Xiaomi Mi 8 Pro ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ให้ความคุ้มค่าแบบจัดเต็ม ทั้งด้านดีไซน์ตัวเครื่องและสเปคที่ให้มา โดยดีไซน์ถูกออกแบบมาเป็นแบบพิเศษสวยงามไม่เหมือนใคร ด้วยฝาหลังเป็นลายไทเทเนียนโปร่งใส เห็นแผงวงจรด้านใน ส่วนสเปคก็จัดเต็มด้วยขุมพลัง Snapdragon 845 AIE หน้าจอ AMOLED กล้องหลังคู่ AI ความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล และรองรับเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจออีกด้วย
Xiaomi Mi 8 Pro มีตัวเครื่องเหมือนกับ Xiaomi Mi 8 ในลักษณะโค้งมน จับถนัดมือมากๆ ขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 154.9 × 74.8 × 7.6 มิลลิเมตร น้ำหนัก 177 กรัม
หน้าจอแสดงผล AMOLED กว้าง 6.21 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9 ความละเอียด 2248 x 1080 พิกเซล ความละเอียดพิกเซล 402 PPI ความสว่างสูงสุด 600nit และอัตราความต่าง 60000:1
เหนือหน้าจอแสดงผลมาพร้อมเทรนด์รอยบาก โดยเป็นพื้นที่สำหรับกล้องหน้าความละเอียด 20 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์สแกนใบหน้าอินฟราเรด และช่องลำโพงเสียง ในช่องลำโพงมีไฟแจ้งเตือนสถานะ
ด้านล่างหน้าจอมีขอบสีดำ ขนาดไม่หนามาก และไม่มีปุ่มการใช้งานใดๆ ส่วนการสแกนลายนิ้วสามารถสแกนได้บนหน้าจอ (ตามรูปด้านล่าง)
ตัวเครื่องด้านบน มีเพียงรูไมโครโฟนช่วยตัดเสียงรบกวนเท่านั้น (ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร)
ส่วนด้านล่างตัวเครื่อง มีเพียงลำโพงเสียงคู่ และระหว่างลำโพงเป็นพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C (ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร)
ตัวเครื่องด้านซ้าย มีช่องใส่ซิมการ์ด โดยถาดสามารถใส่ได้ 2 ซิมแบบ Nano SIM สามารถใช้งาน 4G ได้ทั้งคู่ ไม่สามารถเพิ่ม MicroSD การ์ดได้
ส่วนด้านขวาของเครื่อง จะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่มเพาเวอร์สำหรับเปิด-ปิดเครื่อง และตรงปุ่มเพาเวอร์มีการเล่นสีเป็นสีแดง
ในส่วนฝาหลังของ Xiaomi Mi 8 Pro คือไฮไลท์เด่นในรุ่นนี้เลย ซึ่งจะเป็นฝาหลังออกแบบด้วยไทเทเนียมแบบโปร่งใสจำลองการเห็นแผงวงจรด้านใน นอกจากนี้มีกล้องหลังคู่ในแนวตั้งอยู่มุมบนซ้ายของฝาหลัง โดยมีความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล ไฟแฟลชอยู่ระหว่างกล้อง 2 ตัว
อุปกรณ์ภายในกล่อง
สเปคทั้งหมดของ Xiaomi Mi 8 Pro
พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน
ตั้งแต่เปิดเครื่องมา Xiaomi Mi 8 Pro จะมีความจุภายในเหลือให้ใช้งาน 117.63GB จากพื้นที่เก็บข้อมูลภายในทั้งหมด 128GB แสดงว่าระบบปฏิบัติการ และแอพพลิเคชั่นจากโรงงาน มีการกินพื้นที่ไปกว่า 10.37GB
ระบบปฏิบัติการ
เวอร์ชั่นระบบปฏิบัติการตั้งแต่แกะออกจากกล่องคือ MIUI 9.6 (Global) บนพื้นฐาน Android 8.1 Oreo แต่ล่าสุดสามารถอัปเดตเป็น MIUI 10.2 (Global) บนพื้นฐาน Android 9 Pie ซึ่งถือว่า Xiaomi Mi 8 Pro ได้รับการอัปเดตอย่างต่อ
หน้าจอหลัก
ในส่วนหน้าจอหลัก หรือหน้าโฮม Xiaomi Mi 8 Pro จะมีรูปแบบดีไซน์ตามฉบับ MIUI ที่ให้กลิ่นสไตล์จีนนิดๆ และมีแอพฯ จากโรงงานมาให้เยอะพอสมควร แต่ในส่วนแถบแอพฯ ด่วนถือว่ามีความเรียบสวยงาม
ฟีเจอร์หลักของ Android 9 Pie
ส่วนใหญ่ฟีเจอร์บน Android 9 Pie จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้ราบลื่น และใช้งานง่ายมากขึ้น ส่วนฟีเจอร์ที่เคยมีบน Android 8.1 Oreo เช่น Picture in picture, แบ่งหน้าจอ, จุดการแจ้งเตือน และ App Instant เป็นต้น Xiaomi Mi 8 Pro ก็ยังสามารถใช้งานได้ทั้งหมด
โหมดอ่าน
หากใครที่ต้องใช้งานจ้องหน้าจอนานๆ และใช้งานตอนกลางคืน ก็มีโหมดอ่านมารองรับไว้ให้ด้วย ซึ่งระบบจะทำการกรองแสงสีฟ้าออก ทำให้ลดการเมื่อยล้าของสายตา
แสดงเต็มหน้าจอ
ปกติการควบคุมต่างๆ จะสั่งการผ่านปุ่มนำทาง แต่หากเบื่อปุ่มนำทาง 3 ปุ่มที่อยู่ทางด้านล่าง ก็สามารถเปลี่ยนมาใช้การควบคุมแบบ ท่าทางสัมผัส ได้เช่นกัน โดยเข้าไปตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า > แสดงเต็มหน้าจอ > เลือก ท่าทางสัมผัสแบบเต็มหน้าจอ วิธีการใช้งานจะมีดังต่อไปนี้
- เลื่อนขึ้น = กลับสู่หน้าจอหลัก
- เลื่อนขึ้นค้าง = ไปหน้าแอพฯ ก่อนหน้า
- เลื่อนไปทางซ้าย หรือขวาจากขอบหน้าจอ = ย้อนกลับ
พื้นที่ทับซ้อน
เหมือนเป็นการสร้างอีกบัญชีขึ้นมา เพื่อใช้เก็บข้อมูลสำคัญต่างๆ ไว้ และยังสามารถใช้งานได้อย่างอิสระปลอดภัย ไม่ส่งผลต่อสิ่งอื่นๆ ภายในอุปกรณ์
แอปโคลน
แอปโคลนจะเหมาะกับผู้มีบัญชีบนโลกออนไลน์หลายบัญชี เพราะแอปโคลน จะสามารถเพิ่มแอพพลิเคชั่นที่เรากำหนดขึ้นมาอีก 1 แอพฯ และเปิดให้ล็อกอินเข้าใช้งาน 2 บัญชีพร้อมกันได้ ซึ่งสะดวกที่ไม่ต้องสลับบัญชีไปๆ มาๆ ในแอพฯ เดียว
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง
ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้
ฝาหลังโปร่งใสสวยงาม
นี้คือไฮไลท์เด่นประจำเครื่อง Xiaomi Mi 8 Pro ด้วยดีไซน์แปลกใหม่แต่สวยงาม ด้วยฝาหลังไทเทเนียมแบบโปร่งใส ทำให้มองทะลุเห็นแผงวงจรด้านใน แต่ที่จริงแล้วแผงวงจรที่เราเห็นน่าจะเป็นตัวจำลอง ไม่ใช่แผงวงจรที่ใช้งานจริงๆ
สเปคจัดเต็ม หน้าจอใหญ่คมชัด
Xiaomi Mi 8 Pro มาพร้อมขุมพลังตัวแรงอย่าง Qualcomm Snapdragon 845 AIE ซึ่งมีการทำงานร่วมกับ AI เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานไปอีกขั้น พร้อมกับ RAM สูงถึง 8GB ทำให้การใช้งานต่างๆ มีความลื่นมากๆ
ทั้งนี้ Xiaomi Mi 8 Pro ยังมาพร้อมหน้าจอ AMOLED กว้างถึง 6.21 นิ้ว แน่นอนว่าหน้าจอจะกว้างใหญ่ แสดงสีที่สดกว่าจอ LCD ทั่วไป ยังไม่พอเพราะหน้าจอเป็นดีไซน์แบบรอยแหว่ง ดูทันสมัยอีกด้วย
ทดสอบการเล่นเกม
ในส่วนการเล่นเกม ถือว่าเล่นเกมต้องสเปคแรงๆ ได้หมด และเกมพื้นฐานที่กำลังฮิตติดลมบนในปัจจุบันเช่น PUBG, ROV และ Speed Drifters ก็ยังสามารถปรับกราฟฟิกแบบสุดได้ทั้งนั้น
เกม PUBG สามารถเล่นได้อย่างไร้ปัญหา พร้อมกับปรับกราฟฟิกถึงขั้นสุดถึง HDR HD รวมไปถึงตั้งค่าเฟรมเรตแบบ Ultra ได้ด้วย
บอกเลยว่าเกม ROV เล่นได้อย่างลื่นๆ พร้อมกับรันเฟรมได้ในระดับสูงสุด ซึ่งตอนเล่นทำเฟรมเรตได้สูงสุดที่ 60fps ส่วนจังหวะในการบวกกันนัวๆ อาจจะมีเฟรมเรตตกมาอยู่ที่ 50fps บ้าง แต่ตอนเล่นก็ไม่เห็นความแตกต่างเท่าไหร่
เกมรถแข่งสุดฮิตในขณะนี้ สามารถเล่นได้ด้วยความไหลลื่นสบาย แม้ว่าตัวอินเตอร์เฟสก่อนเข้าเล่นเกม และในช่วงเข้าเกม จะมีรายละเอียดลูกเล่นกราฟฟิกอยู่พอสมควร แต่ Xiaomi Mi 8 Pro ก็รับไหวทั้งหมด
สแกนนิ้วมือบนหน้าจอ
การสแกนลายนิ้วมือของ Xiaomi Mi 8 Pro จะเป็นการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ ซึ่งการสแกนเพื่อปลดล็อกเครื่องมีความรวดเร็วพอสมควร แต่จะต้องทิ้งน้ำหนักกดลงไปบนหน้าจอเล็กน้อยเพื่อปลดล็อก
สแกนใบหน้าอินฟราเรต
อีกระบบรักษาความปลอดภัยของ Xiaomi Mi 8 Pro นั้นคือการสแกนใบหน้า โดยจะเป็นการปลดล็อกใบหน้าด้วยอินฟราเรต ทำให้มีความแม่นยำ และสามารถปลดล็อกในที่แสงน้อยได้ จากที่ทดสอบ ใส่แว่นหรือไม่ใส่แว่นก็สามารถปลดลล็อกได้ทั้งคู่
Dual-frequency GPS
การใช้งาน GPS ของ Xiaomi Mi 8 Pro จะมีความแม่นยำสูง เพราะใช้งานเทคโนโลยี Dual-frequency GPS ทำให้การตรวจจับมีความแม่นจำสูง และรวดเร็ว
กล้องถ่ายรูป
ในส่วนของกล้องถ่ายรูป ถือว่า Xiaomi Mi 8 Pro จะใช้กล้องเดียวกับ Xiaomi Mi 8 ซึ่งได้คะแนนจาก DxOMark ไปถึง 100 คะแนน โดยกล้องหลังเป็นกล้องหลังคู่ ความละเอียด 12+12 ล้านพิกเซล ใช้เลนส์กว้างกับเลนส์ซูม รูรับแสง f/1.8 กับ f/2.4 ขนาดพิกเซล 1.4um มีระบบโฟกัสอัตโนมัติ Dual Pixel ซูมแบบ Optical ได้ 2 เท่า และกันสั่น 4 แกน OIS
ด้านกล้องหน้า ก็เหมาะสำหรับการเซลฟี่อย่างยิ่ง ด้วยความละเอียดสูงถึง 20 ล้านพิกเซล รองรับการปรับแต่งใบหน้าแบบ 3D Beautify พร้อมแสดงตัวอย่างได้แบบเรียลไทม์
เนื่องจากกล้องมีการทำงานร่วมกับ AI ทำให้มีโหมดกล้อง AI มาด้วย เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งาน สามารถถ่ายรูปออกมาได้อย่างสวยงามแบบอัตโนมัติ ซึ่งกล้อง AI จะมีการตรวจจับฉากได้กว่า 206 ฉาก (สังเกตการตรวจจับฉากได้จากไอคอนด้านบน)
สมาร์ทโฟนสมัยนี้ยังไงต้องมีโหมดหน้าชัดหลังเบลอ หรือถ่ายรูปบุคคลมาให้แน่นอน ซึ่ง Xiaomi Mi 8 Pro ก็ไม่พลาดเช่นกัน และยังใส่ฟีเจอร์แสงไฟสตูดิโอ เพิ่มเติมความหลากลหายได้อีก 7 แบบ แต่โหมดนี้ยังมีจุดสังเกตใหญ่ๆ คือ การปรับพื้นหลังเบลอจากกล้องหน้ายังดูแปลกๆ ไม่ค่อยเนียนเท่าที่ควร เนื่องจากใช้กล้องเพียงเลนส์เดียว
ในโหมดปรับแต่งหน้าสวย จะสามารถใช้ได้เฉพาะจากกล้องหน้าเท่านั้น ซึ่งเป็นการปรับแต่งหน้าสวยแบบ 3D Beautify ทำให้ใบหน้ามีความสวยสมบูรณ์เป็นธรรมชาติ โดยสามารถปรับแต่งแบบอัตโนมัติได้ 5 ระดับ และแยกปรับเป็นส่วนๆ ได้ด้วยทั้ง หน้าเรียว, ตาโต, จมูก, คาง, ลิปส์, โหนกแก้ม
การถ่ายรูปตอนกลางคืน Xiaomi Mi 8 Pro จะมีโหมดมาเพื่อรองรับในส่วนนี้ ด้วยโหมดถ่ายรูปกลางคืน ซึ่งสามารถใช้งานโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง ส่วนการใช้งานหลังจากกดชัตเตอร์จะต้องถือสมาร์ทโฟนค้างเอาไว้ซักระยะ
คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง
คุณสมบัติการบันทึกวิดีโอ
สนใจสามารถสั่งซื้อ Xiaomi Mi 8 Pro ได้ที่ https://store.siamphone.com/
ขอขอบคุณ : Goosetech
ข้อมูลผู้ใช้ ร่วมแสดงความเห็นกับ : Xiaomi Mi 8 Pro
https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=458168
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : https://www.siamphone.com/spec/xiaomi/mi_8_pro.htm
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท