ดูเป็นเรื่องที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ เมื่อ Vivo ประเทศไทยได้ทำเซอร์ไพรส์ นำสมาร์ทโฟนซีรี่ย์ท็อปอย่าง Vivo NEX มาขายในไทยอย่างเป็นทางการ โดยเป็นรุ่น Vivo NEX 3 สมาร์ทโฟนตัวท็อป ที่มาพร้อมความโดดเด่นในเรื่องหน้าจอโค้ง เกือบไร้ขอบอย่างสมบูรณ์ ด้วยอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 99.6% มีปุ่มข้างแบบใหม่ระบบสัมผัส Touch Sense ส่วนสเปคอื่นๆ ยังถูกจัดเต็มมาด้วยเช่นกัน ทั้งขุมพลัง Snapdragon 855+ และกล้องหลัง 3 เลนส์ ความละเอียดสูงถึง 64+13+13 ล้านพิกเซล ซึ่ง Vivo NEX 3 เปิดราคาอยู่ที่ 24,999 บาท
ตัวเครื่อง Vivo NEX 3 มีขนาด 167.44 x 76.14 x 9.4 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 217.3 กรัม โดยตัวเครื่องจะดูบางๆ ยาวๆ อาจจะใหญ่ไปนิดหน่อยเมื่อจับใช้งาน แต่ก็ถือว่ารูปทรงกับดีไซน์มีความสวยงามพอสมควร
หน้าจอแสดงผลคือจุดเด่นของ Vivo NEX 3 โดยหน้าจอเป็นแบบโค้ง เต็มจอไร้รอยแหว่ง Waterfall FullView Display ใช้พาแนล E3 Super AMOLED กว้าง 6.89 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2256x1080 พิกเซล) และที่สำคัญมีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 99.6%
ส่วนบนหน้าจอแสดงผล มีลำโพงเสียงสำหรับการสนทนา ตรงส่วนนี้จะไม่มีรอยแหว่งใดๆ ทั้งสิ้น โดยกล้องหน้าจะมาในรูปแบบกล้องป็อปอัพ
ในส่วนกล้องป็อปอัพ เมื่อมีการเปิดใช้งานกล้องหน้าระบบจะลื่นกล้องขึ้นมาให้อัตโนมัติ ในนั้นมีกล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซล อยู่ข้างขวา ส่วนช่องทางซ้ายเป็นไฟแฟลช
ส่วนล่างหน้าจอไม่มีปุ่มการใช้งานใดๆ แต่ความหนาของขอบหน้าจอจอกับตัวเครื่อง ถือว่ามีความบางมากทีเดียว
ข้างซ้ายตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มการใช้งานใดๆ
ข้างขวาตัวเครื่อง คือจุดแปลกใหม่ของ Vivo NEX 3 เนื่องจากมองด้วยตาเปล่าจะไม่เห็นปุ่มการใช้งานเหมือนสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ แต่ปุ่มจะมาในรูปแบบสัมผัสเทคโนโลยี Touch Sense + X-Axis Haptic โดยปุ่มตรงกลางที่มีผิวขรุขระคือปุ่มเพาเวอร์ ปุ่มบนเป็นการเพิ่มเสียง และปุ่มล่างเป็นปุ่มลดเสียง
ด้านบนตัวเครื่อง ทางซ้ายสุดคือรูไมโครโฟน ถัดมาทางขวาคือปุ่มสำหรับพักหน้าจอ ตามมาด้วยที่อยู่ของกล้องป็อปอัพ ขวาสุดเป็นช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
ด้านใต้ตัวเครื่อง มีลำโพงเสียงอยู่ซ้ายสุด ถัดมาเป็นช่องไมโครโฟน ตรงกลางเป็นพอร์ต USB Type-C ตามมาด้วยรูลำโพงอีก 1 ตัว และขวาสุดเป็นถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM 2 ช่อง
ผลิกมาที่ฝาหลังตัวเครื่อง จะพบกับกล้องหลังที่ถูกจัดเรียงอยู่บนโมดูลทรงกลม ซึ่งทาง Vivo เรียกการวางกล้องแบบนี้ว่า Luna Ring Camera System โดยกล้องหลังจะมาพร้อม 3 เลนส์ ความละเอียด 64+13+13 ล้านพิกเซล และข้างล่างมีไฟแฟลช
สเปคทั้งหมดของ Vivo NEX 3
RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน
ตัวเลือก RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลภายในของ Vivo NEX 3 จะมีให้เลือกเพียงรุ่นเดียวคือ RAM 8GB + ROM 128GB ราคาอยู่ที่ 24,999 บาท เมื่อเปิดเครื่องมาครั้งแรกระบบจะมีการกินพื้นที่ไปกว่า 14GB ทำให้เหลือพื้นที่ในการใช้งานจริงๆ 114GB ในขณะที่ ROM จะเป็นแบบ UFS 3.0 ทำให้การส่งข้อมูลมีความรวดเร็วกว่า UFS 2.1 ถึง 79%
ระบบปฏิบัติการ
Funtouch OS 9.1 บนพื้นฐาน Android 9 Pie คือระบบปฏิบัติการบนเครื่อง Vivo NEX 3 ซึ่งมีการแต่งปรับหน้าตาให้ดูเรียบง่ายน่าใช้งานมากขึ้น และมีการตั้งค่าต่างๆ ที่จำเป็นต่อผู้ใช้งานให้ใช้งานทั้งหมด
หน้าจอหลัก
การดีไซน์ในส่วนหน้าจอหลัก ก็เป็นไปถามฉบับ Funtouch OS แต่เวอร์ชั่น 9.1 จะมีความสวยงามดูเรียบงาน และมีการไล่เฉดสีลงบนรายละเอียดต่างๆ และแป้นพิมพ์จะเป็น Gboard ตั้งแต่ต้น
การนำทางระบบ
ปุ่มนำทางจากการตั้งค่าเริ่มต้นจะเป็นแบบ 3 ปุ่มอยู่ด้านล่างหน้าจอแสดงผล คือ แอพฯ ก่อนหน้า, กลับสู่โฮม และย้อนกลับ แต่หากมองว่าปุ่มนำทางแบบนี้เกะกะ ในระบบก็มีตัวเลือกให้เปลี่ยนเป็น ท่าทางการนำทาง สามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า > การนำทางระบบ
โหมดมืด
Vivo NEX 3 ที่รันบน Funtouch OS 9.1 ไม่พลาดได้ใช้ฟีเจอร์ โหมดมืด อย่างแน่นอน ซึ่งระบบจะมีการปรับธีมให้เป็นสีดำ ส่งผลให้ใช้งานในตอนกลางคืนให้สบายตามาขึ้น และอีกอย่างจะเป็นการประหยัดพลังงานไปในตัว เนื่องจาก Vivo NEX 3 มาพร้อมกับหน้าจอแบบ AMOLED นั้นเอง เข้าไปเปิดโหมดมืดได้ที่ การตั้งค่า > การแสดงผลและความสว่าง > โหมดมืด
โคลนแอป
ระบบโคลนแอป จะเป็นการเพิ่มแอพพลิเคชั่นสังคมออนไลน์ที่มีอยู่แล้ว เพิ่มขึ้นมาอีก 1 แอพฯ ทำให้สะดวกต่อการล็อกอินเข้าใช้งาน 2 บัญชีพร้อมกัน ไม่ต้องสลับบัญชีไปๆ มาๆ ภายในแอพพลิเคชั่นอันเดียว สามารถเข้าไปใช้งานโคลนแอปได้ที่ การตั้งค่า > โคลนแอป
ปุ่มข้าง เริ่มต้นใช้งานด่วน
ปุ่มลดเสียงด้านข้างของ Vivo NEX 3 เมื่อกดค้าง จะสามารถใช้เป็นการเริ่มต้นใช้งานฟังก์ชั่นด่วนได้ด้วย โดยการตั้งค่าเริ่มแรกจะเป็นการเปิดไฟฉาย แต่ก็สามารถเข้าไปปรับเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้เช่น บันทึกเสียง, เปิดกล้องถ่ายรูป, หรือเปิดแอพพลิเคชั่น สามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า > เริ่มต้นใช้งานด่วน
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง
ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้
หน้าจอโค้งๆ อัตราส่วนกว้างถึง 99.6%
ในส่วนหน้าจอแสดงผลของ Vivo NEX 3 คือไฮไลท์ทีเด็ดของรุ่นนี้ก็ว่าได้ เพราะหน้าจอมีความโค้งสไตล์น้ำตก หรือทาง Vivo เรียกว่า Waterfall FullViewDisplay ถือว่าให้ความเป็นสมาร์ทโฟนพรีเมี่ยมระดับสูงมากๆ ทั้งนี้ยังเป็นพาแนล E3 Super AMOLED กว้างถึง 6.89 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ อัตราส่วนหน้าจอสูงถึง 99.6% เรียกว่าทั้งคมชัดทั้งกว้างเกือบไร้ขอบทีเดียว
ด้านการใช้งานถือว่ามีความคมชัดแบบสมบูรณ์ ด้วยความเป็นหน้าจอแบบ E3 Super AMOLED ทำให้สีและการแสดงผลดูสวยงาม และคมชัดมากๆ แสดงผลแบบ sRGB ได้ 100% และรองรับคอนเทนด์ HDR นอกจากนี้ใครที่กังวลว่าจอโค้งมากๆ ขนาดนี้ เมื่อจับใช้งานบางครั้งจะเกิดอาการลั่นแบบไม่ตั้งใจ แต่หลังจากจับใช้งาน Vivo NEX 3 ก็ถือว่ามีการจัดการเรื่องนี้ได้อย่างดีเยี่ยม ส่วนขอบโค้งขอบหน้าจอเกิดอาการลั่นได้ยากมากๆ สามารถจับใช้งานได้ตามปกติ
ขุมพลัง Snapdragon 855+ ใช้งานได้ลื่นสุดๆ
Snapdragon 855+ คือขุมพลังที่คอยขับเคลื่อนให้กับ Vivo NEX 3 ทำให้การใช้งานทุกอย่างมีความราบรื่นเป็นอย่างมาก การันตีจากผลคะแนน Antutu สูงระดับ 4 แสน แน่นอนว่าการใช้งานพื้นฐาน หรือการใช้งานที่กินสเปคมากๆ อย่างเช่นการเล่นเกม Vivo NEX 3 สามารถก็ใช้งานได้แบบไม่มีปัญหาทั้งหมด
ทดสอบการเล่นเกม
เรื่องการเล่นเกม Vivo NEX 3 สามารถตอบโจทย์การเล่นเกมได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะใช้ขุมพลังอย่าง Snapdragon 855+ ซึ่งเป็นขุมพลังตัวแรงที่สุดในฝั่งสมาร์ทโฟน Android ชนิดที่ว่าขนาดสมาร์ทโฟนเพื่อการเล่นเกมรุ่นใหม่ๆ ยังนำไปใช้ ก็ไม่แปลกใจเลยว่าหาก Vivo NEX 3 จะใช้เล่นเกมได้อย่างไหลลื่น
ทั้งนี้ยังมีระบบ Ultra Game Mode ค่อยปรับแต่งการเล่นเกมให้ไหลลื่นไปอีกขั้น พร้อมจัดการการแจ้งเตือนต่างๆ ส่วนการควบคุมความร้อนจะมีระบบ Vapor Chamber เป็นตัวจัดการความร้อนภายในตัวเครื่อง ซึ่งถือว่าจัดการกับความร้อนได้ดีระดับหนึ่ง
ในเกม ROV เวอร์ชั่นใหม่ เรียกว่า Vivo NEX 3 สามารถใช้เล่นได้แบบจัดเต็ม โดยภาพที่ออกมาก็มีความสวยงาม พร้อมปรับเฟรมเรตระดับสูงได้ ซึ่งทำเฟรมเรตไปได้ 60-61fps ไม่ว่าจะเข้าปะทะหนักๆ ใช้สกิลกันรัวๆ เฟรมเรตก็ยังไม่ตกให้เห็น แถมภาพที่ออกมายังมีความสวยลื่นตาระดับสูง
เกม PUBG Mobile ก็เป็นอีกเกมที่ใช้ Vivo NEX 3 เล่นได้แบบราบรื่น โดยการตั้งค่ากราฟฟิกสามารถตั้งค่าได้ถึงระดับ HDR HD และยังดันเฟรมเรตได้ถึงระดับ สูงสุด ทำให้การเข้าไปเล่นจริง ภาพที่ออกมาจะมีความสวยเป็นอย่างมาก และยังเล่นได้แบบลื่นตาจากเฟรมเรตระดับสูง เรียกว่าอยู่ในระดับที่ดีเยี่ยมมากๆ
สำหรับเกมรถแข่งกราฟฟิกสวยอย่าง Asphalt 9 ก็สามารถแสดงผลของกราฟฟิกได้แบบจัดเต็ม ด้วยการปรับการตั้งค่ากราฟฟิกระดับสูง และสามารถเล่นได้แบบไหลลื่น ถือว่าได้ทั้งภาพสวยถึงใจ พร้อมกับการเล่นที่เต็มอรรถรส
ระบบเสียง Hi-Fi ฟังเพลงผ่านหูฟังได้ลื่นหู
Vivo NEX 3 จะมาพร้อมชิปเสียง AK4377A และมีการปรับแต่งเสียงด้วยระบบ Hi-Fi จุดนี้จะมาช่วยในเรื่องการฟังเพลงผ่านหูฟังให้ลื่นหูมากยิ่งขึ้น ให้ประสบการณ์ฟังเพลงแบบจัดเต็ม และในการตั้งค่ายังมีการปรับแต่งเสียงใหม่เหมาะกันอายุของผู้ใช้งานอีกด้วย
ปุ่มข้างแบบใหม่ เทคโนโลยี Touch Sense
อีกเหตุผลที่ทำให้ Vivo NEX 3 มีหน้าจอที่โค้งสวยงามขนาดนี้ เป็นเพราะทาง Vivo มีการปรับแต่งปุ่มข้างแบบใหม่ เป็นระบบสัมผัส Touch Sense และมอเตอร์สั่น X-Axis Haptic ทำให้ปุ่มมีความเรียบเนียนไปกับตัวเครื่อง เป็นการเปิดประสบการณ์การใช้งานปุ่มข้างในแบบนี้ไม่มีมาก่อน โดยการใช้งานจริงปุ่มเพาเวอร์จะอยู่ตรงกลางมีผิวขรุขระ ด้านบนเป็นปุ่มเพิ่มเสียง และด้านล่างเป็นปุ่มลดเสียง เมื่อกดใช้งานต้องออกแรงกดนิดหน่อย และตัวเครื่องจะการสั่นตอบรับว่าปุ่มได้รับคำสั่งแล้ว ซึ่งถือว่าใช้งานได้อย่างง่ายดายไม่มีปัญหา
สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
ระบบรักษาความปลอดภัยของ Vivo NEX 3 จะมาพร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ โดยการใช้งานถือว่ามีความรวดเร็วสูงทีเดียว และสามารถสแกนได้แม้ว่านิ้วมือจะมีความชื่นก็ตาม นอกจากนี้ยังสามารถจดจำลายนิ้วมือได้ถึง 5 ลายนิ้วมือ
แบตเตอรี่ 4,500mAh ชาร์จเร็ว 22.5W
Vivo NEX 3 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 4,500mAh และมีเทคโนโลยี C-DRX เป็นตัวช่วยในการจัดการแบตเตอรี่ เพราะฉะนั้นการใช้งานพื้นฐานตลอดทั้งสามารถใช้ได้ไม่มีปัญหา ไม่พอแค่นั้นเนื่องจากระบบยังมีการรองรับการชาร์จเร็ว Vivo FlashCharge ขนาด 22.5W อีกด้วย
กล้องถ่ายรูป
ด้านการใช้งานกล้องถ่ายรูป Vivo NEX 3 ก็จัดเต็มมาให้แบบไม่กั๊ก ด้วยกล้องหลัง 3 เลนส์ แระกอบไปด้วยเลนส์หลัก ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล, เลนส์ Wide-Angle ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และเลนส์ Telephoto ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล เรียกว่ารองรับการถ่ายภาพแบบจัดเต็ม และยังมีการจัดวางบนโมดูลวงกลม หรือชื่อว่า Luna Ring Camera System ทำให้กล้องหลังมีความสวยงามทีเดียว
ในขณะที่กล้องหน้าเป็นดีไซน์แบบป็อปอัพ ซึ่งส่งผลให้หน้าไร้รอยแหว่งเป็นหน้าจอแบบเต็มจออย่างแท้จริง โดยกล้องหน้ามีความละเอียดถึง 16 ล้านพิกเซล และยังมีไฟแฟลชมาให้อีกด้วย ทำให้การถ่ายเซลฟี่มีความสวยงาม แหละเผยใบหน้าได้แบบชัดเจนจากไฟแฟลช
เพื่อเป็นการดึงประสิทธิภาพสูงสุดของกล้องหลัง 64 ล้านพิกเซล Vivo NEX 3 จึงมีโหมด 64 MP มาให้ใช้งาน โดยภาพที่ออกมาจะมีความสวยงามคมชัดมากกว่าปกติ และให้ความละเอียดภาพสูงถึง 9216 x 6912 พิกเซล ถ้าจะให้ดีควรนำภาพไปแสดงในหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพราะจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน
กล้องหลังจะสามารถถ่ายภาพมุมกว้างได้สูงถึง 120 องศา ด้วยเลนส์ Wide-Angle ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ช่วยเพิ่มการถ่ายภาพในรูปแบบใหม่ๆ ที่สำคัญสามารถสัมผัสโฟกัสเมื่อใช้งานมุมกว้างได้อีกด้วย ซึ่งภาพที่ออกมาก็ดูสวยงาม สามารถเก็บรายละเอียดได้เพิ่มมากขึ้น และภาพก็ชัดสมบูรณ์แบบ
แม้ว่ากล้องหลังของ Vivo NEX 3 จะไม่มีเลนส์มาโครมาด้วย แต่ก็ยังสามารถถ่ายรูปแบบมุมใกล้ได้อยู่ ด้วยความสามารถของเลนส์ Wide-Angle ที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นเลนส์ Macro ได้ในตัว ทำให้ถ่ายภาพมุมใกล้ได้ และถ่ายใกล้ได้ถึง 2.5 เซนติเมตร
เมื่อเจอสภาพย้อนแสง ก็สามารถนำ Vivo NEX 3 ใช้ถ่ายภาพได้ทันที เนื่องจากมีระบบ Hyper HDR ทำให้ถ่ายภาพในมุมย้อนแสงได้ดีขึ้น โดยบริเวณอับแสงจะมีการเผยรายละเอียดได้ค่อนข้างดี และดูเป็นธรรมชาติ
โหมด Portrait หรือโหมดภาพคน จะสามารถใช้งานได้ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง แต่การใช้งานจากกล้องหน้าภาพพื้นหลังจะไม่เบลอ (อาจจะมีอัปเดตในภายหลัง) แต่ยังปรับปต่งใบหน้าได้ตามปกติ โดยจะมีให้เลือกทั้ง ผิวนวล, โทนสีผิว, ปรับขาว, หน้าบาง, ปรับรูปทรงหน้า, กราม, ตาโต, ช่วงตา, หน้าผาก, ปรับรูปทรงจมูก, จมูกเรียว, จมูก, รูปปาก เรียกว่าการปรับแต่งใบหน้าค่อนข้างมีตัวเลือกที่เยอะทีเดียว
ในขณะที่กล้องหลัง เมื่อใช้งาน โหมดภาพคน ระบบจะสามารถทำภาพหน้าชัดหลังเบลอได้ ต่อเมื่อตรวจพบใบหน้าที่เป็นคนเท่านั้น และต้องเปิดโหมด มัว ตรงเมนูทางล่างขวาอีกด้วย นอกจากนี้การปรับแต่งใบหน้าจะมีตัวเลือกเหมือนการใช้งานจากกล้องหน้า และสามารถปรับแต่งรูปร่างได้อีกด้วย โดยมีตัวเลือก ปรับทั้งตัว, ศีรษะ, ไหล่, เอว, สูงขึ้น, ขา, สะโพก
โหมดกลางคืน จะช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อย หรือตอนกลางคืน สวยงามมากขึ้นด้วยระบบ Super Night Mode 2.0 ซึ่งจะเผยรายละเอียดได้อย่างสมบูรณ์แบบกว่าเวอร์ชั่นก่อนๆ ที่สำคัญระยะเวลาการประมวลผลหลังจากกดชัตเตอร์ ยังใช้เวลาเพียง 2 วินาทีเท่านั้น ทำให้ไม่ต้องถือเครื่องค้างเอาไว้นานๆ
คุณสมบัติการถ่ายภาพ
คุณสมบัติการบันทึกวิดีโอ
ขอขอบคุณ : Vivo Service (Thailand) Co.Ltd
ข้อมูลผู้ใช้ร่วมแสดงความเห็นกับ Vivo NEX 3
https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=460787
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : https://www.siamphone.com/spec/vivo/nex_3_5g.htm
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท