Huawei P30 Pro สมาร์ทโฟนที่กลับมาทวงความยิ่งใหญ่ในเรื่องของกล้องที่ทุกคนต้องยอมด้วย 4 เลนส์อัจฉริยะจาก Leica ความละเอียดสูงสุด 40 ล้านพิกเซล พร้อมด้วยฟีเจอร์กล้องใหม่ๆ มากมาย ตั้งแต่การซูมได้สูงสุด 50 เท่า (Super Zoom), เลนส์ ToF เห็นความชัดลึดชัดตื้น, ระบบการถ่ายย้อนแสงได้สุดยอดด้วย AI HDR+ และ Night Mode ที่ดีขึ้นกว่าเดิม แต่แค่เรื่องกล้องดีอย่างเดียวก็คงไม่พอ เพราะรุ่นนี้ยังมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาให้ได้ใช้งานอีกเพียบ ซึ่งจะเป็นอะไรลองมาชมกัน
มาดูกันที่ดีไซน์โดยรวมที่เป็นหัวใจหลักของ Huawei P Series กันก่อน โดย Huawei P30 Pro ให้ความรู้สึกถึงความบางของตัวเครื่องอย่างชัดเจนเวลาสัมผัส จับได้กระชับเวลาถือเพียงมือเดียว ซึ่งขนาดรอบตัวเครื่องจะอยู่ที่ 180 x 73.4 x 8.41 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 192 กรัม
ความพิเศษของหน้าจอแสดงผลของ Huawei P30 Pro จะอยู่ที่รอยบากทรงหยดน้ำทางด้านบน โดยบริเวณด้านบนนี้จะฝัง Acoustic Display Technology หรือการกระจายเสียงผ่านหน้าจอฝั่งซ้าย-ขวาได้ทันทีเมื่อสนทนาโทรศัพท์ (เสียงจะไม่ออกหากเปิดใช้งานทั่วไป) ทั้งนี้ Huawei P30 Pro ใช้หน้าจอโค้ง ชนิด OLED ขนาด 6.47 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตราส่วน 19.5:9 และยังรองรับเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแบบ Optical อีกด้วย
เหนือหน้าจอได้เปลี่ยนใหม่มาเป็นทรงหยดน้ำขนาดเล็กโดยมีกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล โดยมีเซ็นเซอร์ต่างๆ ฝังอยู่บริเวณหน้าจอส่วนบนด้านขวา
ด้านล่างหน้าจอมีปุ่มนำทางแบบต่างๆ ให้เลือกทั้งแบบปกติและการใช้ท่าทางในการควบคุม
ที่ด้านขวามีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ถัดลงมาเป็นปุ่มล็อคหรือปิดเครื่องที่มีเส้นสีแดงตัดให้ดูแตกต่างกัน
ทางด้านล่างของตัวเครื่องมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM จำนวน 2 ช่อง (ช่องที่ 2 ให้เลือกระหว่างซิมที่ 2 หรือ NM Card) ถัดมาเป็นช่องสำหรับชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB Type-C ลำโพงและไมโครโฟนตัวที่ 1
ส่วนด้านบนมีไมโครโฟนตัวที่ 2 และอินฟราเรด
และสุดท้ายที่ด้านหลังของตัวเครื่องมีกล้องหลัง Leica จำนวน 3 เลนส์ความละเอียด 40+20+8 ล้านพิกเซล พร้อมมีเลนส์ TOF ที่อยู่ถัดออกมาทางด้านขวา และด้านบนจะมีไฟแฟลช Dual LED อยู่
สรุปสเปค Huawei P30 Pro
ระบบปฏิบัติการ
Huawei P30 Pro แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie ตัวล่าสุด โดยมีการครอบทับด้วย UI ของตัวเองอย่าง EMUI 9.1 เข้าไปด้วย โดยหน้าตาก็ยังคงคล้ายๆ กับแบบเดิมที่เราเคยเห็นกับ Huawei รุ่นก่อนๆ
หน้าตา UI : EMUI 9.1
หน่วยความจำคงเหลือของ RAM และ ROM
หลังจากแกะกล่อง พร้อมอัปเดทแอพพลิเคชั่นและระบบปฏิบัติการแล้ว จะมีเหลือพื้นที่การใช้งานจริงประมาณ
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง
ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้
ดีไซน์และหน้าจอแสดงผลแบบใหม่
หากสังเกตดูดีๆ ถ้าไม่นับตระกูล Huawei Mate 20 Series ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา Huawei P30 Pro มีการเปลี่ยนแปลงไปมากพอสมควร ตั้งแต่การปรับมาใช้หน้าจอทรงหยดน้ำที่มีขนาดเล็กแบบมีความโค้ง ช่วยให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 6.47 นิ้ว แถมที่ด้านบนตัวเครื่องได้ตัดช่องลำโพงออกไป แต่ทดแทนด้วยการฝัง Acoustic Display Technology ซึ่งเป็นการเปล่งเสียงออกผ่านมาทางหน้าจอส่วนครึ่งบน (ใช้ได้เฉพาะการโทรเข้า-ออกเท่านั้น) โดยเสียงที่ได้แถบไม่ต่างจากลำโพงปกติเลยทีเดียว
ทดสอบการเล่นเกม
เรื่องการเล่นเกมก็เป็นส่วนสำคัญเช่นกันสำหรับสมาร์ทโฟนระดับท็อป โดยเราได้ทดสอบ 3 เกม ได้แก่ ROV, PUBG Mobile และ Speed Drifter ซึ่งทั้งหมดสามารถเล่นได้ในภาพระดับสูงสุด และเฟรมเรทที่วิ่งแบบเต็มที่ โดยไม่มีอาการประตุกหรือหน่วยให้เห้นเลยแม้แต่นิดเดียว
ROV
PUBG Mobile
Speed Drifter
หน่วยประมวลผลสุดฉลาด
แน่นอนว่าด้วยตระกูลที่เป็นระดับท็อป Huawei P30 Pro ก็ต้องมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลระดับท็อปเช่นกัน ด้วย Kirin 980 ชิปเซ็ตขนาด 7 นาโนเมตร ที่ในครั้งนี้เหมือนว่าจะมีการพัฒนาด้าน AI ให้ใช้งานส่วนต่างๆ ได้ลื่นขึ้นและประหยัด RAM มากกว่าเก่า โดยหากใครที่เคยลองจับ Huawei Mate 20 Series ที่ใช้หน่วยประมวลผลตัวเดียวกันก็น่าจะเห็นความแตกต่างกันบ้าง
แบตฯ อึด พร้อมชาร์จเร็วด้วย Huawei Super Charge 40W
จัดสเปคมาให้ขนาดนี้ เทคโนโลยีด้านแบตเตอรี่ก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน โดย Huawei P30 Pro ให้ความจุแบตเตอรี่มาถึง 4,200 mAh ควบคู่กับการชาร์จเร็วขั้นสูงด้วย Huawei Super Charge 40W, รองรับการชาร์จไร้สาย (Wireless Charge) และยังมีเทคโนโลยี Wireless Reverse Charge เป็นการแชร์แบตเตอรี่ให้กับรุ่นอื่นที่รองรับการชาร์จไร้สายได้อีกด้วย (เข้าไปเปิดได้ที่ การตั้งค่า > แบตเตอรี่ > การชาร์จแบบน้อยกลับแบบไร้สาย)
ระบบความปลอดภัยขั้นสูง
Huawei P30 Pro ก็จัดเต็มในเรื่องระบบความปลอดภัยที่ให้มาครบและสะดวกอีกด้วย ตั้งแต่เทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอแบบ Optical ที่มีความรวดเร็วและแม่นยำมาก (จดจำได้ 5 ลายนิ้วมือ) พร้อมด้วยเทคโนโลยีสแกนใบหน้า ที่จะสแกนเมื่อเราลืมตาขึ้นมาเท่านั้น หากหลับตาอยู่จะได้สามารถสแกนได้ (แต่ลืมตาข้างเดียวก็ยังสแกนได้อยู่)
มาตรฐานกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68
เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานมากขึ้นเมื่อตกน้ำด้วยมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นระดับ IP68 ที่ช่วยป้องกันเครื่องเสียหายในการตกน้ำสะอาดได้นานสูงสุด 30 นาทีในความลึก 1.5 เมตร (ไม่แนะนำให้ใช้งานใต้น้ำ)
การระบายความร้อน
ด้านเทคโนโลยียังไม่หมดเพียงแค่นี้ เพราะ Huawei P30 Pro ได้มีการเพิ่มระบบระบายความร้อนให้เหมือนกับรุ่น Huawei Mate 20X กันเลยทีเดียว ด้วยท่อนำความร้อน Vapour Chamber และแผง Graphene Film ทำให้เมื่อใช้งานไปนานๆ หรือเล่นเกมต่อเนื่อง ตัวเครื่องจะไม่ร้อนจนเกินไปนั่นเอง
กล้อง
สุดท้ายเรามาดูกันที่พระเอกของงานอย่างกล้องหลัง 4 เลนส์ Leica Quad กันบ้าง โดยใน Huawei P30 Pro จะแบ่งได้ดังนี้
โดยความพิเศษไม่ได้อยู่ที่ชิ้นเลนส์เท่านั้น แต่ Huawei มีการเปลี่ยนเซ็นเซอร์และกฏของการถ่ายภาพแบบใหม่ให้เข้ากับยุคใหม่ๆ ตามคอนเซ็ปต์ Rewrite The Rules ด้วยเซ็นเซอร์แบบ RYB (Red + Yellow + Blue) ที่เปลี่ยนมาจาก RGB (Red + Green + Blue) ที่เราเคยได้ยินมาหลาย 10 ปี ซึ่งเซ็นเซอร์ RYB ตัวใหม่จะช่วยให้กล้องรับแสงได้มากขึ้นถึง 40% แถมเซ็นเซอร์ 'Y' ใน 'RYB' จะมีการรับรู้ได้ว่าสีไหนเป็นสีเขียว จึงจะทำการแปลงสีเหลืองเป็นเขียวได้ทันที
เซ็นเซอร์ RYB
Master AI จำแนกหมวดหมู่ของวัตถุ
ฟีเจอร์กล้องหลัง
Super Zoom
ใน Huawei P30 Pro สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนคือเรื่องระบบซูมที่ทำได้ดีขึ้นอย่างมาก เพราะเลนส์ Telephoto สามารถซูมแบบ Optical ได้ 5 เท่า, ซูมแบบ Hybrid ได้ 10 เท่า และซูม Digital ได้ถึง 50 เท่า เรียกว่าซูมแบบข้ามตึกกันเลยทีเดียว ซึ่งการซูม 5 และ 10 เท่าสามารถทำได้ดี ไม่เสียรายละเอียด แต่การซูม 50 เท่าต้องดูระยะทางว่าต้องไม่ไกลจนเกินไป เพราะจะได้ภาพที่เสียรายละเอียดไปพอสมควร อย่างไรก็ตาม ซูมได้ขนาดนี้ก็ถือว่า Huawei ทำการบ้านมาได้อย่างดี
Ultra-wide
อีกสิ่งที่ใครหลายคนน่าจะชอบกันมากก็น่าจะเป็นเลนส์ Ultra-wide ที่ทำออกมาได้ดี ถ่ายได้กว้างและเก็บรายละเอียดรอบตัวได้ครบแม้ว่าวัตถุจะอยู่ไม่ห่างจากเราเท่าไหร่ ส่วนใครจะเอาไปถ่ายบรรยากาศหรือสถานที่ท่องเที่ยวก็ถ่ายได้เพลินๆ ไม่ผิดหวังแน่นอน
ภาพเปรียบเทียบเลนส์ปกติ และเลนส์ Ultra-Wide
Huawei TOF
ความแปลกใหม่ของ Huawei P30 Pro คือเลนส์ที่ 4 อย่าง TOF หรือเลนส์ที่ใช้วัดความตื้นลึกของวัตถุ ที่จะช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลหรือการถ่ายแนวโบเก้ออกได้ค่อนข้างเนียนตามากขึ้น เพราะปกติหากไม่มีเลนส์นี้ ส่วนที่ไม่ได้โฟกัสจะเบลอเท่ากันหมด แต่เมื่อมี TOF เข้ามาช่วย ทำให้มีการไล่เลเยอร์การเบลอได้ดีขึ้นนั่นเอง
Super Macro
ฟีเจอร์นี้เราได้เห็นกันครั้งแรกใน Huawei Mate 20 Series สำหรับการถ่ายเจาะวัตถุแบบ Super Macro ได้ใกล้ถึง 2.5 ซม. ซึ่ง Huawei P30 Pro ก็สามารถทำได้เหมือนกัน แต่เหมือนว่าจะให้ภาพที่สดและดูคมชัดกว่าเดิม
AI HDR+
การถ่ายย้อนแสงถือเป็นสิ่งที่สมาร์ทโฟนหลายๆ รุ่นไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะหากโฟกัสจุดหนึ่งอีกจุดหนึ่งจะกลืนหายไปเลย แต่ใน Huawei P30 Pro พร้อมฟีเจอร์ AI HDR+ ช่วยให้วัตถุหรือบุคคลและฉากหลังยังคงเห็นได้แบบชัดเจน คมชัด ไม่ต้องกลัวเรื่องหน้าดำหรือฉาดขาวเลย
Night Mode
และสุดท้ายกับสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ใน Huawei P30 Pro ก็คือการถ่ายภาพกลางคืน (Night Mode) ที่ทำได้ยอดเยี่ยมมาก ซึ่งจริงๆ ตอนถ่ายภาพกลางคืน เราแทบไม่ต้องเปิด Night Mode ด้วยซ้ำ เพราะถ่ายด้วยโหมดปกติก็สว่างเพียงพอแล้ว ส่วนใครที่ใช้ Night Mode ก็จะต้องถือกล้องค้างไว้ประมาณ 4-5 วินาทีเพื่อรอการประมวลผล (สามารถดัน ISO ได้สูงสุดถึง 409600)
ผ่านพ้นกล้องหลังไปแล้วก็มาที่กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซลกันบ้าง ซึ่งฟีเจอร์หลักๆ คือ การถ่ายภาพในสภาวะย้อนแสงได้ดีมากขึ้น โดยโหมดการปรับแต่งใบหน้าสวยทั้งหน้าเรียว ผิวเนียน โทนสียังคงมีมาให้เช่นเดิม และแต่ละอย่างปรับได้ถึง 10 ระดับ
นอกจากการถ่ายภาพไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่ Huawei พัฒนาอย่างเห็นได้ชัดคือการถ่ายวิดีโอด้วยฟีเจอร์ต่างๆ ดังนี้
คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง
คุณสมบัติการถ่ายภาพวีดีโอ
ขอขอบคุณ : Huawei Technologies (Thailand) Co., Ltd. โทร 0-2654-3622
ข้อมูลผู้ใช้ร่วมแสดงความเห็นกับ Huawei P30 Pro
https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=459696
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : https://www.siamphone.com/spec/huawei/p30_pro.htm
พรีวิว Samsung Galaxy Z Flip 6 ครั้งแรกมือถือจอพับกันน้ำได้ Samsung เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ Samsung Galaxy Z Flip 6 รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมเฉดสีสไตล์มินิมอล สดใส เก๋ไก่ น่ารักเอามากๆ มี 4 เฉดสีใ...