OPPO Reno ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นด้านดีไซน์ตั้งแต่แรกเห็นด้วยหน้าจอที่ไร้รอยบากด้วย Panoramic Screen มีกล้อง Pop-Up ในมิติใหม่นามว่า Pivot Rising Camera ทำให้มีขนาดหน้าจอกว้างขึ้นอยู่ที่ 6.4 นิ้ว มีความละเอียด FHD+ ทั้งยังชูโรงด้วยกล้องหลังคู่ความละเอียด 48+5 ล้านพิกเซล ที่มีฟีเจอร์มากมายรอให้ใช้งาน โดยรุ่นนี้มีราคาเริ่มต้นที่ 16,990 บาทเท่านั้น
ดีไซน์ของ OPPO Reno ถือว่าจัดเต็มมาเลยทีเดียวด้วยหน้าจอเต็มขอบ ย้ายกล้องหน้าไปไว้ในส่วนของ Pivot Rising หรือกล้อง Pop-Up บริเวณด้านบนของตัวเครื่อง การจับถือตัวเครื่องเรียกว่าสะดวกสบายมากๆ มีความโค้งที่ฝาหลังเล็กน้อยให้รองรับกับอุ้งมือ โดยขนาดรอบตัวเครื่องอยู่ที่ 156.6 x 74.3 x 9.0 มิลลิเมตร
และน้ำหนัก 185 กรัม
ด้านหน้าจอ OPPO Reno มาแบบหน้าจอเรียบๆ ด้วย Panoramic Screen ชนิด AMOLED กว้าง 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080 พิกเซล) โดยมีการฝังระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ เอาไว้ใต้หน้าจอ เสริมความแข็งแกร่งด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 6 ที่ด้านหน้าจอเอาไว้ด้วย
เหนือหน้าจอแสดงผลมีเพียงช่องสำหรับปล่อยเสียงลำโพงอยู่
ด้านล่างหน้าจอมีมีขอบดำที่บางเฉียบ โดยปุ่มนำทางต่างๆ จะอยู่ในหน้าจอแสดงผลทั้งหมด
ฝั่งซ้ายของตัวเครื่องมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ Nano-SIM จำนวน 2 ช่อง โดยไม่มีช่องใส่ MicroSD Card
ด้านขวามีเพียงปุ่มล็อค/ปิดเครื่องเท่านั้น
ด้านบนของตัวเครื่อง OPPO Reno มีไมโครโฟนตัวที่ 2 สำหรับตัดเสียงรบกวน ประกอบกับกล้อง Pop-Up แบบ Pivot Rising อยู่ โดยจะมีทั้งลำโพงตัวที่ 1, กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และไฟแฟลช LED อยู่
บริเวณด้านล่างของมีช่องเสียบหุฟังขนาด 3.5 มม. ถัดไปเป็นไมโครโฟนตัวที่ 1, พอร์ต USB Type-C และลำโพงตัวหลัก
และที่ด้านหลังมีกล้องหลังคู่แนวตั้งบริเวณกลางเครื่องความละเอียด 48+5 ล้านพิกเซล ถัดลงมามี O-Dot ช่วยป้องกันเลนส์กล้องไม่ให้โดนกระแทกเมื่อวางลง ประกอบกับสัญลักษณ์ "DESIGN BY OPPO" และโลโก้ของบริษัท
อุปกรณ์ภายในกล่อง
Bull Armors (บูลอาเมอร์) กระจกกันรอย สำหรับ OPPO Reno คุณภาพจากญี่ปุ่น ติดง่าย แข็งแรง 9H+ ลดรอยนิ้วมือ สัมผัสลื่นไม่สะดุด รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.bullarmors.com/
สรุปสเปค OPPO Reno
ระบบปฏิบัติการ
OPPO Reno แกะกล่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุดอย่าง Android 9 Pie และ UI ของตัวเอง ColorOS 6.0 โดยมีหน้าตาแบบเรียบง่าย สบายตา และเมื่อโหลดแอพพลิเคชั่นต่างๆ มา ก็จะอยู่ภายในหน้าหลักทั้งหมด
หน้าตา UI : ColorOS 6.0
หน้าจอหลัก
หน้าการตั้งค่าด่วน
หน้าจอล็อค
หน่วยความจำภายในคงเหลือ
หลังจากแกะกล่องและได้อัปเดทซอฟต์แวร์เป็นเวอร์ชัน CPH1917EX_11_A.08 และแอพพลิคชั่นต่างๆ แล้ว ก็จะเหลือพื้นที่ให้ใช้งานแบบเต็มๆ อยู่ที่ประมาณ 220GB จากทั้งหมด 256GB ส่วน RAM จากทั้งหมด 6GB ก้จะเหลือให้ใช้งานแอพฯ ต่างๆ ได้อยู่ประมาณ 3.1GB
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง
ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้
ดีไซน์สวยงาม พร้อมหน้าจอใหญ่เห็นได้เต็มตา
ขึ้นชื่อว่าแบรนด์ OPPO แน่นอนว่าต้องมาพร้อมกับดีไซน์ที่สวยงามอย่างแน่นอน โดยสีเครื่องของ OPPO Reno ที่เราได้มาเป็นสีดำ Jet Black ที่แม้ว่าจะไม่มีสีสันหลายเฉดเหมือนกับสี Ocean Green แต่เรื่องความเข้มครึม ความคลาสสิกต้องยกให้กับสีดำสีนี้ไปเลย ทั้งนี้ ในส่วนของเลนส์กล้องที่ฝาหลังตัวเครื่อง ยังไม่นูนขึ้นมาให้รบกวนใจด้วย เพราะฝังอยู่ในกระจก แถมยังมีปุ่ม O-Dot ช่วยปกป้องไม่ให้วัตถุต่างๆ โดนกับเลนส์กล้องโดยตรงเมื่อเราวางโทรศัพท์ลง
ขณะที่เรื่องของหน้าจอที่ใช้แบบ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2340 x 1080 พิกเซล) ถือว่าทำออกมาได้สมบูรณ์แบบ มองเห็นคมชัด ทัชได้ลื่น ตอบสนองได้เยี่ยม โดยฟีเจอร์ป้องกันสายตาในตอนกลางคืนสามารถทำได้ยอดเยี่ยม ตัดแสงสีฟ้าได้ดี แถมได้รับการับรองจากสถาบัน TÜV Rheinland เลยทีเดียว และมีให้เลือกอยู่ 3 แบบ ดังนี้
ทดสอบการเล่นเกม
แม้ว่า OPPO Reno จะใช้หน่วยประมวลผลตัวกลางอย่าง Qualcomm Snapdragon 710 Octa Core แต่ต้องบอกเลยว่าการเล่นเกมทั้ง 3 เกมที่เรายกมา ไม่ว่าจะเป็น ROV, Asphalt 8 และ PUBG Mobile เล่นได้ไหลลื่นทั้งหมด แบบไม่มีกระจุก หรือเฟรมเรทเหวี่ยงเลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยเราจะเจาะลึกในแต่ละเกมให้ดู
เริ่มกันที่ ROV กันก่อน เราได้ทำการเปิดกราฟิกระดับสูงสุดไว้ทั้งหมด ควบคู่กับการเปิดเฟรมเรทสูงเอาไว้ด้วย เมื่อลองดูตั้งแต่ต้นเกมเฟรมเรทจะวิ่งอยู่ที่ 60fps ซึ่งเมื่อเราเล่นไปสักพักใหญ่ เฟรมเรทกลับไม่น้อยกว่า 60fps เลย แต่กลับกัน ดันเพิ่มขึ้นเป็น 61-62fps ในบางช่วงด้วยซ้ำ เรียกว่าเล่นได้สบายๆ หายห่วงไปได้เลย
ต่อมาที่เกม Asphalt 8 เกมขับรถกราฟิกสวย โดยเราเปิดคุณภาพการแสดงผลไว้ระดับสูงสุด และก็แน่นอนว่าเราเล่นได้ไหลลื่น ไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น
และสุดท้ายกับเกม PUBG Mobile เราเปิดกราฟิกและเฟรมเรทในค่าเริ่มต้น คือ กราฟิกระดับ HD และเฟรมเรทสูง พอเข้าไปเล่นในโหมด Solo กับแผนที่เริ่มต้น OPPO Reno ก็เล่นได้ลื่นตั้งแต่ก่อนโดดร่ม ยันจบเกมเลยทีเดียว
เรียกว่าทั้ง 3 เกมกับ OPPO Reno ทำได้ดีเกิดคาด แถมเมื่อเล่นติดๆ กันเกือบชั่วโมง เครื่องด้านหลังก็ยังไม่ร้อนด้วย ทั้งนี้ ในส่วนของการเล่นเกมยังมีฟีเจอร์ Game Space ที่รวบรวมเกมที่โหลดไว้ในที่เดียวกันทั้งหมด โดยเราสามารถตั้งค่าโหมดของพลังงานได้ 3 แบบ ได้แก่ โหมดแข่งขัน (ประสิทธิภาพสูงสุด), โหมดสมดุล และโหมดใช้พลังงานต่ำ มีการเคลียร์แอพฯ พื้นหลังและ RAM ด้วย HyperBoost 2.0 รวมถึงฟีเจอร์การป้องกันการแจ้งเตือนไม่ได้มารบกวนระหว่างการเล่นด้วย
Game Space
Game Boost 2.0
ระบบความปลอดภัย
ด้านระบบความปลอดภัยของ OPPO Reno ให้มาเหมือนกับรุ่นพี่อย่าง OPPO Reno 10x Zoom ทั้งเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอที่สแกนได้รวดเร็วทันใจมาก สามารถสแกนได้ทันทีผ่านสัญลักษณ์ลายนิ้วมือบนหน้าจอ ไม่จำเป็นต้องกดปุ่มล็อคก่อน โดยสามารถจดจำได้มากที่สุด 5 นิ้ว ส่วนการสแกนใบหน้าจะใช้กล้องหน้าที่อยู่ด้านบนตัวเครื่องอย่าง Pivot Rising Camera เพียงกดปลดล็อคเครื่องและปัดหน้าจอ 1 ครั้ง กล้องก็จะเด้งขึ้นมาเพื่อสแกนหน้าให้ทันทีอย่างรวดเร็ว
แถบด้านข้างอัจฉริยะ
ฟีเจอร์นี้ถือว่าช่วยเหลือในการใช้งานได้เป็นอย่างดี โดยจะเก็บรวบรวมแอพพลิเคชั่นต่างๆ ไว้ในนี้ ซึ่งเราสามารถปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขแอพฯ ข้างต้นได้ทั้งหมด ทำให้ไม่ต้องมานั่งหาแอพที่ใช้บ่อยให้ยุ่งยากอีกต่อไป ทั้งยังมีฟังก์ชันบันทึกภาพ/วิดีโอบนหน้าจออีกด้วย อย่างไรก็ตาม แถบด้านข้างอัจฉริยะจะไม่ได้อยู่เพียงแค่หน้าจอหลักเท่านั้น แต่เมื่อเราเล่นเกม หรือดูวิดีโอแบบเต็มจออยู่ เพียงแค่เราปัดซ้ายหรือขวา (ปัดฝั่งที่มีกล้อง Pivot Rising) ฟีเจอร์นี้ก็จะขึ้นมาให้เราเลือกใช้งานได้ทันที
แบตอึดฯ พร้อมชาร์จไวด้วย VOOC Flash Charge 3.0
แม้ว่าแบตเตอรี่ใน OPPO Reno จะมีความจุ 3,765 mAh แต่ก็มีความอึดไม่แพ้รุ่นพี่อย่าง OPPO Reno 10x zoom ที่มีความจุ 4,065 mAh เพราะใช้งานทั่วไปควบคู่กับเล่นเกมก็ทำได้เกือบตลอดวัน แถมยังมีเทคโนโลยีชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge 3.0 จากแบตน้อยๆ ไปถึง 100% ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
กล้อง
มาถึงเรื่องการถ่ายภาพกันบ้าง โดยในรุ่น OPPO Reno ที่มาพร้อมกับกล้องหลัง 2 เลนส์ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ SONY IMX586 รูรับแสง f/1.7 มีไฟแฟลช Dual-LED ในส่วนของ Pivot Rising + เลนส์ที่ 2 ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ใช้สำหรับการตรวจจับพื้นหลัง โดยฟีเจอร์ต่างๆ ก็มีมาให้เพียบ ดังนี้
กล้องหลังอัจฉริยะด้วย AI : แน่นอนว่า OPPO Reno มีกล้องหลังความละเอียดสูงสุดถึง 48 ล้านพิกเซล ก็ต้องพกความอัจฉริยะมาด้วย AI ที่สามารถจดจำ แยกแยะหมวดหมู่ได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังปรับสีสันให้เหมาะสมกับวัตถุที่เรากำลังโฟกัสได้อัตโนมัติอีกด้วย
Ultra Clear Night View 2.0 : เก็บรายละเอียดได้ดีมากยิ่งขึ้นในเวลากลางคืนหรือในที่แสงน้อยสำหรับฟีเจอร์ Ultra Clear Night View 2.0 ซึ่งภาพที่ได้ออกมาจะดูสว่างและคมชัดมากขึ้นกว่าโหมดปกติ แถมรายละเอียดยังคงชัดเจนเหมือนเดิม
Dazzle Color Mode 2.0 : นอกจากจะมี AI ในการช่วยเพิ่มสีสันให้กับภาพแล้ว ยังมีโหมด Dazzle Color หรือโหมดสีตื่นตา (เปิดได้สัญลักษณ์รูปภาพกลางกลางส่วนบน) ช่วยให้ภาพที่ถ่ายออกมามีสีสันที่สดมากขึ้นอย่างชัดเจน
Portrait Styles : ในโหมด Portrait หรือโหมด 'รูปคน' นอกจากจะเบลอหลังได้อย่างเนียนตา เข็บขอบได้เยี่ยมแล้ว ยังมีสไตล์ให้เลือกเพิ่มอีก 5 แบบเลยทีเดียว
นอกจากนี้ OPPO Reno ยังมีฟีเจอร์ Free-Fall อีกด้วย คือ เมื่อส่วนของ Pivot Rising เปิดอยู่ และเราทำตกหรือร่วงลงไป ระบบก็จะปิดกล้องลงมาให้แบบอัตโนมัติทันทีเพื่อป้องกันการเสียหาย
มาดูที่กล้องหน้ากันบ้างด้วยความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 ก็มาพร้อมกับความฉลาดล้ำแต่งใบหน้าสวยด้วย AI Beatification โดยเราไม่จำเป็นต้องมานั่งปรับหน้าเรียว หน้าเนียนเองให้ยุ่งยาก เพราะ AI จะปรับให้อัตโนมัติทั้งหมด หรือหากใครอยากปรับอะไรเพิ่มเติม ก็กดเข้าไปที่สัญลักษณ์รูปคนที่มุมขวาล่างได้เลย
คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง
คุณสมบัติการถ่ายภาพวีดีโอ
ขอขอบคุณ : บริษัท ไทย ออปโป้ จำกัด
ข้อมูลผู้ใช้ร่วมแสดงความเห็นกับ : OPPO Reno
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : https://www.siamphone.com/spec/oppo/reno.htm
OPPO Enco Air4 และ OPPO Pad 3 Pro คู่หูอุปกรณ์ IoT สุดล้ำที่พร้อมตอ...
ROG Phone 9 Series กับฟังก์ชัน AniMe Vision display และลูกเล่น AI เ...
Samsung Galaxy S25 Series สรุปข่าวลือล่าสุดก่อนเปิดตัวต้นปี 2025
OPPO Find X8 Series สมาร์ทโฟนแฟลกชิปพลัง AI ซูมไกล 120 เท่า ด้วย AI...
Redmi ฉลอง 11 ปี ปล่อยโลโก้ใหม่! พร้อมเปิดตัว Redmi K80 เรือธงสเปคจ...
พรีวิว Samsung Galaxy Z Flip 6 ครั้งแรกมือถือจอพับกันน้ำได้ Samsung เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ Samsung Galaxy Z Flip 6 รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมเฉดสีสไตล์มินิมอล สดใส เก๋ไก่ น่ารักเอามากๆ มี 4 เฉดสีใ...