รีวิว Huawei Mate 30 Pro อีกสมาร์ทโฟนสุดครบเครื่อง โดนใจทั้งความแรง และกล้องถ่ายรูป!!

รีวิวโทรศัพท์มือถือ Huawei Mate 30 Pro - หัวเว่ย

ถึงเวลาปรับเปลี่ยนแนวคิดใหม่ๆ มองหาสิ่งใหม่ๆ ให้กับชิวิตไปกับ Huawei Mate 30 Pro สมาร์ทโฟนเรือธงสุดแรงจาก Huawei ที่มาพร้อมความแรง และความแปลกใหม่ในการใช้งานรอบด้านทั้งการใช้งานอย่างลื่นจากขุมพลัง Kirin 990 แบบ 7nm กล้องถ่ายรูปรวม 5 เลนส์ที่ถ่ายได้อย่างสวยงามถูกใจทุกช็อต พร้อมหน้าจอโค้งสุดใจ Horizontal Diaplay พาแนล OLED กว้างถึง 6.53 นิ้ว และแบตเตอรี่สุดอึด 4,500mAh รองรับชาร์จเร็ว Huawei SuperCharge 40W แต่เห็นอะไรๆ ก็ลงตัวเข้าที่เข้าทางไปเสียทั้งหมด ดันมาน้ำตาตกเพราะไม่มี GMS (Google Mobile Service) เฉยเลย ซึ่งมาดูกันดีกว่าว่า Huawei Mate 30 Pro กับช่วงเวลาแสนยากลำบากแบบนี้ การใช้งานยังพอไปรอดหรือไม่ ?

รูปลักษณ์ภายนอกLook & Design

ตัวเครื่อง Huawei Mate 30 Pro มีขนาด 158.1x73.1x8.8 มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 198 กรัม ถือว่าตัวเครื่องจะออกรูปทรงแบบยาวๆ และมีความโค้งรอบด้าน ทำให้จับใช้งานได้ถนัดมากขึ้น

หน้าจอแสดงผลแบบโค้ง 88 องศา Horizontal Display พาแนล OLED กว้าง 6.53 นิ้ว ความละเอยีด FHD+ (2400x1176 พิกเซล) เคลือบกระจก Gorilla Glass 6 และมีดีไซน์รอยแหว่งขนาดใหญ่

เหนือหน้าจอแสดงผลในบริเวณรอยแหว่ง มีกล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล พร้อมกับเซนเซอร์ 3D Depth Camera, Gesture Sensor และ Ambient Light & Proximity Snsor เพื่อใช้งานการสแกนใบหน้าอย่างแม่นยำ รวมไปถึงการสั่งการแบบ Smart Gesture

ล่างหน้าจอแสดงผล จะรองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และไม่มีปุ่มการใช้งานใดๆ ส่วนความหนาระหว่างหน้าจอกับตัวเครื่อง ถือว่ามีความบางมากทีเดียว

ข้างซ้ายตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มใช้งานใดๆ แต่มีแต่ความโค้งของขอบหน้าจอแสดงอยู่ แต่ทั้งนี้สามารถเลื่อนปรับเพิ่มลดเสียงได้อยู่ด้วยการสัมผัส

ข้างขวาตัวเครื่อง มีปุ่มเพาเวอร์ใช้ปิดเปิดเครื่อง หรือพักหน้าจอ ในขณะที่การเพิ่มลดเสียงแบบสัมผัสก็สามารถใช้งานกับฝั่งนี้ได้เช่นกัน

บริเวณส่วนบนตัวเครื่อง มีเซนเซอร์อินฟราเรตอยู่ทางซ้าย สำหรับใช้เป็นแทนรีโมตสั่งการอุปกรณ์อื่นๆ และรูทางขวาคือไมโครโฟน

ใต้ตัวเครื่อง มีพอร์ต USB Type-C อยู่ตรงกลาง ทางซ้ายเป็นช่องใส่ถาดซิมการ์ดรองรับ Nano SIM 2 ช่อง และขวาสุดเป็นลำโพงเสียง

ผลิกฝาหลังตัวเครื่อง ดีไซน์มีความสวยงามอย่างมากด้วยวัสดุอะลูมิเนียม ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 6 ส่วนกล้องหลังทั้ง 4 เลนส์ จะถูกจัดเรียงในแท่นโมดุลแบบวงกลม Halo Ring ดูสวยงาม บนซ้ายสุดเป็นไฟแฟลช รอบกล้องมีการเล่นโทนสีตัดกับฝาหลังตัวเครื่องสวยงาม

เมนู & ฟังก์ชันMenu & Function

สเปคทั้งหมดของ Huawei Mate 30 Pro

ขนาดตัวเครื่อง : 158.1x73.1x8.8 มิลลิเมตร
น้ำหนัก : 198 กรัม
หน้าจอแสดงผล : จอโค้ง Horizontal Display พาแนล OLED กว้าง 6.53 นิ้ว ความละเอยีด FHD+ (2400x1176 พิกเซล) เคลือบกระจก Gorilla Glass 6 และมีดีไซน์รอยแหว่งขนาดใหญ่
ชิปเซ็ต : Kirin 990 Octa-Core ความเร็ว 2.86GHz
ชิปกราฟฟิก : 16-Core Mali-G76
RAM : 8GB
ROM : 256GB สามารถเพิ่ม NM SD Card ได้สูงสุด 256GB
ระบบปฏิบัติการ : EMUI 10 บนพื้นฐาน Android 10 (แต่ใช้บริการ HMS)
กล้องหลัง 4 เลนส์ SuperSensing Cine พร้อมไฟแฟลช
- เลนส์ Cine Camera ความละเอียด 40MP รูรับแสง f/1.8
- เลนส์ SuperSensing Camera ความละเอียด 40MP รูรับแสง f/1.6, OIS
- เลนส์ Telephoto Camera ความละเอียด 8MP รูรับแสง f/2.4, OIS
- กล้องความลึก 3D
กล้องหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับอแสง f/2.0
รองรับซิมแบบ Nano SIM 2 ซิม สัญญาณ 4G
การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac (wave2), 2.4 GHz และ 5 GHz, Bluetooth 5.1, พอร์ต USB Type-C 3.1
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : IP68
ระบบเสียง : ลำโพงคู่
ระบบความปลอดภัย : สแกนใบหน้า 3 มิติ, สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
แบตเตอรี่ : 4,500mAh รองรับชาร์จเร็วแบบสาย 40W และไร้สาย 27W

RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน

สำหรับ Huawei Mate 30 Pro จะมีตัวเลือก RAM และ ROM เพียงตัวเลือกเดียวคือ 8GB + 256GB ราคา 28,990 บาท โดยพื้นที่เก็บข้อมูลภายในเมื่อเปิดเครื่องมาครั้งแรกจะพบว่า ระบบมีการกินพื้นที่ไปกว่า 14GB ทำให้เหลือพื้นที่ใช้งานจริงๆ ประมาณ 242GB เท่านั้น

ระบบปฏิบัติการ EMUI 10

ในด้านซอฟแวร์ Huawei Mate 30 Pro จะมาพร้อม EMUI 10 ซึ่งทำให้มีหน้าตาของ UI มีความทันสมัย ตัวหนังสือดูใหญ่ขึ้น มีการใช้โทนสีแบบ Morandi สวยงามกลมกลืนกับการโปร่งแสงได้อย่างลงตัว พร้อมใส่ลูกเล่นอนิเมชั่นเหมือนปุ่มกดในหน้าแอพพลิเคชั่น แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถใช้บริการ Google Service ได้ แม้ว่า EMUI 10 จะเป็นระบบปฏิบัติการบนพื้นฐาน Android 10 ก็ตาม

หน้าจอหลัก

HMS (Huawei Mobile Service)

การให้บริการต่างๆ ของ Huawei Mate 30 Pro จะเป็นแบบ HMS (Huawei Mobile Service) เนื่องจากไม่สามารถใช้งาน GMS (Google Mobile Service) ได้นั้นเอง โดยหลักๆ จากปกติจะเป็น Google Play Store ในการดาวน์โหลดแอพฯ ต่างๆ จะต้องใช้ AppGallery แทน ส่วนเบราว์เซอร์ก้ไม่สามารถใช้งาน Google Chrome ได้ ต้องมี Huawei Browser มารองรับแทนในจุดนี้ เอาเป็นว่าบริการต่างๆ จาก Google จะไม่สามรารถใช้ได้ทั้งหมดนั้นเอง
*** (ล่าสุดมีข่าวว่าสหรัฐฯ เตรียมให้ Huawei พ้นบัญชีดำ ทำให้ Huawei Mate 30 Pro อาจมีการอัปเดตให้ใช้งาน GMS ได้อีกครั้ง)

ไม่มี Google Play Store ทำอย่างไร ?

ว่ากันตรงๆ หลังจาก Huawei Mate 30 Pro ไม่สามารถใช้บริการ GMS ได้ ทำให้การดาวน์โหลดแอพฯ ผ่าน Google Play Store ไม่สามารถทำได้ แม้ว่าทาง Huawei จะมี AppGallery ให้บริการในการดาวน์โหลดแอพฯ แต่ส่วนใหญ่มีแต่แอพฯ ที่ใช้งานในประเทศจีนเป็นหลัก ซึ่งวิธีแก้ปัญหาก็ง่ายๆ คือ ดาวน์โหลดไฟล์แบบ APK มาติดตั้งยังทำได้อยู่ แต่อย่าไป Root เครื่องเด็ดขาดไม่งั้นจะหมดประกันทันที ส่วนเหล่าแอพฯ จาก Google จะโดนบล็อกการใช้งาน ยังไงก็ไม่สามารถใช้ได้

การควบคุม และสั่งการ

การควมคุมแบบ Gesture คือการสั่งการเริ่มต้นของ Huawei Mate 30 Pro โดยมีการทำงานด้วยการรูดหน้าจอด้านล่างขึ้นเพื่อกลับหน้าโฮม รูดขึ้นแล้วค้างเอาไว้เพื่อไปสู่หน้าแอพฯ ก่อนหน้า และรูดขอบหน้าจอซ้ายหรือขวาเพื่อย้อนกลับ แต่หากยังชอบการใช้งานแบบปุ่มนำทาง 3 ปุ่มอยู่ ก็สามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า > ระบบและการอัปเดต > การควบคุมทิศทางระบบ

โหมดมืด

สำหรับโหมดมืดของ EMUI 10 จะมีการใช้งานตอนกลางคืนที่สบายตามากยิ่งขึ้น ด้วยการปรับโทนสีของตัวหนังสือไม่ให้ขาวสว่างจนเกินไป สามารถเข้ากับธีมพื้นหลังสีดำได้ลงตัว สามารถเปิดโหมดมืดได้ที่ การตั้งค่า > จอแสดงผลและความสว่าง > โหมดมืด

Always On Display

Always On Display คือโหมดการแสดงข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ เมื่อเครื่องกำลังอยู่ในโหมดพักหน้าจอแสดงผล โดยจะสามารถแสดงวันเวลา, แบตเตอรี่ และการแจ้งเตือน ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องปลดล็อกเข้าใช้งานก็สามารถรับรู้ข้อมูลที่จำเป็นได้ และสามารถเลือกเปิดตลอด หรือเลือกช่วงเวลาที่กำหนดเองได้เช่นกัน สามารถเปิดการใช้งานโหมด Always On Display ได้ที่ การตั้งค่า > หน้าจอหลัก & วอลเปเปอร์ > แสดงเสมอ

จุดเด่นน่าสนใจSpecial & Features

หน้าจอ Horizontal Display โค้งสวยงาม

ความสวยงามของ Huawei Mate 30 Pro จะอยู่ที่หน้าจอแสดงผลนี้เลย โดยเป็นหน้าจอแบบโค้ง 88 องศา Horizontal Display พาแนล OLED กว้าง 6.53 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ซึ่งนอกจากจะมีความสวยงามจะให้การแสดงผลที่คมชัด สีสันสดใส และแม้ว่าหน้าจอจะโค้งขนาดนั้น แต่การจับใช้งานก็ยังใช้งานได้อย่างสะดวก อาการลั่นเกิดขึ้นได้ยากพอสมควร

เพิ่มเสียงลดเสียง ด้วยการสัมผัสข้างหน้าจอ

ด้วยความเป็นหน้าจอโค้งแบบ Horizontal Display ทำให้ปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียงโดนตัดออกไป แต่ Huawei ก็ทดแทนด้วยการใช้งานสุดล้ำอย่าง การสัมผัสข้างหน้าจอ และสามารถใช้งานทั้งฝั่งซ้าย และฝั่งขวา โดยการเริ่มใช้งานสามารถทำได้ด้วย แตะที่ข้างหน้าจอ 2 ครั้ง จากนั้นเลื่อนขึ้นเพื่อเพิ่มเสียง หรือเลื่อนลงเพื่อลดเสียง

Smart Gesture

นี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการสังการแบบไม่ต้องสัมผัสหน้าจอก็ว่าได้ โดยฟีเจอร์ Smart Gesture จะเป็นการสั่งการด้วยท่าทางกลางอากาศ และจะถูกเริ่มใช้งานกับ Huawei Mate 30 Pro ส่วนการใช้งานจะมี 3 แบบในช่วงแรกคือ แคปหน้าจอ เลื่อนหน้าจอขึ้นลง การใช้งาน 2 อย่างหลังดูจะยังติดๆ ขัดๆ ใช้นิ้วไถหน้าจอเหมือนเดิมจะดูง่ายกว่า

แคปหน้าจอ = แบมือตรงบริเวณรอยแหว่งเซนเซอร์ 3 มิติ จนเห็นสัญลักษณ์แบบมือตรงด้านบนหน้าจอ > จากนั้นกำมือ

ชิปเซ็ต Kirin 990

Kirin 990 ถือว่าเป็นขุมพลังตัวแรงรุ่นใหม่จาก Huawei ที่มาพร้อมประสิทธิภาพการทำงานเต็มรูปแบบ ทั้งการประมวลผลที่รวดเร็ว การทำงาน AI แสนฉลาด ช่วยในเรื่องการแสดงผลที่คมชัด และช่วยในเรื่องกล้องถ่ายรูปที่สวยงามมากขึ้น และใช้งานในด้านเล่นเกมได้แบบราบรื่น เรียกว่าเป็นอีกขุมพลังรุ่นท็อปที่ไว้ใจได้มากทีเดียว

ทดสอบการเล่นเกม

ในการทดสอบเล่นเกม ได้ใช้เกม Fortnite ในการทดสอบ โดยตัวค่อนข้างต้องการสเปคที่สูงพอสมควร ถึงจะเล่นได้แบบราบรื่นซึ่งก่อนการเล่นจริงมีการปรับกราฟฟิกระดับ High และเฟรมเรตสูงสุดที่ 30fps ก็เรียกว่า Huawei Mate 30 Pro ไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถใช้เล่นได้แบบสบายๆ เฟรมเรตไม่ตก และยังคงความละเอียดของภาพไว้ได้อย่างดี

แบตเตอรี่ 4,500mAh ชาร์จเร็วทั้งแบบสาย และไร้สาย

Huawei Mate 30 Pro จะพกแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 4,500mAh และมีการจัดการแบตเตอรี่ที่ระดับดีเยี่ยมจากขุมพลัง Kirin 990 ทำให้สามารถใช้งานพื้นฐานได้ตลอดทั้งวันแบบสบายๆ จากที่ทดลองใช้ดูวิดีโอ Youtube ผ่าน Huawei Browser ระยะเวลา ประมาณ 22 นาที แบตเตอรี่จาก 49% ลดลงมาเหลือ 46% เท่านั้น นอกจากนี้ในเรื่องการชาร์จแบตเตอรี่ ยังรองรับการชาร์จเร็ว Huawei SuperCharge ผ่านสายสูงถึง 40W และแบบไร้สายสูงถึง 27W

กล้องถ่ายรูป

การใช้งานกล้องถ่ายรูปยังคงเป็นอีกความโดดเด่นของ Huawei Mate 30 Pro โดยมีการใส่กล้องรวมมาถึง 5 เลนส์ พร้อมการร่วมพัฒนากับ Leica เช่นเคย ในส่วนกล้องหลังจะมาพร้อมกันถึง 4 เลนส์แบบ SuperSensing Cine ใช้ถ่ายภาพได้ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะถ่ายรูปนิ่ง หน้าชัดหลังเบลอหรือวิดีโอสูงสุดถึง 4K ที่ 60fps กลางวันหรือกลางคืน การซูมก็ทรงพลังสามารถซูมได้ถึง 30 เท่าแบบดิจิทัล ไฮบริด 5 เท่า และออฟติคัล 3 เท่า

ในขณะที่กล้องหน้า ก็ให้ความละเอียดแบบจัดเต็มถึง 32 ล้านพิกเซล ช่วยให้ถ่ายเซลฟี่ได้สวยงาม มีระบบปรับแต่งหน้าสวยที่สมบูรณ์แบบ และยังใช้ถ่ายภาพบุคคลหน้าชัดหลังเบลอได้เนียนอยู่ พร้อมรองรับไฟเอฟเฟค Bokeh หลากหลายแบบเช่นเปลี่ยน รูปหัวใจ, วงกลม, การหมุน, แผ่นดีสก์ เป็นต้น

AI Camera

ระบบ AI Camera ถือว่าเป็นจุดเด่นของสมาร์ทโฟน Huawei อย่างมากในช่วงหลัง แต่บน Huawei Mate 30 Pro จะความฉลาด รวดเร็ว และสามารถระบุสิ่งที่กำลังถ่ายได้อย่างรวดเร็ว โดยการทำงานจะเป็นแบบอัตโนมัติ สามารถเปิดปิดโหมดได้ทางโลโก้ AI ทางด้านบน

โหมดมุมกว้าง

การใช้งานมุมกว้าง ก็ยังให้ความสวยงามในระดับดีเยี่ยม และยังให้มุมกว้างเก็บราบละเอียดเพิ่มเติมได้อย่างดี ส่วนการเริ่มใช้งานโหมดมุมกว้าง ก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงเลื่อนการซูมเป็น 0.5x ก็จะเป็นการใช้งานโหมดมุมกว้างทันที นอกจากนี้โหมดมุมกว้างยังสามารถใช้งานร่วมกับโหมดกลางคืนได้อีกด้วย

โหมดมุมกว้าง

มุมแคบ 1x

โหมดภาพบุคคล และหน้าชัดหลังเบลอ

โหมดภาพบุคคล ถือว่ามีความเนียนที่สวยงาม พร้อมกับการเบลอพื้นหลังตัดกับส่วนหน้าที่ลงตัว โดยการใช้งานสามารถใช้งานได้ได้ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง พร้อมกับการปรับแต่งใบหน้าสวยงาม รวมไปถึงใส่เอฟเฟคแสงไฟเพิ่มเติม ทั้งนี้ยังมีโหมดหน้าชัดหลังเบลอด้วยการปรับรูรับแสง ทำให้เบลอวัตถุที่ไม่ใช่ใบหน้ามนุษย์ได้อีกทาง

โหมดกลางคืน

การถ่ายรูปตอนกลางคืน หรือที่แสงน้อย Huawei Mate 30 Pro จะมีโหมดกลางคืนมารองรับให้ใช้งาน ซึ่งภาพที่ออกมาก็จะเพิ่มความสว่างให้กับภาพในตอนกลางคืน เผยรายละเอียดให้เห็นได้ชัดเจน และลด Noise ภายในภาพได้พอสมควร ส่วนการใช้งานเมื่อกดชัตเตอร์จะต้องรอการประมวลผลจากกล้องประมาณ 5 วินาที (ขึ้นอยู่กับสภาพแสงในช่วงนั้น)

ถ่ายวิดีโอ Slo-Mo ที่ 7680fps

ด้านการถ่ายวิดีโอนอกจาก Huawei Mate 30 Pro จะสามารถถ่ายวิดีโอได้สูงถึง 4K ที่ 60fps จากกล้องหลังแล้ว ยังสามารถถ่ายวิดีโอแบบ Slo-Mo ความละเอียด HD เฟรมเรตที่ 7680fps อันนี้บอกก่อนว่าไม่ได้เขียนผิดแต่อย่างใดๆ สามารถบันทึกวิดีโอ Slo-Mo เฟรมเรต 7680fps จริงๆ ส่วนการใช้งานจะเป็นเช่นใด ดูได้จากวิดีโอทางด้านล่าง

คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง

ความละเอียดภาพถ่ายกล้องหลัง : 7296 x 5472 (4:3-40MP), 3648 x 2736 (4:3-10MP), 2736 x 2736 (1:1-7MP), 3648 x 1712 (19.5:9-6MP) พิกเซล
ความละเอียดภาพถ่ายจากกล้องหน้า : 6528 x 4896 (4:3-32MP), 4896 x 4896 (1:1-24MP), 6528 x 3072 (19.5:5-20MP) พิกเซล
โหมดถ่ายรูป : รูปถ่าย, ภาพบุคคล, กลางคืน, รูรับแสง, มือโปร, พาโนรามา, ภาพขาวดำ
HiVision : เปิด, ปิด
AI Camera : เปิด, ปิด
ไฟแฟลช : อัตโนมัติ ,เปิด, ปิด, เปิดค้าง
สีของภาพ : Leica มาตรฐาน, Leica คมชัด, Leica เรียบเนียน, เร้าอารมณ์, การอัด, ND, สดใส, สีน้ำเงิน, แผ่รัศมี, ครุ่นคิด, สว่าง
แท็กตำแหน่ง : เปิด, ปิด
เพิ่มลายน้ำอัตโนมัติ : เปิด, ปิด
ตารางบนกล้อง : เปิด, ปิด
การสะท้อนกระจก (เฉพาะกล้องหน้า) : เปิด, ปิด
ปิดเสียง : เปิด, ปิด
ตัวจับเวลา : ปิด, 2, 5, 10 วินาที
ควบคุมเสียง : เปิด, ปิด
จับภาพรอยยิ้ม : เปิด, ปิด

คุณสมบัติการถ่ายภาพวีดีโอ

ความละเอียดของภาพวีดีโอจากกล้องหลัง : 3840 x 2160 (4K-16:9), 2336 x 1080 (1080p-เต็ทจอ), 1920 x 1080 (1080p-16:9), 2560 x 1080 (1080p-21:9), 1680 x 720 (720p-16:9) พิกเซล เฟรมเรต 30 / 60fps ทั้งหมด
ความละเอียดของภาพวิดีโอจากกล้องหน้า : 2336 x 1080 (1080p-เต็มหน้าจอ), 1920 x 1080 (1080p-16:9), 1280 x 720 (720p-16:9) พิกเซล เฟรมเรต 30fps ทั้งหมด
โหมดต่างๆ : วิดีโอ, สโลว์-โม, เลนส์ AR, ภาพวาดด้วยแสง, หน่วงเวลา, ภาพเคลื่อนไหว,
ไฟแฟลช : ปิด, เปิดค้าง
สีของภาพ : Leica มาตรฐาน, Leica คมชัด, Leica เรียบเนียน, สี AI, เบลอพื้นหลัง, ระงับ, สด, เร้าอารมณ์, การอัด, ND, สดใส, สีน้ำเงิน, แผ่รัศมี, ครุ่นคิด, สว่าง
แท็กตำแหน่ง : เปิด, ปิด
เพิ่มลายน้ำอัตโนมัติ : เปิด, ปิด
ตารางบนกล้อง : เปิด, ปิด
ระดับแนวนอน : เปิด, ปิด
ปิดเสียง : เปิด, ปิด