โทรศัพท์มือถือกับความแตกต่างระหว่าง Genertions ของคนไทย?

พฤติกรรมและความสามารถของมนุษย์มักจะส่งผ่านกันทางพันธุกรรม แต่ก็มีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น สังคม , สภาพแวดล้อม , เหตุการณ์ที่พบเจอ และอีกหนึ่งปัจจัยก็คือ เทคโนโลยี ซึ่งในปัจจุบัน เทคโนโลยีต่างๆ ล้วนส่งผลกับมนุษย์อย่างเห็นได้ชัด วันนี้เราจะมาพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างโทรศัพท์มือถือและมนุษย์กัน

เมื่อ ปี ค.ศ. 1876 (พ.ศ. 2419) อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ ค้นพบวิธีแปลงเสียงพูดให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า และได้ประดิษฐ์โทรศัพท์แป้นหมุนขึ้นมา โดยจะเป็นการแปลงเสียงต้นทางให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า และเมื่อถึงปลายทางก็แปลงสัญญาณไฟฟ้ากลับเป็นสัญญาณเสียง คล้ายกับโทรศัพท์บ้านในยุคปัจจุบัน

หลังจากนั้นก็ได้มีการพัฒนาเรื่อยมาจนกระทั่ง ในปี ค.ศ. 1963 (พ.ศ. 2506) เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คือ เปลี่ยนจากแป้นหมุนเป็นปุ่มกด และ 10 ปี หลังจากนั้น (พ.ศ. 2516) ได้มีโทรศัพท์แบบพกพาได้ถือกำเนิดขึ้นเป็นเครื่องแรกของโลก ที่เป็นต้นแบบของ Motorola DynaTac

ถัดมาในปี ค.ศ. 1992 (พ.ศ. 2535) แฟรงก์ เจ. คาโนวา ได้ผลิตสมาร์ทโฟนต้นแบบชื่อ Angler ออกมา เป็นช่วงเดียวกับบริษัท IBM (ผู้ผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์) ออกมาเปิดตัวโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน

**ไทม์ไลน์วิวัฒนาการโทรศัพท์**

ในประเทศไทย มีการนำเข้าโทรศัพท์มือถือเข้ามาครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2421 ในรัชการที่ 5  โดยใช้ในส่วนงานราชการเท่านั้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2501 ได้มีการจัดตั้งโทรศัพท์สาธารณะให้ประชาชนคนทั่วไปสามารถเข้าถึงบริการโทรศัพท์ได้ และในปี พ.ศ.2529 ได้เปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ครั้งแรก 

และถัดมาประชาชนสามารถซื้อโทรศัพท์มือถือใช้เองได้ หลังจากนั้นก็ได้มีการนำเข้าและพัฒนาระบบโทรศัพท์มือถือเรื่อยๆ มาจวบจนปัจจุบัน การใช้โทรศัพท์มือถือในประเทศไทยเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2530 เมื่อผู้ให้บริการเครือข่ายได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงสัญญาณโทรศัพท์ทางไกลได้

จะเห็นได้ว่า โทรศัพท์มีประวัติการถือกำเนิดมานาน แล้วโทรศัพท์มือถือส่งผลกับความแตกต่างระหว่างรุ่นอายุในมนุษย์อย่างไร?

ก่อนอื่นมาดูการจำแนกและความแตกต่างกันระหว่าง Generations โดยจะเปรียบเทียบระหว่าง 3 Genertions หลักๆ ที่พบเจอกับการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี

1.Generations X ( พ.ศ. 2508 - 2522) คนที่เกิดในยุคนี้ให้ความสำคัญกับการทำงานและการใช้ชีวิตมาก ใน Gen X การเข้าถึงการสื่อสารค่อนข้างทำได้ยาก เนื่องจากในสมัยก่อน มีแค่โทรทัศน์ หรือวิทยุเท่านั้น ที่คนทั่วๆ ไปสามารถเข้าถึงได้ง่าย และยังไม่ค่อยมีความหลากหลายมากนัก สิ่งอำนวยความสะดวกของคนในยุคนี้ถือว่ายังน้อย จะทำอะไรก็ต้องพึ่งตัวเองเสมอ จึงมีความอดทนและจดจ่อต่อสิ่งต่างๆ ได้ดี นั่นจึงทำให้คน GEN X มีอัตราการสำเร็จในหน้าที่การงานสูงกว่า Gen อื่นๆ

2.Generations Y (พ.ศ. 2523 - 2540) คน Gen Yต้องการความมั่นคงในงาน รักตัวเองชอบอิสระ Gen Y เรียกได้ว่าเป็นยุคก้ำกึ่ง ในขณะที่ได้มุมมองอื่นๆ จากโลกที่เปิดกว้างด้วยเทคโนโลยีนั้น ก็ยังมีส่วนของยุคก่อนที่ต้องมีการริเริ่มอะไรด้วยตัวเอง ได้ใช้ชีวิตในโลกจริงพอๆ กับการใช้เทคโนโลยี ทำให้มุมมองระหว่างชีวิตและเทคโนโลยีของคนรุ่นนี้มีความสมดุลกันมาก

3.Generations Z (พ.ศ. 2540 ขึ้นไป ) คน Gen Z เกิดและเติบโตมาในยุคที่มีเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกมากมาย มีความรอบรู้เพราะเข้าถึงข้อมูลได้มากมาย ส่งผลให้ผู้ใหญ่ใน Gen อื่นๆ นั้นมักจะมองเด็กรุ่นนี้ว่า “โตเร็ว” ในหลายๆ ด้าน ขณะเดียวกัน ก็มีปัญหาด้านการจดจ่อน้อย มีสมาธิสั้น และเกียจคร้าน เนื่องจากหลายๆ อย่างเริ่มมาจากความสะดวกสบาย

และสิ่งที่โทรศัพท์มือถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความสามารถของมนุษย์นั้น อาจจะมาจากการเข้าถึงสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่อบันเทิง , วิชาการ หรือสื่อทางความรู้  ที่ในแต่ละช่วงอายุ มีความแตกต่างกัน

วิวัฒนาการของเทคโนโลยีมีลำดับและสามารถแยกแยะได้ชัดเจน หากลองเปรียบเทียบดู จะเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงบุคลิกและพฤติกรรมของคนไทย มีลำดับคล้ายๆ กับการวิวัฒนาการ ที่โดยสิ่งที่ใกล้ชิดกับมนุษย์มากที่สุดนั้นคือ โทรศัพท์มือถือ ที่ปัจจุบันมันแทบจะกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักในชีวิตไปแล้ว ทั้งนี้ เทคโนโลยีก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ยิ่งเข้าถึงมันมาก ก็จะยิ่งห่างจากการใช้ชีวิตมากขึ้นเท่านั้น

ปัจจุบันเทคโนโลยีบางอย่างสามารถช่วยในการคิดและตัดสินใจแทนมนุษย์ได้เช่นกัน แต่ควรใช้งานเท่าที่พอดีและมีสมดุลกัน ทั้งจะไม่ส่งผลเสียต่อชีวิตประจำวันและไม่เป็นทาสการใช้งานมันในที่สุด

ข้อมูล : Dst Silpamag TOT

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 
  moto Buds และ moto Buds+ หูฟังไร้สายดีไซน์มินิมอล ราคาสบายกระเป๋า มีระบบตัดเสียงรบกวน ANC
• 
  Razer Kitsune จอยอาร์เคดรุ่นใหม่ สำหรับเกมเมอร์สายไฟท์ติ้ง ดีไซน์บางเฉียบพกพาง่าย

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่