รีวิว Samsung Galaxy S10 พระรองในตระกูล Galaxy S10 แต่ยังคงความโดดเด่นแบบลงตัว ไม่แพ้ตัวท็อป

 

รีวิวโทรศัพท์มือถือ Samsung Galaxy S10 - ซัมซุง

แม้ Samsung Galaxy S10 จะเป็นสมาร์ทโฟนพระรองในตระกูล Galaxy S10 แต่ยังคงมีความโดดเด่นเฉพาะตัว พร้อมกับมีราคาที่น่าคบหามากขึ้น โดยเหล่าฟีเจอร์เด่นๆ ในซีรี่ย์ ก็ยังถูกนำมาให้ใช้แบบพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งหมด เช่น ชิปเซ็ตตัวท็อป Exynos 9820, หน้าจอ Dynamic AMOLED Infinity-O, และที่สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแบบ Ultrasonic ซึ่งถือว่ายังตอบโจทย์แบบครบเครื่อง รองรับการใช้งานแบบเต็มๆ ในราคาเริ่มต้นเพียง 31,900 บาท

รูปลักษณ์ภายนอกLook & Design

ตัวเครื่อง Samsung Galaxy S10 ถือว่ามีขนาดเล็กกว่า Samsung Galaxy S10+ อยู่เล็กน้อย แต่ก็เป็นขนาดที่กำลังดี จับถนัดมือทั้งเพศหญิงและชาย ในส่วนด้านหลังยังเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยการเคลือบกระจก Gorilla Glass 5 โดยตัวเครื่องมีขนาด 149.9 × 70.4 × 7.8 มิลลิเมตร และ น้ำหนัก 157 กรัม

หน้าจอแสดงผล ใช้เป็นหน้าจอ Dynamic AMOLED Infinity-O กว้าง 6.1 นิ้ว มีรอยเจาะรูแบบทรงกลม ต่างจาก Samsung Galaxy S10+ ตรงมีกล้องหน้าเพียงเลนส์เดียว ส่วนความละเอียด Quad HD+ (3040x1440) และยังคงเป็นจอโค้งไร้ขอบ ที่สำคัญมีการเพิ่มความแข็งแกร่งด้วยกระจก Gorilla Glass 6

เหนือหน้าจอแสดงผล มีช่องลำโพงสนทนาอยู่ตรงกลาง และช่องจอเจาะรูจะเป็นทรงกลมอยู่ทางบนขวาของหน้าจอ โดยในนั้นมีกล้องหน้า ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล

ล่างหน้าจอแสดงผล ไม่มีปุ่มการใช้งานใดๆ แต่ความหน้าของตัวเครื่องกับหน้าจอ ถือว่าบางมากๆ ทำให้หน้าจอขยายได้กว้างมากขึ้น

ฝั่งซ้ายตัวเครื่อง มีปุ่มการใช้งาน 2 ปุ่ม โดยปุ่มบนมีไว้สำหรับเพิ่มเสียงและลดเสียง ในขณะที่ปุ่มล่างเป็นปุ่มเรียกใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะ Bixby

ฝั่งขวาตัวเครื่อง มีเพียงปุ่มเพาเวอร์ สำหรับการเปิดปิดเครื่อง หรือพักหน้าจอ

ในส่วนด้านบนตัวเครื่อง มีช่องใส่ถาดซิมการ์ด โดยเป็นถาดแบบ Hybrid รองรับซิมแบบ Nano SIM 2 ช่อง หรือจะเสียสละ 1 ซิม เพื่อใส่ MicroSD Card แทน ซึ่งรองรับความจุสูงสุดถึง 512GB ในขณะที่รูเล็กๆ ทางด้านขวา เป็นช่องไมโครโฟนตัดสัญญาณรบกวน

ใต้ตัวเครื่อง มีพอร์ต USB Type-C อยู่ตรงกลาง ส่วนด้านซ้ายเป็นช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร และด้านขวาเป็นรูไมโครโฟน ถัดมาเป็นช่องลำโพงเสียง

ผลิกมาที่ด้านหลังตัวเครื่อง ยังคงให้กล้องมาถึง 3 เลนส์ เรียงกันเป็นแนวนอนเหมือน Samsung Galaxy S10+ โดยกล้องมีความละเอียด 12+12+16 ล้านพิกเซล และถัดมาทางขวาสุดจะเป็นไฟแฟลช

สเปกตัวเครื่อง Samsung Galaxy S10

• ขนาดตัวเครื่อง : 149.9 × 70.4 × 7.8 มิลลิเมตร
• น้ำหนัก : 157 กรัม
• หน้าจอแสดงผลแบบ Dynamic AMOLED Infinity-O กว้าง 6.1 นิ้ว ความละเอียด Quad HD+ (3040x1440) อัตราส่วน 19:9, 522 ppi, รองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 6
• หน่วยประมวลผล : Exynos 9820 Octa Core ความเร็ว 2.7 GHz พร้อมหน่วยประมวลผลพิเศษ NPU
• GPU : Mali-G76 MP12
• RAM : 8 GB
• ROM : 128 GB รองรับการ์ด MicroSD สูงสุด 512GB
• ระบบปฎิบัติการ : One UI รันบนพื้นฐาน Android 9 Pie
• กล้องถ่ายรูปหลัง 3 เลนส์
  - เลนส์ซูม (Telephoto) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 รองรับระบบกันสั่นไหว OIS
  - เลนส์ Wide Angle กว้าง 77 องศา ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงคู่ f1.5/f2.4 รองรับระบบกันสั่นไหว OIS
  - เลนส์ Ultra Wide Angle กว้าง 123 องศา ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6
• กล้องหน้า : ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 ขนาดพิกเซล 1.22um รองรับโฟกัสอัตโนมัติ Dual Pixel
• กันน้ำ-กันฝุ่น มาตรฐาน IP68
• ระบบความปลอดภัย : รหัส, PIN, สแกนใบหน้า, สแกนลายนิ้วมือ Ultrasonic
• รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ NanoSIM ถาดซิมเป็นแบบ Hybrid
• รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax (2.4/5GHz), LTE Cat.20, Bluetooth 5.0, USB Type-C, ช่องเสียบชุดหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
• ระบบเสียงสเตอริโอ Dolby Atmos
• แบตเตอรี่ : 3,400mAh รองรับเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว, ระบบชาร์จไร้สายแบบรวดเร็ว (Fast Wireless Charging 2.0) และ Wireless PowerShare

 

 

เมนู & ฟังก์ชันMenu & Function

ระบบปฏิบัติการ

Samsung Galaxy S10 จะรันบนระบบปฏิบัติการ ONE UI ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนหน้าตาให้สวยงามมากยิ่งขึ้น โดย UI ต่างๆ จะเน้นให้มีรูปแบบขอบโค้งน่าใช้งาน และเมื่อจับรวมกับระบบปฏิบัติการพื้นฐานอย่าง Android 9 Pie ก็ยิ่งทำให้ระบบมีความลื่น ใช้แบตเตอรี่อย่างคุ้มค่ามากทีเดียว

 

หน้าจอหลัก

 

 

RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน

หากใครที่ซื้อ Samsung Galaxy S10 แล้วเข้าไปตรวจดูขนาดของ RAM ดันพบว่ามีขนาดเพียง 6GB ก็ไม่ต้องตกใช้ไป เพราะนี้อาจจะเป็นบัคของระบบซอฟแวร์ ซึ่งทาง Samsung น่าจะมีการอัปเดตในภายหลัง ในขณะที่ ROM มีขนาด 128GB ซึ่งถือว่าเหลือกินเหลือใช้สบายๆ เพราะในตอนทดสอบมีการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นต่างๆ และเมื่อไปรวมกับระบบ ก็ยังใช้กว่า 95.9GB

 

แผง Edge

สำหรับแผง Edge จะเป็นเหมือนแถบแอพฯ ด่วน ทำให้เราสามารถใช้งานแอพฯ ต่างๆ ที่อยู่ในแผง Edge ได้ทันที โดยไม่ต้องกลับไปหน้าโฮม หรือสามารถปรับแต่งเป็นอย่างอื่นเช่น ไลฟ์เมาเสจ, การเลือกอัจฉริยะ, ดูสภาพอากาศ, และ การจดจำ เป็นต้น

 

ทั้งนี้หน้าจอขอบ ยังมีลูกเล่น Edge Lighting โดยเป็นการแสดงแสงบริเวณขอบหน้าจอ เวลามีการแจ้งเตือน ซึ่งจะแสดงผมแทนการแจ้งเตือนแบบป็อปอัพ สามารถเข้าไปตั้งค่าทั้ง 2 อย่างได้ที่ การตั้งค่า > จอภาพ > หน้าจอขอบ

แถบนำทาง

ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนปุ่มนำทางทั้ง 3 ปุ่มด้านล่าง ให้เป็นการใช้ท่าทางแทนได้ โดยเป็นการเลื่อนขึ้นแทนกดลงไปยังปุ่ม ข้อดีคือเพิ่มการแสดงผลของหน้าจอให้กว้างขึ้น สามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า > จอภาพ > แถบการนำทาง

ฟิลเตอร์แสงสีฟ้า และโหมดกลางคืน

ทั้ง 2 อย่างเป็นโหมดเพื่อการถนอมสายตา ซึ่งโหมด ฟิลเตอร์แสงสีฟ้า จะเป็นการลดแสงสีฟ้าออก และหน้าจอจะแสดงผลในโทนสีส้ม เพื่อเพื่อลดความเมื่อยล้าของสายตา ส่วนโหมดกลางคืน จะเป็นการเปลี่ยนธีมเป็นสีดำ ใช้งานตอนกลางคืนได้สะดวกยิ่งขึ้น และยังเป็นการประหยัดพลังงานไปในตัว เข้าไปตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า > จอภาพ > ฟิลเตอร์แสงสีฟ้า หรือ โหมดกลางคืน

 

Always On Display

เมื่อมีการพักหน้าจอ หากผู้ใช้เปิดโหมด Always On Display เอาไว้ รายละเอียดต่างๆ จะโชว์บนหน้าจอพัก ทำให้รู้รายละเอียดที่จำเป็น โดยไม่ต้องปลุกเครื่องเพื่อเข้าไปดูรายละเอียดเหล่านั้น สามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า > ล็อกหน้าจอ > Always On Display

Dual Messenger

ใครที่มี 2 บัญชีเพื่อใช้งานแอพฯ สังคมออนไลน์ อาจจะต้องใช้ฟีเจอร์นี้ เพราะ Dual Messenger จะก็อปปี้แอพพลิเคชั่นเหล่านั้นขึ้นมาอีก 1 แอพฯ ทำให้ผู้ใช้สามารถล็อกอินเข้าใช้งาน 2 บัญชีพร้อมกัน โดยไม่ต้องสลับบัญชีไปๆ มาๆ ในแอพฯ เดียว เข้าไปตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า > คุณสมบัติขึ้นสูง > Dual Messenger

 

การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง

• ผลการทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วย AnTuTu Benchmark v7.1.4 ได้ 316,794 คะแนน
• ผลการทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมด้วย Geekbench 4 ได้คะแนน Single-Core ที่ 4,415 และคะแนน Multi-Core ที่ 10,038
• ผลการทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมด้วย 3DMark (Sling Shot Extreme) OpenGL ได้ 4,341 คะแนน Vulkan ได้ 4,231 คะแนน
• ผลตรวจสอบระบบสัมผัสหน้าจอแบบ Multitouch สูงสุด 10 จุด

 

 

ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้

• Accelerometer Sensor ตรวจวัดความเร่งจากการโน้มเอียง
• Light Sensor ตรวจจับแสงสว่าง
• Orientation Sensor เซ็นเซอร์ปรับมุมมองหน้าจอ (คล้ายตัววัดระดับน้ำ)
• Proximity Sensor ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนาแนบหู
• Gyroscope Sensor เซนเซอร์ตรวจจับลักษณะการหมุนของสมาร์ทโฟน
• Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
• Magnetic Sensors เซ็นเซอร์ตรวจจับแม่เหล็ก
• Pressure Sensor เซ็นเซอร์ตรวจวัดความแตกต่างของความดัน

จุดเด่นน่าสนใจSpecial & Features

หน้าจอแสดงผล Dynamic AMOLED ดีไซน์ Infinity-O

นี้คือเทคโนโลยีหน้าจอแสดงผลให้ล่าสุดจาก Samsung โดยมีชื่อว่า Dynamic AMOLED ซึ่งจะมีความคมชัดมากที่สุดในเวลานี้ เพราะมีอัตรา Contrast Ratio (อัตราส่วนสีดำที่ดำที่สุดไปจนถึงสีขาวที่ขาวที่สุด) สูงถึง 1:2,000,000 พร้อมกับสนับสนุนคอนเทนด์แบบ HDR10+ อีกด้วย และบน Samsung Galaxy S10 ยังมาพร้อมหน้าจอดีไซน์ใหม่คือ Infinity-O หน้าจอเจาะรูสวยงามไปอีกแบบ

สแกนลายนิ้วมือ Ultrasonic

นี้คือเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอรุ่นใหม่ โดยใช้คลื่นเสียง Ultrasonic ในการสแกน ทำให้มีความแม่นยำสูง และไม่ต้องกดทิ้งน้ำหนักลงไปมากในช่วงการสแกน ทั้งนี้ยังสามารถสแกนลายนิ้วมือในสภาพต่างๆ ได้ดีอีกด้วย ไม่ว่าจะนิ้วชื้นหรือแห้ง

สแกนใบหน้า

การสแกนใบหน้า ก็ถือว่าทำออกมาได้ดี แม้ว่าจะไม่มีเซนเซนเซอร์สแกนใบหน้า 3 มิติ แต่ก็ยังสามารถสแกนใบหน้าได้แม่นยำและรวดเร็ว พร้อมสแกนตอนกลางคืนได้ดี เนื่องจากมีวิธีใช้หน้าจอแสดงผลฉายแสงออกมาให้เห็นใบหน้าในตอนกลางคืน

ทดสอบการเล่นเกม

ด้วยขุมพลัง Exynos 9820 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตตัวท็อปของทาง Samsung ทำให้ Samsung Galaxy S10 สามารถใช้งานต่างๆ ได้อย่างราบรื่น รวมไปถึงการเล่นเกมแบบจัดเต็ม โดยเกมที่นำมารทดสอบเช่น PUBG และ ROV ก็สามารถปรับกราฟฟิกแบบสุดได้อย่างสบาย ทั้งนี้ยังมีระบบ Game Launcher เพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมขึ้นไปอีกระดับ

• ROV

ในเกม ROV ถือว่าลืนมาก เล่นได้อย่างสบาย โดยสามารถปรับเฟรมเรทในระดับสูงสุด แถม FPS ก็ไม่ตกจนน่าเกลียดในจังหวะบวกกัน 5-5 ซึ่งปกติ FPS จะอยู่เฉลี่ยประมาณ 56-60fps

• PUBG

เกม PUBG ก็สามารถปรับกราฟฟิกในระดับสูงสุด แถมเล่นได้อย่างสบายไร้ปัญหา อาการกระตุกก็ไม่มีให้เห็น ถือว่าน่าประทับใจเอามากๆ 

Wireless PowerShare

เทคโนโลยี Wireless PowerShare จะเป็นการแบ่งแบตเตอรี่แบบไร้สาย หรือเปลี่ยนเครื่อง Samsung Galaxy S10 ให้เป็นแท่นชาร์จไร้สายนั้นเอง ซึ่งสามารถแบ่งแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์อื่นที่รองรับการชาร์จแบบไร้สายได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน หรือ Smart Watch เป็นต้น เข้าไปเปิดการใช้งานได้ที่ ถาดแอพฯ ด่วน (เลื่อนหน้าจอด้านบนลงล่าง) > Wireless PowerShare

 มาตรฐาน Wi-Fi 6 (802.11ax) และ Intelligent LTE

Wi-Fi 6 (802.11ax) คือมาตรฐานสัญญาณแบบใหม่ ทำให้เครื่อง Samsung Galaxy S10 สามารถ Download ได้สูงถึง 1.2Gbps และ Upload ได้สูงถึง 1.2Gbps เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีระบบ Intelligent Wi-Fi สามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้แบบไม่มีสะดุด เพราะระบบจะทำการสลับสัญญาณแบบอัจฉริยะ หาก Wi-Fi สัญญาณไม่ดีก็จะสลับไปใช้อินเตอร์เน็ตมือถือ หากอินเตอร์เน็ตมือถือสัญญาณไม่ดี ก็จะสลับไปใช้ Wi-Fi ให้ทันที

กล้องถ่ายรูป

กล้องหลัง

ในส่วนกล้องหลังของ Samsung Galaxy S10 จะมีเหมือนกับ Samsung Galaxy S10+ แปะๆ โดยกล้องหลังจะถูกจัดเรียงเป็นแนวนอน และมี 3 เลนส์ แต่ละเลนส์ถูกแบ่งออกไปดังต่อไปนี้

• เลนส์ซูม x2 (Telephoto) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 รองรับระบบกันสั่นไหว OIS
• เลนส์ Wide Angle กว้าง 77 องศา ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสงคู่ f1.5/f2.4 รองรับระบบกันสั่นไหว OIS
• เลนส์ Ultra Wide Angle กว้าง 123 องศา ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6

ฟีเจอร์ต่างๆ ในส่วนกล้องหลัง

• เลนส์ Ultra Wide Angle

ในกล้องหลังจะมีเลนส์ Ultra Wide Angle ทำให้มุมกล้องมีความกว้างขึ้นถึง 123 องศา เพื่อเพิ่มความกว้างในการถ่ายรูปแต่ละช็อต เก็บรายละเอียดได้มากกว่าเดิม โดยไม่ต้องเดินถอยหลังให้เมื่อยเปล่าๆ

 

มุมแคบ

 

มุมกว้าง Ultra Wide Angle

• Scene Optimizer

การถ่ายรูปต่างๆ จะง่ายขึ้นในทันตา ด้วยระบบ Scene Optimizer ซึ่งจะเป็นการปรับแต่งซีนให้แบบอัตโนมัติในเวลาถ่ายรูป โดยสามารถจดจำได้มากกว่า 30 หมวด ซึ่งในช่วงที่ทดลองใช้ถือว่าปรับแต่งซีนต่างๆ ได้ดี และแบ่งประเภทของซีนได้อย่างแม่นยำ

 

ทั้งนี่ใน 30 หมวดยังมีหมวด Bright Night ซึ่งจะช่วยให้ถ่ายรูปได้อย่างสวยงามในตอนกลางคืน โดยระบบจะรวมภาพทั้งหมด 7 รูป นำไปรวมเป็น 1 รูป เพื่อการแสดงรูปที่สวยงามที่สุด

 

 

• Shot Suggestion

ฟีเจอร์ Shot Suggestion จะมาช่วยแนะนำให้ปรับมุมกล้องในตำแหน่งที่สวยที่สุด ซึ่งใครที่ไม่ใช้มือกล้องมืออาชีพ และถ่ายรูปออกมาทีไรก็ดูแปลกๆ องค์ประกอบออกมาไม่ค่อยสวยทุกที บอกเลยว่า Shot Suggestion มาช่วยในตรงจุดนี้ได้อย่างดี

กล้องหน้า

กล้องหน้าของ Samsung Galaxy S10 จะอยู่ในบริเวณหน้าจอ Infinity-O เมื่อลองสัมผัสดูแล้วเลนส์จะเรียบเนียนไปกับหน้าจอ ไม่มีการนูนขึ้นมา และเป็นเลนส์เดียวมีความละเอียด 10 ล้านพิกเซล

• Live Focus (ใช้ได้ทั้งกล้องหน้า-หลัง)

ระบบ Live Focus จะช่วยให้ถ่ายรูปหน้าชัดหลังเบลอได้สวยงาม ยังไม่พอแค่นั้น เพราะสามารถปรับเอฟเฟกต์ฉากเบลอพื้นหลังเป็นรูปแบบต่างๆ ได้ด้วยทั้ง เบลอ, ปั่น, ซูม และจุดสี ซึ่งสามารถปรับไปถึง 7 ระดับ แต่หากยังไม่พอใจกับรูปเบลอที่ออกมา ก็ไปปรับแต่งในคลังรูปภายหลังก็ได้เช่นกัน

 

 

• AR Emoji

AR Emoji จะสามารถสร้างตัวละครสมมุติให้กับผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นตัวละครเสมือนจริง หรือตัวการ์ตูน พร้อมกับการขยับท่าทางได้อย่างแม่นยำ และยังสามารถนำไปสร้างเป็นสติ๊กเกอร์ เพื่อส่งไปยังแอพพลิเคชั่นแชทได้อีกด้วย

 

 

การถ่ายวิดีโอ

สำหรับ Samsung Galaxy S10 จะสามารถถ่ายวิดีโอด้วยความละเอียดสูงถึง 4K UHD เลยทีเดียว และสามารถทำเฟรมเรตได้สูงถึง 60fps อีกด้วย ทั้งนี้ยังมีระบบ Dual OIS เพื่อป้องกันการสั่นไหวในขณะถ่ายวิดีโอ ซึ่งถือว่ามีความนิ่งพอสมควร

• ระบบกันสั่นไหวแบบ Super Steady

ในส่วนนี้จะมาช่วยความนิ่งในการถ่ายวิดีโอ แม้ว่าจะมี Dual OIS อยู่แล้วก็ตาม ทั้งนี้ระบบ Super Steady ยังทำให้กล้องเป็นมุมกว้างขึ้น พร้อมกับให้ความรู้สึกเหมือนเป็นกล้อง Action Camera ไปในตัวเมื่อเปิดใช้งานโหมดนี้

• ถ่าย 4K UHD มาตรฐาน HDR10+

Samsung Galaxy S10 ก็สามารถถ่ายวิดีโอแบบมาตรฐาน HDR10+ เช่นกัน ด้วยความละเอียดสูงสุด 4K UHD แต่ต้องปรับเป็นเฟรมเรต 30fps เท่านั้นถึงจะใช้ได้ และอย่างลืมว่าหน้าจอของ Samsung Galaxy S10 สามารถแสดงผลแบบ HDR10+ ได้ เมื่อถ่ายวิดีโอแบบ HDR10+ เสร็จ ก็สามารถนำมาดูผ่านหน้าจอได้ทันที

• Super Slow-mo

การถ่าย Super Slow-mo บนเครื่อง Samsung Galaxy S10 พร้อมถ่ายได้แบบ 960fps ด้วยความละเอียดสูงสุด HD 720p และรองรับโหมดเมื่อพบการเคลื่อนไหว โดยระบบจะทำการสโลวให้ทันทีเมื่อพบวัตถุเคลื่อนที่

คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง

• ความละเอียดของภาพถ่ายจากกล้องหลัง : 4032 x 3024 (3:4), 4032 x 2268 (9:16), 3024 x 3024 (1:1), 4032 x 1908 (Full) พิกเซล
• ความละเอียดของภาพถ่ายจากกล้องหน้า : 2944 x 2208 (3:4), 3216 x 1808 (9:16), 2208 x 2208 (1:1), 3216 x 1528 (Full) พิกเซล
• แฟลช : อัตโนมัติ, ปิด, เปิด
• ตัวตั้งเวลา : ปิด, 2, 5, 10 วินาที
• อัตราส่วน : 3:4, 9:16, 1:1, Full
• เอฟเฟ็กต์ : ตั้งเดิม, อบอุ่น, เย็น, Lolli, ซีด, Blossom, Ivory, จาง, นุ่ม, Kiss Me, Greyscale, Classic, ขาวดำ
• ตัวปรับสีภาพ : เปิด, ปิด
• คำแนะนำการถ่ายช๊อต : เปิด, ปิด
• การตรวจจับข้อบกพร่อง : เปิด, ปิด
• รูปภาพเคลื่อนไหว : เปิด, ปิด
• กดค้างที่ปุ่มชัตเตอร์เพื่อ : ถ่ายภาพ, ถ่ายช็อตต่อเนื่อง, สร้าง GIF
• การบันทึก : รูปภาพ HEIF, สำเนา RAW, รูปภาพตามที่แสดงในตัวอย่าง, การแก้ไขรูปทรงกว้างพิเศษ, การแก้ไขรูปทรงในภาพถ่ายเซลฟี่
• HDR (ริชโทน) : อัตโนมัติ, เปิด, ปิด
• การติดตามโฟกัสอัตโนมัติ : เปิด, ปิด
• จุดตัดเก้าช่อง : ปิด, 3x3, จตุรัส
• แท็กสถานที่ : เปิด, ปิด
• เริ่มด่วน : เปิด, ปิด
• ดูภาพถ่ายอย่างรวดเร็ว : เปิด, ปิด
• โหมดถ่ายภาพ : รูปถ่าย, พาโนรามา, โปร, ไลฟ์โฟกัส, อาหาร

คุณสมบัติการบันทึกวิดีโอ

• ความละเอียดของภาพวีดีโอจากกล้องหลัง : 3840x2160 (UHD 60fps), 3840 x 2160 (UHD), 2288x1080 (19:9), 1920x1080 (FHD 60fps), 1920x1080 (FHD), 1440x1440 (1:1), 1280x720 (HD) พิกเซล
• ความละเอียดของภาพวีดีโอจากกล้องหน้า : 3840 x 2160 (UHD), 2288x1080 (19:9), 1920x1080 (FHD), 1920x1080 (FHD), 1440x1440 (1:1), 1280x720 (HD) พิกเซล
• แฟลช : อัตโนมัติ, ปิด, เปิด
• Super Steady (เฉพาะความละเอียด FHD 1920x1080) : เปิด, ปิด
• วิดีโอประสิทธิภาพสูง : เปิด, ปิด
• วิดีโอ HDR10+ (ยกเว้น UHD 60fps) : เปิด, ปิด
• ความเสถียรของวิดีโอ : เปิด, ปิด
• HDR (ริชโทน) : อัตโนมัติ, เปิด, ปิด
• จุดตัดเก้าช่อง : ปิด, 3x3, จตุรัส
• โหมดการถ่ายวิดีโอ : วิดีโอ, Super Slow-mo, Slow motion, Hyperlaspe

ตัวอย่างภาพจากกล้องSample & Photo

  

  

  

  

ขอขอบคุณ : บริษัท ไทยซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ จำกัด โทร. 0 2689 3232

ข้อมูลผู้ใช้ร่วมแสดงความเห็นกับ : Samsung Galaxy S10
https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=459393

แคตตาล็อกตัวเครื่อง : https://www.siamphone.com/spec/samsung/galaxy_s10.htm