Xiaomi Black Shark 2 Pro อีกหนึ่งสมาร์ทโฟนชูโรงของทางแบรนด์ ด้วยจุดเด่นที่เรียกได้ว่าคุ้มเกินราคา เพราะราคาเปิดตัวต่างประเทศในโมเดล RAM 12GB + ROM 128GB คิดเป็นเงินไทยเพียง 13,500 บาทเท่านั้น แม้ว่าราคาเบาๆ แต่สเปกไม่เบาเลย ด้วยชิปเซ็ตรุ่นท็อปใหม่ล่าสุด Snapdragon 855 Plus พร้อมหน้าจอ AMOLED ที่มีขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียดระดับ FullHD+ กับอัตราการรีเฟรชหน้าจอ 240Hz ทำให้เวลาสลับเปลี่ยนแอปพลิเคชั่น, การเลื่อนขึ้นเลื่อนลงเมื่อท่องเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมถึงการเล่นเกมก็ไม่มีอาการหน่วงเลย ทั้งยังช่วยให้สบายตามากยิ่งขึ้น เพราะหน้าจอมีอัตราการกะพริบน้อยลง นอกจากนี้มีระบบระบายความร้อน Liquid Cooling 3.0+, เทคโนโลยีพื้นที่เก็บข้อมูล UFS 3.0 เรียกได้ว่าหากคุณจะถ่ายภาพ/บันทึกวิดีโอ, โอนถ่ายข้อมูลมีความรวดเร็วกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนชื่นชอบความเร็ว กับลวดลายดีไซน์สุดเท่ไม่เหมือนใคร
Xiaomi Black Shark 2 Pro มีขนาดตัวเครื่อง 163.61 × 75.01 × 8.77 มม. น้ำหนัก 205 กรัม จากขนาดตัวเครื่องและน้ำหนัก อาจดูเหมือนหนาและน้ำหนักเกินไป ทว่าไม่จริงเลยกับให้ความรู้สึกจับได้มั่นคงกระชับมือ ไม่ลื่นหลุดง่าย ส่วนน้ำหนักนั้นไม่ได้ทำให้เมื่อยล้าเลย แม้จับเป็นเวลานาน เรียกได้ว่าขนาดกับน้ำหนักกำลังเหมาะสมที่ทำให้เล่นเกมเพลินมากกว่า
หน้าจอมีขนาด 6.39 นิ้ว อัตราส่วน 19.5:9 แบบ AMOLED ความละเอียด FullHD+ (1080x2340 พิกเซล) ให้ความสว่างสูงสุด 430nits ความหนาแน่นต่อพิกเซลอยู่ที่ 403ppi ผ่านการรองรับมาตรฐาน DCI-P3 ให้สีแม่นยำมากขึ้น พร้อมโหมด SUNSHINE VISUAL ENHANCEMENT เพื่อปรับสภาพแสงของหน้าจอให้เหมาะสมกับการใช้งานกลางแจ้ง, โหมดถนอมสายตา, โหมดการแสดงวิดีโอเทคโนโลยี HDR เป็นต้น
เหนือหน้าจอขึ้นไปจะเป็นพื้นที่ของเซ็นเซอร์ต่าง ๆ และเลนส์กล้องหน้าความละเอียด 20MP จุดพิกเซลขนาด 0.9μm รูรับแสง f/2.0 ประกอบด้วยชุดเลนส์ 5 ชิ้น มาพร้อมโหมดปรับแต่งหน้าสวยหล่อ, โหมดถ่ายภาพบุคคล Portrait และตั้งเวลาภาพเซลฟี่ได้ (Countdown self-timer)
ด้านล่างหน้าจอจะมีแค่ลำโพงเท่านั้น อย่างไรก็ตามส่วนของพื้นที่ด้านล่างหน้าจอจะรับรู้แรงกด เมื่อนิ้วมาสัมผัสจะโชว์ไอคอนสแกนลายนิ้วมือ คุณก็นำนิ้วมือที่ได้ลงทะเบียนกับตัวเครื่องไว้ไปสแกนปลดล็อกหน้าจอได้
ด้านซ้ายตัวเครื่องจะมีเส้นสัญญาณเสาอากาศด้านบนและด้านล่าง กึ่งกลางของตัวเครื่องเป็นปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านขวาตัวเครื่องมีเส้นสัญญาณอากาศเช่นกัน และปุ่มเปิดปิดตัวเครื่อง เหนือปุ่มดังกล่าวขึ้นไปจะเป็นปุ่มเลื่อนเข้าสู่โหมดเกม ด้วยการเลื่อนขึ้น ก็จะเข้าโหมดเกมทันที หากเลื่อนลงอีกครั้งหนึ่งก็จะเข้าสู่หน้าจอหลัก
ด้านล่างตัวเครื่องเป็นพอร์ต USB Type-C และช่องใส่ซิมการ์ดแบบ NANO สองซิมการ์ด รองรับการใช้งาน 4G LTE เต็มรูปแบบให้การติดต่อสื่อสารของคุณต่อเนื่อง ไม่ติดขัด ส่วนด้านบนตัวเครื่องมีเพียงรูไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
นอกจากนี้ด้านข้างตัวเครื่องทั้งสองฝั่งก็จะมีแถบไฟ LED ด้วยเช่นกัน โดยจะมีสีขึ้นโชว์ ไม่ว่าจะเป็น ขณะใช้งานแอปพลิเคชั่น, การชาร์จแบตเตอรี่ เป็นต้น
ด้านหลังตัวเครื่องเป็นดีไซน์ที่สุดเท่สมชื่อ BLACK SHARK ให้ความดุดัน โดยบริเวณกึ่งกลางตัวเครื่องมีโลโก้ตัว S พร้อมแสงไฟ LED สามสเต็ป คือ ด้านบนโลโก้, โลโก้ และด้านล่างโลโก้ นอกจากนี้ยังเปลี่ยนสีได้ด้วย หรือจะให้สีสลับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ รวมถึงตั้งค่าความหน่วงในการโชว์แสงไฟ จากเร็วมาก-ช้าที่สุด
อย่างไรก็ตามจุดที่ควรต้องระวังของด้านหลังตัวเครื่อง คือ สองเลนส์กล้องจัดเรียงแนวตั้ง แต่มีโมดูลลักษณะนูนออกมาจากตัวเครื่อง ทำให้การวาง อาจต้องเพิ่มความระมัดระวัง ส่วนกล้องคู่มีความละเอียด 48MP+12MP รองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุด 4K
อุปกรณ์ภายในกล่อง
สรุปสเปกสมาร์ทโฟน Xiaomi Black Shark 2 Pro
RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน
การทำงานของ RAM แบบปกติคือไม่เคยดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นใด หรือว่าเปิดการใช้ฟังก์ชั่นใด ระบบใช้ RAM อยู่ที่ประมาณ 2.4GB จากปกติ 12GB ส่วนพื้นที่เก็บข้อมูลภายในใช้พื้นที่ไปแล้วประมาณ 18GB จากปกติ 256GB เรียกได้ว่าเก็บข้อมูลได้จุใจ
ระบบปฏิบัติการ
Xiaomi Black Shark 2 Pro ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 9.0 ครอบทับ JOY UI จะได้รับการอัปเดตเป็น Android 10 ด้วย ไฮไลท์ที่น่าสนใจคือ....
หน้าจอหลักและเมนูภายใน
ปุ่มกดใช้งานในตัวเครื่อง
โดยผู้ใช้สามารถจะใช้ GESTURE ได้ เพื่อเพิ่มมิติใหม่ในการใช้งาน หลีกหนีการใช้ปุ่มแบบเดิมๆ หรือชื่ยชอบความคลาสสิก ใช้งานง่ายก็มีปุ่มนำทาง 3 ส่วน คือ การเปิดใช้งานล่าสุด, ปุ่มโฮม และย้อนกลับ
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง
ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้
ระบบยืนยันตัวตน
สมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวมีระบบยืนยันตัวตนไฮไลท์สำคัญคือ ปลดล็อกด้วยใบหน้า และฟีเจอร์ที่น่าสนใจเมื่อมีการแจ้งเตือน หากคุณยกขึ้นมาดู แล้วจะปลดล็อกทันที ส่วนการสแกนลายนิ้วมือ ลงทะเบียนได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ และมีลูกเล่นการปลดล็อกด้วย
โหมดถนอมสายตา
เป็นโหมดที่ควรเปิดใช้งานเมื่อคุณอยู่ในพื้นที่สภาวะแสงน้อย ป้องกันแสงสีฟ้าสว่างมากจนเกินไป หรือลดปริมาณแสงสีฟ้าลง เพื่อป้องกันสายตาเสีย โดยมีให้เลือกสีหน้าจอทั้งโทนอุ่น (Warm) และ Cold (เย็น)
การใช้งานทางลัด
เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ด้วยแพลตฟอร์ม JOY UI จะให้คุณ Enjoy กับระบบภายในเครื่อง เช่น กดปุ่ม Power+ปุ่มเพิ่มเสียง พร้อมกันจะเป็นการบันทึกหน้าจอแบบวิดีโอ, กดปุ่ม Power ขณะสนทนาเพื่อจบการสนทนา หรือกดปุ่ม Power สองครั้งเบิ้ลจะเข้าใช้งานกล้อง
การแสดงไฟ LED ด้านหลังตัวเครื่อง
เข้าไปตั้งค่าได้ที่ SETTING - LIGHTING EFFECT SETTING คุณสามารถเข้าไปตั้งค่าลักษณะการแสดงไฟได้ แบ่งเป็น ตลอดเวลา, เป็นบางครั้ง และต่อเนื่อง เปลี่ยนรูปแบบสีได้ด้วย เพิ่มความหลากหลาย มีสีให้เลือก อาทิ สีแดง, สีส้ม, สีชมพู, สีน้ำเงิน, สีม่วง, สีฟ้า, สีเขียว และสีเหลือง
การเล่นเกม ต้องบอกว่าเป็นสมาร์ทโฟนเกมมิ่งที่แท้จริง
มาพร้อมโหมดใส่ GamePad เพื่ออรรถรสในการควบคุมที่ดียิ่งขึ้น หรือจะไม่ใส่ก็ได้ แค่คุณเข้าโหมดเกม ด้วยการเลื่อนเปิดที่ด้านขวาตัวเครื่อง ก็จะเข้าสู่โหมดเกมทันที หรือหากไม่ต้องการก็สามารถเข้าผ่านแอปพลิเคชั่นได้ปกติ ซึ่งจากการทดสอบพบว่า เครื่องไม่มีร้อนเลย อุ่นๆ เฟรมเรทไม่ตก ให้ภาพสวยสมกับเป็นหน้าจอประเภท AMOLED
กล้องถ่ายรูป
การทำงานของกล้องหลังจะเป็นการจับภาพระหว่างเลนส์หลักความละเอียดสูง 48MP และเลนส์ telephoto : 12MP ทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ AI ที่จะปรับภาพถ่ายให้เป็นธรรมชาติอัตโนมัติ มีโหมดการถ่ายภาพหลากหลาย อาทิ โหมดถ่ายภาพเฉพาะความละเอียด 48MP, โหมด Pro, โหมด Portrait, โหมดกลางคืน, โหมด Panorama เป็นต้น
คุณสมบัติการบันทึกวิดีโอ
ฟีเจอร์เพิ่มเติมของระบบวิดีโอ
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท