รีวิว Huawei P40 Pro+ 5G กล้อง AI สุดฉลาดมีโหมดลบคนเดินผ่านได้ พร้อมประสิทธิภาพในการซูมแบบ Optical ถึง 10 เท่า

โดย ปิตุภูมิ นันทวิทยา โดย สิรภพ ผิวทอง

ปรับขนาดตัวอักษร - ก +ก

รีวิวโทรศัพท์มือถือ Huawei P40 Pro+ 5G - หัวเว่ย

Huawei อัดความเทพไปอีกขั้นให้กับตระกูล P ด้วยการส่ง Huawei P40 Pro+ 5G ซึ่งเป็นรุ่นใหญ่สุดในบรรดา P40 Series แน่นอนว่าความเป็นรุ่นใหญ่ต้องมาธรรมดาไม่ได้แน่ๆ โดยมาพร้อมความจัดเต็มรอบด้าน ใช้ชิปเซ็ตตัวแรงอย่าง Kirin 990 5G ใช้หน้าจอแสดงผล OLED กว้าง 6.58 นิ้ว อัตรา Refresh Rate ที่ 90Hz และความโดดเด่นของกล้องถ่ายรูป ที่มาพร้อมกล้องหลังแบบ Leica Penta Camera ความละเอียดสูงสุด 50MP ใช้ถ่ายรูปได้ทุกสภาพแสง มุมกว้างมุมใกล้ได้หมด และมีเลนส์ SuperZoom สามารถซูมแบบ Optical ได้ถึง 10 เท่า และซูมได้สูงสุด 100 เท่า ส่วนกล้องหน้าก็เป็นกล้องหน้าคู่ ความละเอียด 32MP + กล้อง Depth ทำให้ถ่ายหน้าชัดหลังเบลอจากการเซลฟี่ได้อย่างสวยงาม

รูปลักษณ์ภายนอกLook & Design

ตัวเครื่องของ Huawei P40 Pro+ 5G มีขนาด 158.2x72.6x9 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 226 กรัม ถือว่าตัวเครื่องกำลังจับใช้งานได้อย่างถนัด แต่อาจจะมีน้ำหนักมากอยู่เล็กน้อย

หน้าจอแสดงผลเป็นแบบโค้ง Curve Overflow Display ใช้พาแนล OLED กว้าง 6.58 นิ้ว ความละเอียด 2640x1200 พิกเซล มีอัตรา Refresh Rate ที่ 90Hz และมีดีไซน์รอยแหว่งแบบจอเจาะรูขนาดใหญ่ นอกจากนี้หน้าจอยังมีการกินพื้นที่ตัวเครื่องไปมากทีเดียว ทำให้หน้าจอดูกว้างแบบเกือบไร้ขอบ

เหนือหน้าจอแสดงผล จอเจาะรูจะอยู่บริเวณมุมบนซ้ายของหน้าจอ ในนั้นมีกล้องหลัง 2 เลนส์ ความละเอียด 32MP และกล้อง Depth ทั้งนี้ยังมีเซนเซอร์ IR Camera เพื่อการสแกนใบหน้าตอนกลางคืนที่แม่นยำ ส่วนลำโพงสำหรับการสนทนาจะโดนตัดออกไป และใช้เทคโนโลยีหน้าจอสั่นให้เกิดเสียงแทน

ล่างหน้าจอแสดงผล จะรองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และไม่มีปุ่มการใช้งานใดๆ โดยปุ่มนำทางจะมาในรูปแบบซอฟแวร์

ข้างซ้ายตัวเครื่อง ไม่มีปุ่ม หรือพอร์ตการใช้งานใดๆ

ข้างขวาตัวเครื่อง มีปุ่มใช้งานมาตรฐาน 3 ปุ่มคือ ปุุ่มยาวเป็นปุ่มเพิ่มเสียง และลดเสียง ในขณะที่ปุ่มเล็กคือปุ่มเพาเวอร์ มีการแต้มสีปุ่มเป็นสีส้ม

ส่วนบนตัวเครื่อง มีช่องเซนเซอร์อินฟาเรตสำหรับเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเป็นรีโมตควบคุมอุปกรณ์อิเล็กซ์ทรอนิกส์อื่นๆ และข้างขวาเป็นรูไมโครโฟน

ส่วนใต้ตัวเครื่อง ข้างซ้ายสุดเป็นช่องใส่ถาดซิมการ์ด โดยเป็นแบบ Hybrid สามารถใส่ซิมแบบ Nano SIM ได้ 2 ช่อง ถัดมาทางขวาเป็นรูไมโครโฟน ตรงกลางเป็นพอร์ต USB Type-C และขวาสุดเป็นลำโพง

ผลิกมาที่ฝาหลัง การจัดวางกล้องหลัง Leica Penta Camera ทั้งหมด รวมถึงไฟแฟลช จะถูกจัดวางบนแท่นสี่เหลี่ยมผืนผ้า บริเวณมุมบนซ้ายของฝาหลัง ส่วนวัสดุของฝาหลังจะใช้เป็นเซรามิก ซึ่งมีความแข็งแกร่งสูง และรุ่นที่วางขายในประเทศไทยจะเป็น Caremic White ดูพรีเมี่ยมเอามากๆ

เมนู & ฟังก์ชันMenu & Function

สเปคทั้งหมดของ Huawei P40 Pro+ 5G

ขนาดตัวเครื่อง : 158.2x72.6x9 มิลลิเมตร
น้ำหนัก : 226 กรัม
หน้าจอแสดงผล : จอโค้ง Curve Overflow Display พาแนล OLED กว้าง 6.58 นิ้ว ความละเอียด 2640x1200 พิกเซล จอโค้งแบบ Overflow Display อัตรา Refresh Rate ที่ 90Hz และดีไซน์รอยแหว่งแบบจอเจาะรูขนาดใหญ่
ชิปเซ็ต : Kirin 990 5G แบบ Octa-Core ความเร็ว 2.86GHz
RAM : 8GB
ROM : 512GB สามารถเพิ่ม SD NM ได้สูงสุด 256GB
ระบบปฏิบัติการ : EMUI 10.1 บนพื้นฐาน Android 10
กล้องหลัง 5 เลนส์ พร้อมไฟแฟลช
- เลนส์ Ultra Wide Cine ความละเอียด 40MP รูรับแสง f/1.8
- เลนส์ Ultra Vision Wide ความละเอียด 50MP รูรับแสง f/1.9 OIS
- เลนส์ SuperZoom ความละเอียด 8MP (240mm) รูรับแสง f/4.4
- เลนส์ Telephoto ความละเอียด 8MP (80mm) รูรับแสง f/2.4 OIS
- เลนส์ 3 มิติ ToF Depth
กล้องหน้าคู่ : ความละเอียด 32MP + Depth Camera
เครือข่าย : รองรับ Nano SIM 2 ซิม บน 5G / 4G / 3G / 2G
การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 6, Bluetooth 5.1, GPS, NFC, พอร์ต USB Type-C 3.1
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : IP68
ระบบความปลอดภัย : สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ, สแกนใบหน้า (มีเซนเซอร์ IR)
แบตเตอรี่ : 4,200mAh รองรับชาร์จเร็ว 40W (SuperCharge)

RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน
ตัวเลือก RAM และ ROM ของ Huawei P40 Pro+ 5G มีเพียงตัวเลือกเดียวคือ RAM 8GB + ROM 512GB เมื่อเปิดเครื่องมาครั้งแรก ระบบจะมีการกินพื้นที่ไปกว่า 16GB ทำให้เหลือใช้งานจริงๆ ประมาณ 496GB ก็ถือว่าเยอะเอามากๆ กับความจุระดับนี้ แถมยังเพิ่ม SD NM ได้สูงสุดอีก 256GB

ระบบปฏิบัติการ
EMUI 10.1 บนพื้นฐาน Android 10 จะเป็นระบบปฏิบัติการตั้งแต่แกะกล่องของ Huawei P40 Pro+ 5G ทำให้การใช้งาน และฟีเจอร์ต่างๆ จะเป็นแบบใหม่ทั้งหมด อย่างไรก็ตามอย่างที่ทราบกันดีสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ของ Huawei จะไม่ถูกติดตั้ง GMS หรือ Google Mobile Service มาด้วย ซึ่ง Huawei P40 Pro+ 5G ก็เป็นหนึ่งในนั้น ทำให้ไม่สามารถใช้งานแอพฯ ต่างๆ ที่เป็นของ Google ได้ทั้งหมด แต่ก็ยังสามารถติดตั้งได้ด้วยตนเองในภายหลัง

หน้าจอหลัก
ด้วยความเป็น EMUI 10.1 ทำให้หน้าจอหลักจะเน้นความเรียบง่าย และมีอะนิเมชั่นแบบใหม่เพิ่มขึ้นมาจาก EMUI 10 ที่เห็นชัดๆ ก็จะเป็นการเลื่อนปิดแอพฯ จากหน้าต่างแอพฯ ก่อนหน้า

การใช้งาน Multi Windows
ความพิเศษของ EMUI 10.1 จะทำให้ Huawei P40 Pro+ 5G มีฟีเจอร์ถาดเก็บแอพฯ ด้วยเพื่้อเริ่มใช้งานแอพฯ อื่นๆ ได้ทันที โดยวิธีการเปิดถาดคือ เลื่อนหน้าจอจากทางซ้าย หรือขวาแล้วค้างเอาไว้ หากกดลงไปที่แอพฯ 1 ครั้ง จะเป็นการเปิดแอพฯ แบบป็อปอัพ หรือกดค้างที่แอพฯ และเลื่อนออกมาข้างนอก จะเป็นการแบ่งหน้าจอบนล่างทันที (จะใช้งานกับแอพฯ ที่รองรับเท่านั้น)

AppGallery
ในเมื่อไม่มี Google Play Store ทาง Huawei P40 Pro+ 5G ก็จะมี AppGallery ให้ใช้งานแทน ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์ม HMS หรือ Huawei Mobile Service เพื่อดาวน์โหลดแอพฯ ต่างๆ มาใช้งาน ซึ่งแอพฯ หลักๆ ที่ใช้งานกันประจำอาจยังไม่มีให้ดาวน์โหลดแบบครบถ้วน แต่ Huawei ก็เริ่มจับมือกับบริษัทต่างๆ เพื่อให้แอพฯ ที่จำเป็นๆ มีให้ดาวน์โหลดใน AppGallery ล่าสุดเป็นแอพฯ ในเครือ Line ที่เปิดให้ดาวน์โหลดใน AppGallery

*** ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดไฟล์ .apk มาติดตั้งเองได้ หากแอพฯ ที่ต้องการไม่อยู่ใน AppGallery

โหมดมืด
โหมดมืด จะเป็นการเปลี่ยนธีมเป็นสีดำ และตัวหนังสือต่างๆ จะเป็นสีสว่าง ช่วยให้ใช้งานตอนกลางคืนได้แบบสบายตามากขึ้น และยังเป็นการประหยัดพลังงานได้อีกทาง เพราะหน้าจอของ Huawei P40 Pro+ 5G เป็นพาแนล OLED สามารถไปเปิดใช้งานได้ที่ การตั้งค่า > จอแสดงผลและความสว่าง > โหมดมืด

Always On Display
เมื่อ Huawei P40 Pro+ 5G ถูกพักหน้าจอ ก็มีโหมด Always On Display ช่วยให้ผู้ใช้งานได้ทราบข้อมูลเบื้องต้น โดยที่ไม่ต้องปลุกหน้าจอขึ้นมาใช้งาน และยิ่งเป็น EMUI 10.1 ก็มีรูปแบบของ Always On Display ให้เลือกใช้งานมากขึ้น สามารถไปเปิดใช้งานได้ที่ การตั้งค่า > หน้าจอหลัก & วอลเปเปอร์ > แสดงเสมอ

การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง

ผลการทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วย AnTuTu Benchmark v8.3.1 ได้ 489,426 คะแนน
ผลการทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วย GeekBench 5 ได้คะแนน Single Core 761 คะแนน และ Multi Core 3032 คะแนน
ผลการทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมด้วย 3DMark (Sling Shot Extreme) OpenGL ได้ 5,655 คะแนน และ Vulkan ได้ 5,463 คะแนน
ผลตรวจสอบระบบสัมผัสหน้าจอแบบ Multitouch สูงสุด 10 จุด

ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้

Accelerometer Sensor ตรวจวัดความเร่งจากการโน้มเอียง
Light Sensor ตรวจจับแสงสว่าง
Orientation Sensor เซ็นเซอร์ปรับมุมมองหน้าจอ (คล้ายตัววัดระดับน้ำ)
Proximity Sensor ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนาแนบหู
Gyroscope Sensor เซนเซอร์ตรวจจับลักษณะการหมุนของสมาร์ทโฟน
Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
Magnetic Sensors เซ็นเซอร์ตรวจจับแม่เหล็ก

จุดเด่นน่าสนใจSpecial & Features

ใช้วัสดุเซรามิก สเปคแรงจัดเต็ม รองรับสัญญาณ 5G
Huawei P40 Pro+ 5G จะมีความพิเศษกว่า Huawei P40 Series รุ่นอื่นๆ โดยหนึ่งในนั้นเป็นวัสดุที่ใช้กับฝาหลัง ซึ่ง Huawei P40 Pro+ 5G จะถูกผลิตออกมาแบบพิเศษ และใช้วัสดุจากเซรามิกในการผลิต ทำให้ฝาหลังตัวเครื่องมีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ

ส่วนสเปคภายในก็สามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็ว เพราะมีชิปเซ็ต Kirin 990 5G ในการขับเคลื่อน รองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ และยังมีระบบ AI ทั้ฉลาดล้ำ ช่วยให้ผู้ใช้งานใช้งานได้สะดวกมากขึ้น ทั้งนี้ Huawei P40 Pro+ 5G ยังรองรับการใช้งานสัญญาณ 5G พร้อมให้ผู้ใช้งานได้เปิดประสบการณ์ความเร็วระดับ 5G จากผู้ให้บริการในประเทศไทยทุกราย

หน้าจอโค้งสวยงาม กว้าง 6.58 นิ้ว มีอัตรา Refresh Rate ที่ 90Hz
หน้าจอแสดงผลของ Huawei P40 Pro+ 5G จะเป็นแบบโค้งทั้ง 4 ด้าน ซึ่งให้ความสวยงามเป็นอย่างมาก และยังใช้พาแนล OLED กว้างถึง 6.58 นิ้ว ความละเอียด 2640x1200 พิกเซล ซึ่งใช้รับชมคอนเทนวิดีโอได้แบบสบายๆ แต่อีกจุดเด่นนั้นก็คืออัตรา Refresh Rate ที่ 90Hz ทำให้การสัมผัส และการแสดงผลออกมา มีความลื่นกว่า Huawei P30 Pro อย่างมาก

ทดสอบการเล่นเกม
ขุมพลัง Kirin 990 5G ถือว่าทรงพลังเอามากๆ รองรับการเล่นเกมแบบจัดเต็ม พร้อมแรงบวกจากระบบ GPU Turbo ที่ช่วยให้เล่นเกมที่รองรับได้แบบราบรื่น พร้อมเฟรมเรตระดับสูง ทั้งนี้ยังมีระบบควบคุมความร้อนอย่าง SuperCool จาก Graphene 3D และ VC ทำให้เล่นเกมหนักๆ ได้แบบสบายๆ หายห่วงเรื่องความร้อน

PUBG Mobile
ในเกม PUBG Mobile สามารถปรับกราฟฟิกได้ถึง HDR HD และดันเฟรมเรตในระดับ Ultra ได้ ซึ่งการเล่นจริงก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ตัวเกมมีความไหลลื่น และไม่มีเฟรมเรตตกให้เห็น และยิ่งได้หน้าจอ Refresh Rate ที่ 90Hz ไปอีก ช่วยเป็นต่อในการเล่นพอสมควร

ROV
ROV ก็สามารถใช้เล่นได้แบบสบายๆ ด้วยการปรับกราฟฟิกระดับสูง และดันเฟรมเรตระดับสูงเช่นกัน โดยในการเล่นจริงก็ทำเฟรมเรตที่ 60fps ตลอดเวลา เรียกว่าไหลลื่นตลอดทั้งเกม

Fortnite
เป็นอีกเกมที่ค่อนข้างกินสเปคพอสมควร แต่ Huawei P40 Pro+ 5G ก็เอาอยู่หมัด สามารถปรับกราฟฟิกระดับสูง และใช้เฟรมเรตระดับ 30fps ได้สบายๆ (Fortnite ให้ปรับเฟรมเรตสูงสุดที่ 30fps)

ระบบความปลอดภัย
Huawei P40 Pro+ 5G จะมาพร้อมระบบความปลอดภัยทั้ง การสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และการสแกนใบหน้า โดยการสแกยลายนิ้วมือบนหน้าจอ จะถูกขยับให้สูงขึ้น และเพิ่มพื้นที่ในการสแกนให้มากขึ้น ซึ่งการใช้งานก็ถือว่ามีความรวดเร็ว และจับสแกนได้สะดวกมากขึ้น

ส่วนการสแกนใบหน้า จะมีความแม่นยำมากกว่าเดิม เนื่องจากกล้องหน้าจะมาพร้อมเซนเซอร์ IR Camera ช่วยให้สแกนใบหน้าในตอนกลางคืนได้อย่างแม่นยำ จากที่ลองใช้งานก็สามารถสแกนใบหน้าได้ถูกสภาพแสงจริงๆ

แบตเตอรี่ 4,200mAh รองรับชาร์จไว 40W
เรื่องของแบตเตอรี่มาพร้อมขนาดใหญ่ 4,200mAh ทำให้การใช้งานพื้นฐานยังใช้งานได้ยาวนานเหมือนเดิม ทั้งนี้ยังมีการทำงานร่วมกับ AI ในการจัดการพลังงาน เพื่อให้ใช้งานได้อย่างยาวนานมากขึ้น ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่จะรองรับการชาร์จเร็วแบบ SuperCharge ถึง 40W และรองรับการชาร์จแบบไร้สาย 27W

ประสิทธิภาพจากการใช้งานกล้องถ่ายรูป
ความโดดเด่นที่สุดของ Huawei P40 Pro+ 5G จะอยู่ที่กล้องถ่ายรูป โดยกล้องหลังมาพร้อมกันถึง 5 เลนส์แบบ Leica Penta Camera ช่วยเปิดประสบการณ์การใช้งานกล้องแบบใหม่ ชนิดที่หาไม่ได้จากรุ่นอื่น ซึ่งแต่ละเลนส์ประกอบไปด้วย เลนส์ Ultra Vision ความละเอียด 50MP ใช้เซนเซอร์ 1/1.28 นิ้ว และมีตัวกรองสีแบบ RYYB ช่วยให้ถ่ายภาพได้แบบคมชัด, เลนส์ต่อมาเป็นเลนส์ Ultra Wide Cine ความละเอียด 40MP สนับสนุนให้ถ่ายภาพมุมกว้างทั้งวิดีโอ และภาพนิ่ง, เลนส์ SuperZoom ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการซูม โดยซูมได้สูงสุดถึง 100 เท่า และซูมแบบ Optical ได้ 10 เท่า สุดท้ายเป็นเลนส์ Depth Sensing แบบ 3D คอยตรวจจับความลึกแบบเรียลไทม์ และปรับเอฟเฟกต์โบเก้ให้มีความสวยงาม

ส่วนกล้องหน้า จะเป็นแบบกล้องหน้าคู่ ความละเอียด 32MP + Depth Camera ทำให้เซลฟี่ได้อย่างสวยงาม รวมไปถึงการเบลอพื้นหลังที่เป็นธรรมาชาติจากการถ่ายภาพแนว Portrait อย่างไรก็ตามกล้องถ่ายรูปทั้งหมด อาจจะดูมีความละเอียดพิกเซลที่ไม่มากเท่าไหร่ แต่จุดเด่นจริงๆ ของ Huawei P40 Pro+ 5G ระบบ AI ที่มีความฉลาด และช่วยให้การถ่ายรูปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเป็นมือโปรก็สามารถถ่ายภาพได้อย่างสวยงาม

ความละเอียดสูง
โหมดความละเอียดสูง จะเป็นการดึงประสิทธิภาพของเลนส์ Ultra Vision ความละเอียด 50MP ให้ออกมามากที่สุด โดยไฟล์ภาพที่ออกมาจะมีความละเอียดระดับ 8192x6144 พิกเซล ซึ่งเป็นไฟล์ที่สูงมากๆ ทั้งนี้ยังใช้งานโหมดความละเอียดสูง ร่วมกับระบบ AI ได้ด้วย ทำให้ได้ภาพที่มีความละเอียดสูง และยังได้ภาพที่สวยงาม

โหมดมุมกว้าง
เรื่องของมุมกว้างเก็บรายละเอียดด้านข้างได้มากขึ้น เป็นสิ่งที่ Huawei ทำมาได้ดีในหลายๆ รุ่น และ Huawei P40 Pro+ 5G ก็ไม่มีผิดหวัง แถมยังได้ภาพที่คมชัดมาขึ้นอีกด้วย เพราะมีเลนส์ Ultra Vision Wide ความละเอียดถึง 50MP ช่วยให้ถ่ายภาพมุมกว้างได้สวยงามทุกสภาพแสง แถมกลางวัน หรือกลางคืนก็ใช้ถ่ายได้สบายๆ

พลังการซูมแบบ Optical 10 เท่า
ประสิทธิภาพในการซูมของ Huawei P40 Pro+ 5G ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วยพลังการซูมของเลนส์ SuperZoom และ Telephoto ทำให้ซูมได้สูงสุดถึง 100 เท่า และยังใช้ซูมแบบ Optical ได้ถึง 10 เท่า คิดดูว่าซูมแบบ 10 เท่าแต่ไม่เสียความละเอียดเลยมันยอดเยี่ยมแค่ไหน

โหมดกลางคืน
เรื่องการถ่ายรูปตอนกลางคืน ถือว่าเป็นสิ่งโดดเด่นของ Huawei P Series มาตลอด โดย Huawei P40 Pro+ 5G จะมีเซนเซอร์ Ultra Vision เข้ามาช่วยอีกแรง ทำใหไ้การถ่ายภาพตอนกลางคืนมีความสวยงามมากขึ้น

ภาพถ่ายบุคคล

การถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง ถือว่า Huawei P40 Pro+ 5G ทำการตัดเบลอพื้นหลังได้ดีมาก และมีความสวยงามเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะกล้องหน้าที่มาพร้อมกันถึง 2 เลนส์ ผสมกับการทำงานของระบบ AI ที่ช่วยแต่งเติมให้ภาพทั้งหมดออกมาสมบูรณ์แบบ

ประสิทธิภาพของระบบ AI
ประสิทธิภาพการทำงานของ AI จะมีความฉลาด และมีลูกเล่นให้กับผู้ใช้งานมากขึ้น โดยสิ่งที่ได้รับความสนใจมากที่สุดเห็นจะเป็น AI Remove Passersby ที่ระบบจะลบผู้คนที่เดินผ่านไปมาทางด้านหลังให้แบบอัตโนมัติ ซึ่งวิธีเริ่มใช้งานจะต้องใช้งานจากโหมด ภาพเคลื่อนไหว จากนั้นไปที่คลังภาพ > เลือกรูปที่ต้องการลบ > แก้ไข > ลบผู้สัญจรไปมา

คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง

ความละเอียดภาพถ่ายกล้องหลัง : 8192 x 6144 (ความละเอียดระดับสูง), 4096 x 3072 (4:3), 3072 x 3072 (1:1), 3840 x 1744 (เต็มจอ) พิกเซล
ความละเอียดภาพถ่ายจากกล้องหน้า : 6528 x 4896 (4:3), 4896 x 4896 (1:1), 6528 x 2960 (เต็มจอ) พิกเซล
โหมดถ่ายรูป : รูปถ่าย, ภาพบุคคล, กลางคืน, รูรับแสง, มือโปร, พาโนรามา, ภาพขาวดำ, ความละเอียดสูง
HiVision : เปิด, ปิด
AI Camera : เปิด, ปิด
ไฟแฟลช : อัตโนมัติ ,เปิด, ปิด, เปิดค้าง
สีของภาพ : Leica มาตรฐาน, Leica คมชัด, Leica เรียบเนียน, เร้าอารมณ์, การอัด, ND, สดใส, สีน้ำเงิน, แผ่รัศมี, ครุ่นคิด, สว่าง
ควบคุมเสียง : ปิด, เปิด
จับภาพรอยยิ้ม : เปิด, ปิด
ตารางบนกล้อง : เปิด, ปิด
ระดับแนวนอน : เปิด, ปิด
ตัวจับเวลา : ปิด, 2, 5, 10 วินาที
การสะท้อนกระจก (เฉพาะกล้องหน้า) : เปิด, ปิด
เพิ่มลายน้ำอัตโนมัติ : เปิด, ปิด
แท็กตำแหน่ง : เปิด, ปิด
ปิดเสียง : เปิด, ปิด
สแน็ปช็อตแบบพิเศษ : ถ่ายภาพสแน็ปช็อตอย่างรวดเร็ว, เปิดกล้องถ่ายรูป, ปิด

คุณสมบัติการถ่ายภาพวีดีโอ

ความละเอียดของภาพวีดีโอจากกล้องหลัง : 3840 x 2160 (4K-16:9), 2336 x 1080 (1080p-เต็มจอ), 1920 x 1080 (1080p-16:9), 2560 x 1080 (1080p-21:9), 1680 x 720 (720p-16:9) พิกเซล
ความละเอียดของภาพวิดีโอจากกล้องหน้า : 2336 x 1080 (1080p-เต็มหน้าจอ), 1920 x 1080 (1080p-16:9), 1280 x 720 (720p-16:9) พิกเซล
อัตราเฟรม : 30 , 60 fps
โหมดต่างๆ : วิดีโอ, สโลว์-โม, เลนส์ AR, ภาพวาดด้วยแสง, หน่วงเวลา, ภาพเคลื่อนไหว,
ไฟแฟลช : ปิด, เปิดค้าง
สีของภาพ : Leica มาตรฐาน, Leica คมชัด, Leica เรียบเนียน, สี AI, เบลอพื้นหลัง, ระงับ, สด, เร้าอารมณ์, การอัด, ND, สดใส, สีน้ำเงิน, แผ่รัศมี, ครุ่นคิด, สว่าง
ตารางบนกล้อง : เปิด, ปิด
ระดับแนวนอน : เปิด, ปิด
ตัวจับเวลา : ปิด, 2, 5, 10 วินาที
แท็กตำแหน่ง : เปิด, ปิด
ตารางบนกล้อง : เปิด, ปิด
ปิดเสียง : เปิด, ปิด