Vivo S1 สมาร์ทโฟนที่จะมา "Unlock Your Style" ปลดล็อคทุกความบันเทิงขั้นสุดของเราด้วยจุดเด่นที่มีอย่างหลากหลายใช้งานได้อย่างสะดวก ตั้งแต่หน้าจอ Halo FullView Display ขนาด 6.38 นิ้ว คมชัดระดับ FHD+ ที่พร้อมให้ใช้งานได้ตลอดวันด้วยพลังแบตเตอรี่ถึง 4,500 mAh รองรับ Dual-Engine Fast Charging 18W มีกล้องหลังสุดอัจฉริยะ AI Triple Camera และกล้องหน้าถ่ายเซลฟี่งดงามด้วย AI Beauty
Vivo S1 สี Skyline Blue มาพร้อมกับดีไซน์พลาสติกที่มีความงามบนฝาหลังผ่านเฉดสีฟ้าและสีม่วงที่ไล่กันอย่างเป็นธรรมชาติ ตัวเครื่องจับถนัด พอดีกับขนาดมือของผู้ชายในการเล่นมือเดียว ส่วนมือของผู้หญิงอาจจะต้องใช้ 2 มือช่วยแต่ก็ถือว่าไม่ได้ลำบากอะไร เพราะหากเทียบหน้าจอที่ขนาดใหญ่ถึง 6.38 นิ้ว กับขนาดตัวเครื่องที่ 160.1 x 75.35 x 8.54 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 180 กรัม ก็ถือว่าสมส่วนอยู่เหมือนกัน
หน้าจอแสดงผลของ Vivo S1 มาแบบเต็มขอบในนาม Halo FullView Display ทรงหยดน้ำ ชนิด Super AMOLED ทำให้มีขนาดหน้าจอถึง 6.38 นิ้ว มีความคมชัดระดับ FHD+ (2340 x 1080 พิกเซล) อัตราส่วน 19.5:9 ทั้งยังมีพื้นที่หน้าจอแสดงผลถึง 89.98% เรียกว่าจะดูภาพยนตร์หรือเล่นเกมอะไรก็คมชัดสุดๆ แถมยังเห็นได้เต็มตาอีกด้วย
บริเวณเหนือหน้าจอแสดงผลมีลำโพงสำหรับสนทนา พร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซลที่อยู่ในส่วนของหยดน้ำ โดยภายใต้หน้าจอใกล้กับกล้องหน้าจะฝังระบบเซ็นเซอร์วัดแสงต่างๆ ลงไป
ด้านล่างหน้าจอยังคงมีขอบดำอยู่ โดยปุ่มนำทางต่างๆ จะอยู่ในหน้าจอทั้งหมด
ฝั่งซ้ายของตัวเครื่องมีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ดแบบ NanoSIM จำนวน 2 ช่อง และ MicroSD Card อีก 1 ช่อง ถัดลงมาจะเป็นปุ่มสำหรับเรียกใช้งาน Google Assistant
ฝั่งขวาจะมีทั้งปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่มสำหรับล็อคเครื่อง
ที่ด้านล่างของตัวเครื่องมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร, ไมโครโฟนตัวที่ ,1 พอร์ต Micro USB 2.0 และลำโพงตัวหลัก
สุดท้ายที่ด้านหลังมีกล้องหลัง 3 เลนส์ความละเอียด 16+8+2 ล้านพิกเซล จัดเรียงในแนวตั้งที่มุมซ้ายบนร่วมกับไฟแฟลช LED 1 ดวง
อุปกรณ์ภายในกล่อง
สรุปสเปค Vivo S1
ระบบปฏิบัติการ
Vivo S1 แกะกล่องมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 9 Pie ที่ครอบทับด้วย UI ของตัวเองอย่าง FunTouch OS 9 ที่รวมหน้าจอหลักและหน้าจอแอพฯ ทั้งหมดไว้ด้วยกัน โดยการดูการแจ้งเตือนสามารถทำได้ด้วยการปัดลงจากหน้าจอส่วนบน และการตั้งค่าด่วนก็ให้เราปัดขึ้นจากจอส่วนล่าง หรือหากใครหากได้วิดเจ็ตอะไรเพิ่มเติม ก็สามารถกดที่ว่างบนหน้าจอค้างไว้เพื่อเพิ่มเข้าไปได้ง่ายๆ เลย
หน้าตา UI : FunTouch OS 9
หน่วยความจำภายในคงเหลือ
หน่วยความจำทั้งภายในคงเหลือหลังจากแกะกล่องและอัปเดทแอพพลิเคชั่นแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 112GB จากทั้งหมด 128GB ส่วน RAM ที่ให้มา 6GB ก็มีว่างแบบเหลือๆ ที่ประมาณ 4.3GB
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง
ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้
ตัวเครื่องสวยงาม ไล่เฉดอย่างเป็นธรรมชาติ
ตัวเครื่อง Vivo S1 ที่เราได้นำมารีวิวจะเป็นสีฟ้าไล่เฉดไปเป็นสีม่วงอย่างลงตัวกับสี Skyline Blue ที่มีความสวยงามภายในตัว เมื่อสะท้อนกับแสงเราจะเห็นความโค้งมนของเส้นแสง Skyline บนฝาหลังอยู่ด้วย ทำให้ดูมีมิติมากกว่าเดิม แถมขอบตัวเครื่องทั้ง 4 ด้านยังมีสีฟ้าอยู่ทำให้เรามองเห็นความสวยงามของ Vivo S1 สีนี้ได้ครบทุกมุม ส่วนใครที่ชอบความคลาสสิก ความขรึม รุ่นนี้มาพร้อมอีกสี คือ Diamond Black ด้วยเช่นกัน
เล่นเกมลื่นไหลด้วย MediaTek Helio P65
เราได้ทดสอบการเล่นเกมด้วย Vivo S1 ที่มาพร้อมขุมพลัง MediaTek Helio P65 จำนวน 3 เกม ได้แก่ PUBG Mobile, ROV และ Asphalt 9: Legends ทั้ง 3 เกมสามารถเล่นได้ไหลลื่นเกินที่คาดไว้ โดยเกมแรกอย่าง PUBG Mobile สามารถเปิดภาพระดับสมดุล และเฟรมเรทระดับกลางได้โดยไม่มีอาการกระตุกใดๆ
ต่อมาในเกม ROV ได้เปิดภาพระดับสูงสุด รวมถึงภาพ HD แต่ไม่สามารถตั้งค่าเฟรมเรทสูงได้ ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เพราะเมื่อทดสอบเล่นในโหมด 5 VS 5 ก็เล่นได้ไม่สะดุด แถมเฟรมเรทก็คงที่แทบตลอดทั้งเกมที่ 29-31fps
และสุดท้ายกับเกม Asphalt 9: Legends ที่เปิดภาพคุณภาพสูงไว้ ก็เข้าเล่นได้อย่างไม่มีปัญหา ไหลลื่นทั้งตอนเล่นและตอนที่มีฉากคัทซีน
ทั้งนี้ที่เล่นได้ไหลลื่น ส่วนหนึ่งต้องมอบความดีความชอบให้ฟีเจอร์ Ultra Game Mode ที่เป็นตัวจัดการก่อนเข้าเล่นเกมให้หมด ตั้งแต่ปิดกั้นการแจ้งเตือนต่างๆ ป้องกันการสัมผัสโดยบังเอิญ และการปรับการใช้งานแอพฯ เบื้องหลังเพื่อให้เล่นเกมได้ไหลลื่น
ใช้งานได้เต็มวันด้วยแบตฯ อึด 4,500 mAh
Vivo S1 มาพร้อมกับแบตเตอรี่สุดอึดถึง 4,500 mAh ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานมาก โดยเราทดสอบทั้งเล่นเกม ใช้งานทั่วไป และเปิดรอรับสายถึง 1 วันเต็มๆ จากแบตเตอรี่เต็ม 100% ลดลงมาอยู่ที่ 68% จากการใช้งานที่บอกไป ถือว่าทำได้น่าพอใจมากเลยทีเดียว ทั้งนี้ เมื่อแบตฯ ใกล้หมดก็สามารถชาร์จได้ไวด้วยเทคโนโลยี Dual-Engine Fast Charging 18W
ระบบความปลอดภัย
หนึ่งในสิ่งที่ชอบมากที่สุดของ Vivo S1 ตั้งแต่ที่ใช้งานมาเลยก็ถือเทคโนโลยีสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอที่ทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำมาก (จดจำได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ) เมื่อเราบันทึกลายนิ้วมือไปแล้ว ก็สามารถสแกนผ่านหน้าจอขณะที่ล็อคได้เลย เพียงแค่แตะเบาๆ ก็จะปลดล็อคให้ทันที แต่เท่านี้คงยังไม่พอ เพราะยังมีการสแกนใบหน้าที่ทำได้ยอดเยี่ยมเหมือนกัน ซึ่งเราสามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์การปลดล็อคแบบผสมได้ เพื่อให้ระบบปลดล็อคได้ทันทีไม่ว่าเราจะสแกนนิ้วมือหรือสแกนใบหน้าตามแต่สะดวก
ใช้งาน 2 หน้าจอพร้อมกันได้สบายๆ
ด้วยหน้าจอแสดงผล Halo FullView Display ที่กว้างถึง 6.38 นิ้ว ของ Vivo S1 ทำให้เราใช้งาน 2 แอพพลิเคชั่นในหน้าจอเดียวแบบเต็มตาได้สบาย จะแชทจะโซเชียลไปหรือดู Youtube ไปก็ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ให้เราเปิดแอพฯ ใดแอพฯ หนึ่งขึ้นมาก่อน จากนั้นให้กดปุ่มแอพฯ ล่าสุด โดยให้สังเกตที่มุมซ้ายบนของหน้าจอจะมีสัญลักษณ์ "2 หน้าจอ" ขึ้นมาให้เรากด เมื่อกดแล้วเราก็สามารถเลือกอีกหนึ่งแอพฯ ใช้งานได้ทันที โดยการแบ่งหน้าจอเราสามารถเลื่อนขึ้นลงเพื่อปรับขนาดหน้าจอได้อิสระ และเมื่อต้องการปิดใช้งานก็แค่ให้ลากเส้นแบ่งหน้าจอสีน้ำเงินลงมาให้สุดจอ
กล้องสวยด้วย AI Triple Camera และ AI Beauty
นอกจากฟีเจอร์ที่มีมาให้มากมายแล้วสำหรับ Vivo S1 รุ่นนี้ เรื่องของกล้องก็มีฟีเจอร์ให้มาเพียบเช่นกัน เริ่มตั้งแต่กล้องหลังที่มีมาถึง 3 เลนส์ มีความฉลาดด้วย AI ในนาม "AI Triple Camera" แบ่งเป็น
ขณะที่กล้องหน้ามาพร้อมกับความละเอียดสูงถึง 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 ที่รองรับโหมดหน้าสวยอัจฉริยะอย่าง AI Beauty ที่ปรับแต่งได้หายระดับ
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
ถ่ายได้กว้างสะใจถึง 120 องศาด้วยเลนส์ Super Wide-Angle
หนึ่งใน 3 เลนส์ของกล้องหลังคือเลนส์ Super Wide-Angle ถ่ายได้มุมกว้างสุดถึง 120 องศา ช่วยให้เก็บภาพบรรยากาศรอบตัวได้ครบทุกมุม เห็นได้กว้างกว่าเลนส์หลักเป็นอย่างมาก โดยการใช้งานก็ง่ายๆ เพียงแต่กดฟังก์ชั่น "Wide" ระบบก็จะสลับมาใช้เลนส์ Super Wide-Angle ให้ทันที ทั้งนี้ เลนส์นี้ไม่ได้ทำได้แค่เพียงการถ่ายภาพเท่านั้น แต่ยังสามารถถ่ายมุมกว้างในโหมดวิดีโอได้ด้วยเช่นกัน
หน้าชัดหลังเบลอเป็นธรรมชาติใน Portrait Mode
Vivo S1 ที่มีเลนส์ตรวจจับฉากหลังอย่าง Depth Sensor ก็สามารถถ่าย Portrait Mode หรือหน้าชัดหลังเบลอได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยเมื่อเราโฟกัสกับวัตถุแล้ว ก็จะมีตัวเลือกให้เราปรับความเบลอของพื้นหลังได้ทันทีตั้งแต่ F0.95 - F16 (เลขยิ่งน้อยยิ่งเบลอหลัง) แต่หากใครถ่ายมาแล้วไม่ชอบให้เบลอมากไปหรืออยากให้เบลอกว่าเดิมก็สามารถเข้าไปปรับค่ารูรับแสงได้อีกทีในอัลบั้มภาพ
Portrait Light Effect
Vivo S1 ยังมีลูกเล่นในการถ่ายภาพเอฟเฟ็กต์แสงภาพถ่ายบุคคลเพิ่มความโดดเด่นได้ถึง 5 แบบ ได้แก่ ไฟสตูดิโอ, ไฟสเตอริโอ, ลูปไลท์, แสงรุ้ง และภาพพื้นหลังสีขาวดำ ที่ใช้ได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
ถ่ายหน้าสวยแบบอัจฉริยะด้วย AI Beauty
อย่างที่บอกไปช่วงต้นว่ากล้องหน้าของ Vivo S1 มีความละเอียดถึง 32 ล้านพิกเซล ทำให้การถ่ายเซลฟี่ทำได้คมชัดมาก ซึ่งยังมีฟีเจอร์ AI Beauty (AI ใบหน้าสวย) ให้มาใช้งานอีกด้วย ซึ่งเราสามารถปรับแต่งความสวยงามของใบหน้าได้หลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นผิวนวล, โทนสีผิว, ปรับขาว, หน้าบาง, รูปหน้า, ตาโต, จมูก และมีอีกเพียบ โดยเมื่อเรากดใช้งานตอนแรก AI จะปรับให้เราแบบอัตโนมัติ แถมสามารถแยกแยะเพศเพื่อให้เหมาะสมกับรูปลักษณ์ของเพศชายหรือเพศหญิงได้อีกด้วย แต่หากใครอยากปรับเองก็สามารถเลื่อนซ้าย-ขวาได้เองตั้งแต่ 0-100 ระดับเเลยทีเดียว
คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง
คุณสมบัติการถ่ายภาพวีดีโอ
สำหรับใครที่สนใจ Vivo S1 เปิดให้พรีออเดอร์แล้ว ทั้งสี Skyline Blue และสี Diamond Black ในราคา 8,999 บาท ที่นี่ https://pages.lazada.co.th/wow/i/th/THCampaign/Vi
ขอขอบคุณ : Vivo Service Thailand.co.Ltd
ข้อมูลผู้ใช้ร่วมแสดงความเห็นกับ Vivo S1 : Vivo S1
https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=460417
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : https://www.siamphone.com/spec/vivo/s1.htm
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท