Samsung Galaxy Tab S10 FE Series เผยราคา! คาดการณ์ค่าตัวสูงกว่ารุ่นก่อนหน้า

Samsung เตรียมสานต่อความสำเร็จของแท็บเล็ต Fan Edition (FE) ในตระกูล Galaxy Tab ด้วยการเตรียมเปิดตัว Galaxy Tab S10 FE และ Tab S10 FE+ ในปี 2025 นี้ หลังจากที่ได้เปิดตัว Galaxy Tab S9 FE และ Tab S9 FE+ ไปเมื่อปี 2024

ล่าสุด เว็บไซต์ YTECHB ได้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับราคาของแท็บเล็ตทั้งสองรุ่น โดยเป็นราคาของโมเดลที่รองรับเฉพาะ Wi-Fi ดังนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

• 
  OPPO Pad SE แท็บเล็ตสุดคุ้มค่า พร้อม OPPO AI Tablet ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน
• 
  หูฟังไร้สาย Boat Nirvana X TWS ใช้ได้นานสุด 40 ชั่วโมง พร้อมฟีเจอร์เพียบ ในราคาจับต้องได้

ติดตามข่าว สยามโฟน.คอม ที่

• Samsung Galaxy Tab S10 FE (RAM 8GB + ROM 128GB) Wi-Fi: ประมาณ 499 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 16,700 บาท
• Samsung Galaxy Tab S10 FE (RAM 12GB + ROM 256GB) Wi-Fi: ประมาณ 569 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 19,100 บาท

• Samsung Galaxy Tab S10 FE+ (RAM 8GB + ROM 128GB) Wi-Fi: ประมาณ 649 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 21,800 บาท
• Samsung Galaxy Tab S10 FE+ (RAM 12GB + ROM 256GB) Wi-Fi: ประมาณ 749 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 25,100 บาท

จากข้อมูลดังกล่าว คาดการณ์ได้ว่าแท็บเล็ตในซีรีส์ Samsung Galaxy Tab S10 FE อาจมีราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นจากซีรีส์ Galaxy Tab S9 FE ประมาณ 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 1,700 บาท

ก่อนหน้านี้ YTECHB ยังได้เปิดเผยภาพเรนเดอร์ของ Samsung Galaxy Tab S10 FE และ Tab S10 FE+ พร้อมทั้งให้ข้อมูลสเปคหลัก โดยระบุว่าทั้งสองรุ่นจะมาพร้อมกับขุมพลังจากชิปเซ็ต Samsung Exynos 1580 สถาปัตยกรรม 4 นาโนเมตร ซึ่งมีหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) แบบ 8 คอร์ และมีความเร็วในการทำงานสูงสุดที่ 2.9 GHz ซึ่งถือเป็นการพัฒนาจากรุ่นก่อนหน้าที่ใช้ชิปเซ็ต Exynos 1380 ที่มีความเร็วในการทำงานสูงสุด 2.4 GHz

ในส่วนของขนาดหน้าจอ Samsung Galaxy Tab S10 FE จะยังคงมีขนาด 10.9 นิ้ว เช่นเดียวกับ Tab S9 FE แต่สำหรับ Tab S10 FE+ จะได้รับการอัปเกรดมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 13.1 นิ้ว ซึ่งใหญ่ขึ้นจาก Tab S9 FE+ ที่มีขนาด 12.4 นิ้ว

การที่ Samsung Galaxy Tab S10 FE Series มีแนวโน้มที่จะมีราคาสูงขึ้นเล็กน้อย อาจเป็นผลจากการปรับปรุงประสิทธิภาพและขนาดหน้าจอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่น FE+ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การเลือกใช้ชิปเซ็ต Exynos 1580 ที่มีความเร็วสูงขึ้นก็น่าจะส่งผลดีต่อประสบการณ์การใช้งานโดยรวม อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคอาจต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าและเปรียบเทียบกับราคาที่เพิ่มขึ้น เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อ