung ได้มีการนำวัสดุรีไซเคิลมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการผลิตสามสหายตั้งแต่กล่องบรรจุภัณฑ์ไปจนถึงตัวเครื่อง ส่วนแบตเตอรี่ทั้งสามรุ่นก็มีความจุเพิ่มขึ้นเล็กน้อยให้คุณใช้งานได้นานอีกหน่อย

สรุปเจ้าของ Samsung Galaxy S22 Series ควรเปลี่ยนหรือไม่?

  • ใช้งานธรรมทั่วไป เน้นถ่ายรูปทั่วไป ไม่ควรเปลี่ยน เพราะไม่มีอะไรแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด แค่บางจุดที่เปลี่ยนไป แต่ไม่ได้จำเป็นในไลฟ์สไตล์ประจำวัน
  • ชอบของใหม่ อยากรู้ อยากลอง เปลี่ยนโลด ไม่ติดเรื่องงบ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สอดคล้องกันอยู่แล้ว ก็จับจองเป็นเจ้าของได้เลย ใน 7 ข้อข้างต้น อะไรที่โดดเด่นมากที่สุด คงมีแค่กล้องเรื่องเดียวเท่านั้น รองลงมาเป็นชิปเซ็ต แต่จำเป็นมากหรือไม่?

เพิ่มความแกร่งให้สมาร์ทโฟนตัวท็อป

แต่ถ้าใครได้จับจองเป็นเจ้าของ Samsung Galaxy S23 Ultra ไปแล้ว ก็ขอแนะนำให้เสริมความแกร่งของหน้าจอสวยๆ สมาร์ทโฟนรุ่นท็อปนี้ด้วยฟิล์มกระจก Focus 3D UV สำหรับ Galaxy S23 Ultra ที่จะช่วยปกป้องหน้าจอสมาร์ทโฟนพรีเมี่ยมของคุณแบบสุดขอบจอโค้ง ให้ปลอดภัยจากรอยขีดข่วน ติดได้เนียนสนิท มีความคมชัดเคลียร์ใส รองรับการใช้งานกับเคสรูปแบบต่างๆ ไม่ให้เกิดขอบฟิล์มเด้งออกมา ทัชลื่น สแกนนิ้วง่าย ให้ใช้ฟีเจอร์ของ Samsung Galaxy S23 Ultra ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมรับประกันนานถึง 180 วัน

แม้ว่าหน้าจอของ Samsung Galaxy S23 Ultra จะมีความแข่งแกร่งทนทานด้วยกระจก Gorilla Glass Victus 2 แต่เพื่อความสบายใจ ก็ควรจะเสริมความแกร่งด้วยฟิล์มกระจก 3D UV ของ Focus เข้าไปด้วย ซึ่งแผ่นฟิล์มทำมาจากกระจกกันรอยคุณภาพสูง มีคุณสมบัติช่วยกันรอยได้ถึงระดับ 9H สามารถปกป้องหน้าจอจากรอยขีดข่วนได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นของแข็งอย่างเหรียญในกระเป๋า หรือของมีคมนิดๆ อย่างกุญแจ ก็ปกป้องการเกิดรอยได้อย่างมั่นใจ

ฟิล์มกระจก 3D UV สำหรับ Samsung S23 Ultra รองรับการสแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ไม่ต้องทำการสแกนนิ้วบ่อยๆ หรือกดหน้าจอแรงๆ เพื่อให้ทำการปลดล็อคได้

นอกจากนี้ ยังคงความคมชัดของหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ได้อย่างสวยงาม สีสันสดใสไม่ผิดเพี้ยน ทัชลื่น ตอบสนองต่อการใช้งานอย่างดีเยี่ยม รวมไปถึงการใช้งานกับปากกา S Pen ก็ยังคงเขียนสมูท ไม่สะดุด หรือมีความหน่วงช้า เมื่อเวลาจรดปลายปากกาลงบนหน้าจอ

Focus ฟิล์มกระจก 3D UV สำหรับ Galaxy S23 Ultra วางจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 1,190 บาท พร้อมแถมฟรีฟิล์มด้านหลัง มาพร้อมการรับประกันนานถึง 180 วัน

ในส่วนของเลนส์กล้องหลังที่พกความสามารถของการซูมมาอย่างเหลือล้น ก็อย่าลืมปกป้องด้วยกระจกกันรอยเลนส์กล้อง Focus Perfect Clear Ring ที่มีคุณสมบัติการกันกระแทก กันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งมีความเคลียร์ใส ช่วยให้เวลาถ่ายรูป คุณจะได้ภาพที่คมชัด ไม่เสียรายละเอียด ติดเนียนพอดีไปกับเลนส์กล้อง เพิ่มความมั่นใจในการใช้งาน Samsung Galaxy S23 Ultra สมาร์ทโฟนแฟลกชิปของคุณแบบไร้กังวล

ใครที่สนใจสามารถติดตามได้ผ่านทาง Facebook Fanpage โฟกัสจะเปิดพรีออเดอร์ให้สั่งซื้อฟิล์มไว้เตรียมรอรับพร้อมเครื่อง และยังมีโปรโมชั่นพิเศษอีกมากมายมาให้ด้วย อย่าลืมติดตามกันได้

ติดตามข่าวสารมือถือได้ที่
www.facebook.com/siamphonedotcom

ทำนายเบอร์มือถือ เบอร์สวย เบอร์มงคล
รับซื้อมือถือ รับเครื่องถึงบ้าน
บูลอาเมอร์ ฟิล์มกระจกกันรอยมือถือ

มือถือออกใหม่