รีวิว Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G พร้อม S-Pen ปากกากายสิทธิ์กับฟีเจอร์ใหม่สุดปัง

สมาร์ทโฟน » รีวิว Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G

โดย ปภัสสร อมรประสิทธิ์ โดย สิรภพ ผิวทอง

ปรับขนาดตัวอักษร - ก +ก

รีวิวโทรศัพท์มือถือ Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G - ซัมซุง

หลังลุ้นสเปคจากข่าวลือ และเหล่าสาวกปากกากายสิทธิ์รอคอยกันมานาน Samsung ก็ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นท็อป Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G ที่จัดเต็มความสามารถมารอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ชัดสุด และอัตรารีเฟรชเรทที่ 120Hz แถมยังรองรับ HDR10+ กับระบบเสียง Dolby ATMOS ที่ดูแลโดย AKG ให้ความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมปากกา S-Pen ที่ในรอบนี้มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ให้ได้ร้องว้าวกันเช่นเคย

รูปลักษณ์ภายนอกLook & Design

ดีไซน์ตัวเครื่องของ Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G ยังคงความใหญ่เป็นเอกลักษณ์ที่ขนาด 164.8 × 77.2 × 8.1 มม. น้ำหนัก 208 กรัม ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass Victus เป็นรุ่นแรกของโลก มีความสะท้อนเหมือนกระจกจริง ให้ความรู้สึกหรูหราดูพรีเมี่ยม สมกับความเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นท็อป

Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G มีหน้าจอที่โค้งกว่า Galaxy Note 20 ตัวธรรมดาเล็กน้อย จอแสดงผลเป็น Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียด 3088 x 1440 พิกเซล มีความหนาแน่นต่อพิกเซล 496 ppi รองรับการแสดงผล HDR10+ อัตรารีเฟรชเรทที่ 120Hz

ส่วนบนของหน้าจอ มีดีไซน์รอยแหว่งแบบ Infinity-O เป็นตำแหน่งของกล้องหน้า ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล มุมมอง 80 องศา เป็น Dual Pixel Auto Focus รูรับแสง f/2.2

ส่วนล่างของหน้าจอ มีขอบที่บางมากๆ เกือบจะเท่ากันกับขอบด้านอื่นๆ ส่วนปุ่มกับมาในรูปแบบซอร์ฟแวร์ระบบเช่นเคย สามารถปรับตำแหน่งได้ในการตั้งค่า

ตัวเครื่องด้านบนทางฝั่งซ้าย เป็นช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid รองรับซิมการ์ดแบบ Nano SIM 2 ช่อง หรือจะใช้เป็น MicroSD Card 1 ช่องก็ได้ สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกสูงสุดได้ 1TB ถัดไปทางฝั่งขวาเป็นไมโครโฟน

ตัวเครื่องด้านล่าง มีการย้ายตำแหน่งของปากกา S Pen มาไว้ที่ด้านซ้าย ด้วยเหตุผลที่ฮาร์ดแวร์กล้องกับโมดูลมีขนาดใหญ่ขึ้น จึงไม่สามารถวางปากกาไว้ที่ด้านขวาเหมือนเดิมได้ ถัดมาจาเป็นลำโพง พอร์ต USB Type-C อยู่ตรงกลาง และถัดมาทางขวาก็เป็นไมโครโฟนอีกตัว

ตัวเครื่องด้านซ้ายมีความโค้ง และไม่มีการใช้งานใดๆ ตรงจุดนี้

ด้านขวาของตัวเครื่องมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงอยู่ทางด้านบน ถัดลงมาเป็นปุ่ม Power ใช้เปิดปิดเครื่อง พักหน้าจอ และเป็นปุ่ม Bixby นอกจากนี้ ยังสามารถเข้าไปตั้งค่าปุ่มด้านข้างนี้ เพื่อทำการใช้งานอื่นๆ ได้อีกด้วย

สำหรับตัวเครื่องด้านหลัง โมดูลกล้องเป็นสี่เหลี่ยมเหมือนใน S20 Series เป็นกล้องทั้งหมด 3 ตัว แบ่งเป็น กล้องหลักที่เป็นเลนส์ Wide Angle ด้วย ความละเอียด 108MP, เลนส์ Telephoto ความละเอียด 12MP และเลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12MP ไล่เรียงลงมา ด้านข้างเป็นไฟแฟลช และ Lazer AF Sensor

เมนู & ฟังก์ชันMenu & Function

สรุปสเปกของ Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G

ระบบปฏิบัติการ : Android 10 ครอบทับ ONE UI 2.5
ขนาดตัวเครื่อง : 164.8 × 77.2 × 8.1 มม.
นํ้าหนัก : 208 กรัม
หน้าจอ : Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียด QuadHD+
หน่วยประมวลผล : Exynos 990
GPU : Adreno 650
RAM : 8GB/12GB LPDDR5
พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน : 256GB/512GB
MicroSD Card : รองรับสูงสุด 1TB
ระบบเชื่อมต่อ : 5G, 4G LTE, Wi-Fi 802.11a/b/g/n/ac/ax 2.4GHz+5GHz+6GHz, Bluetooth 5.0, GPS, GLONASS, USB OTG, FM Radio, NFC
ไม่รองรับช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
กล้องถ่ายรูปหลัง 3 เลนส์
- เลนส์ Wide Angle มุมมอง 79 องศา ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ระบบจับโฟกัส PDAF รูรับแสง f/1.8 มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว
- เลนส์ Ultra Wide มุมมอง 120 องศา ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- เลนส์ Telephoto มุมมอง 20 องศา ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/3.0
กล้องหน้า : มุมมอง 80 องศา ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล Dual Pixel Auto Focus รูรับแสง f/2.2
พอร์ต USB Type-C 3.2
แบตเตอรี่ : 4,500mAh รองรับการชาร์จเร็วและชาร์จไร้สาย

RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน

สำหรับ RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลภายในของ Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G มีให้เลือกด้วยกัน 2 เวอร์ชั่น คือ RAM 12GB + ROM 256GB ราคา 42,900 บาท และ RAM 12GB + ROM 512GB ราคา 46,900 บาท เป็นการอัดสเปคมาให้แบบเต็มเหนี่ยวมาก สามารถเลือกได้ตามความต้องการ อีกทั้งถ้าใครยังไม่จุใจก็เพิ่ม MicroSD Card ได้สูงสุดอีก 256GB

ระบบปฏิบัติการ

Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G มาพร้อมกับ Android 10 ครอบทับด้วย One UI 2.5 ระบบปฏิบัติการรุ่นล่าสุด หน้าตาของ UX กับ UI ยังคงเอกลักษณ์ความเป็น Samsung Galaxy ซึ่งเพิ่มเติมคุณสมบัติใหม่ของ Bixby Vision for Accessibility เข้ามา

การตั้งค่าปุ่มด้านข้าง และปุ่ม Bixby

ใน Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G ได้ตัดปุ่ม Bixby โดยเฉพาะออกไป และย้ายมาใช้ปุ่มด้านข้างปุ่มเดียวกับการกดพักหน้าจอแทน ซึ่งสามารถตั้งค่าการใช้งานต่างๆ ได้ตามความต้องการ โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > คุณสมบัติขั้นสูง > ปุ่มด้านข้าง

หน้าจอหลัก

หน้าจอแอพพลิเคชั่น

หน้าจอล็อค

แถบการใช้งานด้านบน

แถบการใช้งานด้านข้าง

โหมดมืด

โหมดมืด (Dark Mode) เป็นการเปลี่ยนธีมให้เป็นโทนสีดำ ตัวอักษรจะสว่างขึ้น ช่วยถนอมสายตาของผู้ใช้งานเมื่อต้องมองจอในเวลากลางคืน หรือในที่มืด รวมทั้งช่วยประหยัดพลังงาน ผู้ใช้สามารถตั้งค่าเปิดหรือปิดได้ด้วยตนเอง รวมทั้งกำหนดเวลาให้เปิดโหมดกลางคืนตามเวลาที่ต้องการได้แบบอัตโนมัติด้วย

แผง Apps Edge และมุมมองป็อปอัพ

เมื่อผู้ใช้งานเลื่อนนิ้วจากขอบหน้าจอเข้ามาข้างใน จะเป็นการเปิดแถบ Apps Edge ขึ้นมา ซึ่งตรงนี้จะเหมือนเครื่องมือด่วนในการเริ่มใช้งานแอพฯ แบบไม่ต้องกลับไปหน้าโฮม และยังสามารถเปิดแอพฯ แบบมุมมองป็อปอัพ เมื่อทำการ Drag & Drop แอพฯ ไปยังทางซ้าย ทั้งนี้แผง Apps Edge ยังสามารถปรับเปลี่ยนเป็นแบบอื่นได้อีกมากมาย โดยเข้าไปตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า > จอภาพ > หน้าจอขอบ > แผง Edge

แถบการนำทาง

สำหรับแถบการนำทาง มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ คือ ปุ่มการนำทาง และท่าทางเต็มหน้าจอ โดย "ปุ่มการนำทาง" จะปรากฏค้างไว้ที่ด้านล่างหน้าจอ ส่วน "ท่าทางการเต็มหน้าจอ" จะเป็นการเลื่อนหน้าจอจากด้านล่างขึ้นด้านบนบนเพื่อเรียกปุ่มควบคุมขึ้นมา จะมีการใช้งาน 3 ปุ่มมาตรฐาน คือ ย้อนกลับ, กลับสู่โฮม และแอพฯ ล่าสุด ซึ่งสามารถเลืกใช้ได้ตามความถนัดของแต่ละบุคคล

Always On Display

เมื่อทำการพักหน้าจอแสดงผล หากเปิดโหมด Always On Display หน้าจอจะทำการแสดงข้อมูลที่จำเป็นอย่างเช่น เวลา, วันที่, แบตเตอรี่, การแจ้งเตือน สามารถเข้าไปเปิดได้ที่ การตั้งค่า > ล็อกหน้าจอ > Always On Diaplay อีกทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผล ได้ตามความชอบ โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > หน้าจอล็อก > รูปแบบนาฬิกา นั่นเอง

Dual Messenger แยก 2 บัญชี

เป็นฟีเจอร์ที่อำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่มีแอคเาท์การใช้งาน 2 บัญชี ในการเล่นโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ โดยเป็นการแยกแอพพลิเคชั่นออกมาอีก 1 แอพฯ ทำให้ผู้ใช้สามารถล็อคอินได้ 2 บัญชีพร้อมกันในทีเดียว โดยไม่ต้องสลับเข้าออกบัญชีไปมา สามารถเปิดใช้งานโดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > คุณสมบัติขั้นสูง > Dual Messenger

การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง

ผลการทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วย AnTuTu Benchmark v7.0.5 ได้ 512,912 คะแนน
ผลการทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมด้วย Geekbench 4 ได้คะแนน Single-Core ที่ 907 และคะแนน Multi-Core ที่ 2,701 คะแนน
ผลการทดสอบประสิทธิภาพกราฟิกด้วย 3DMark Overall Sling Shot Extreme - OpenGL ES 3.1 ได้ 6 336 คะแนน และ Sling Shot Extreme - Vulkan 6 266 คะแนน
ผลตรวจสอบระบบสัมผัสหน้าจอแบบ Multitouch สูงสุด 10 จุด

ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้

Accelerometer Sensor ตรวจวัดความเร่งจากการโน้มเอียง
Light Sensor ตรวจจับแสงสว่าง
Orientation Sensor เซ็นเซอร์ปรับมุมมองหน้าจอ
Proximity Sensor ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนาแนบหู
Gyroscope Sensor เซ็นเซอร์ตรวจจับลักษณะการหมุนของสมาร์ทโฟน
Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
Magnetic Sensors เซ็นเซอร์ตรวจจับแม่เหล็ก
Pressure Sensor เซ็นเซอร์วัดความดัน

จุดเด่นน่าสนใจSpecial & Features

ดีไซน์

ในเรื่องรูปลักษณ์ของ Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G ไม่ได้เปลี่ยนจากเดิมนัก แต่เพิ่มการเลือกใช้วัสดุที่พรีเมี่ยมยิ่งกว่าเดิม ซึ่งเครื่องรีวิวที่ได้มาเรียกว่าสี Mystic Black มีผิวสัมผัสลื่น ครอบด้วยกระจก Gorilla Glass Victus 7 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ทำให้หน้าจอและตัวเครื่องมีความทนทานยิ่งขึ้นกว่าเดิมถึงสี่เท่า ไม่แตกร้าวหรือบิ่นง่ายเมื่อต้องเจอการกระทบกระแทก อีกทั้งดูหรูหราพรีเมี่ยม ติดตรงที่อาจเกิดรอยนิ้วมือง่ายไปหน่อย แต่ก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย หรือใส่เคสก็เป็นการลดปัญหาตรงนี้ได้นั่นเอง

อีกสีที่พิเศษไม่แพ้กัน นั่นคือ Mystic Bronze ตัวเครื่องเป็นโลหะ มีผิวสัมผัสแบบด้าน ลดการเกิดรอยนิวมือ ออกแบบให้ดูเรียบง่าย มีความประณีต สะท้อนนิยามใหม่ของการทำงานและความบันเทิง สีสันสวยงามเป็นเอกลักษณ์

หน้าจอ

Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G มาพร้อมหน้าจอขอบโค้ง จอแสดงผล Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียด 3088 x 1440 พิกเซล มีความหนาแน่นต่อพิกเซล 496 ppi รองรับการแสดงผล HDR10+ ทำให้จอภาพมีสีสันที่คมชัดสวยงาม แม้ใช้งานกลางแสงจ้า ก็ยังคงมองเห็นหน้าจอได้สว่างชัดเจน รองรับ Refresh Rate สูงสุดที่ 120Hz จึงได้ภาพเคลื่อนไหวที่สมูทยิ่งขึ้น สามารถดูสตรีมมิ่งด้วยความละเอียดสูงได้แบบสมจริง ทั้งการเคลื่อนไหวและสีสันคมชัด

หากเราปรับความคมชัดหน้าจอให้สูงสุดที่ WQHD+ อัตรา Refresh Rate จะกลับไปที่มาตรฐาน ไม่สามารถใช้ Refresh Rate สูงสุดที่ 120Hz ได้

ระบบเสียง Dolby Atmos

นอกจากหน้าจอแสดงผลที่รองรับ HDR10+ ทำให้สามารถรับชมคอนเทนต์ได้ในระดับ HD ภาพสวยคมชัด สีสันสมจริงแล้ว Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G ยังเพิ่มอรรถรสด้วยระบบเสียงสเตอริโอที่ได้ทาง AKG บริษัทเสียงชื่อดังเข้ามาดูแล อีกทั้งมาพร้อมระบบเสียง Dolby ATMOS เรียกว่าเสียงที่ได้นั้นมีความกระหึ่มรอบด้าน เติมเต็มทุกความบันเทิง

S-Pen ปากกากายสิทธิ์

จุดเด่นที่ทำให้ Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G เป็นขวัญใจของใครหลายๆ คน นั่นก็เพราะเจ้า S-Pen ปากกากายสิทธิ์ ที่ได้รับการยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ให้เป็น Advanced Intelligent S Pen ด้วย AI-Based Point Prediction ที่ลดเวลาตอบสนองเหลือเพียง 9ms มอบประสบการณ์การเขียนที่ลื่นไหล เสมือนจดลงบนหน้ากระดาษ พร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานแบบไร้สาย เหมือนเป็นรีโมทสั่งงานของสมาร์ทโฟนได้ดั่งใจด้วย Hands-free Air Action เพียงแค่ขยับ S-Pen ตามท่าทางต่างๆ เท่านั้น โดยสามารถตั้งค่าเพื่อควบคุมการทำงานได้ ดังนี้

การใช้งาน S-Pen และ Samsung Notes ที่น่าสนใจ

Quick Memo : เพียงแค่ดึง S-Pen ออกมา ก็สามารถจดโน๊ตที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องปลดล็อกหน้าจอให้เสียเวลา

ปรับตัวเอียงให้ตรง : ในบางครั้งที่จดโน๊ตแล้วตัวหนังสือดันเอียง ก็มีฟังก์ชั่นที่ช่วยปรับให้ตัวหนังสือของเราตรงขึ้น อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนตัวเขียนของเราให้เป็นตัวพิมพ์ได้อีกด้วย แต่ต้องมีลายมือที่พออ่านออก เพื่อให้ระบบทำการแปลงค่าได้อย่างแม่นยำขึ้นนั่นเอง

Audio Bookmarks : สามารถอัดเสียงไปพร้อมๆ กับการจดโน๊ต เพื่อเป็นการย้ำช่วงสำคัญให้เชื่อมต่อกับเสียงที่บรรยายข้อความนั้นๆ อยู่

Presentation Stylus : ใช้ S-Pen ในการควบคุม Microsoft Powerpoint ที่ติดตั้งมาแล้วในตัวเครื่อง

Quick Editing : สามารถขีดเขียนคอมเมนต์ของงานลงบนไฟล์ PDF และ Export กลับไปเป็น PDF เพื่อส่งให้คนในทีมต่อได้ทันที โดยไม่ต้องเข้าไปแปลงบนคอมพิวเตอร์ให้เสียเวลา และยังรองรับการบันทึกเป็นไฟล์ Powerpoint อีกด้วย

Samsung DeX

สามารถเชื่อมต่อจอที่สองแบบไร้สายด้วย Wireless DeX พร้อมเปิดใช้งานแอปพลิเคชั่นของสมาร์ทโฟนบนจอสมาร์ททีวี เพื่อใช้ 2 จอ ทำ 2 สิ่ง ได้พร้อมกันแบบ Multitasking ในส่วนนี้ต้องบอกว่าง่ายสำหรับคนที่ต้องพรีเซนต์งานมากๆ เพราะ ไม่ต้องพกแล็ปท็อปให้พะรุงพรังอีกต่อไป

ลิงก์กับ Windows

เพิ่มความง่ายของการใช้งานกับ Link-to-Windows ที่สามารถดึงทุกอย่างบนสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G มาไว้บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะการโทรศัพท์ ข้อความ หรือแอพพลิเคชั่นที่ใช้เป็นประจำ ไม่ต้องยกมือถือขึ้นมาดูบ่อยๆ นั่นเอง

ขุมพลัง Exynos 990

Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G มาพร้อมกับชิปประมวลผล Exynos 990 ซึ่งเป็น Exynos รุ่นที่ดีที่สุด รองรับเทคโนโลยี 5G และยังใช้ RAM 12GB ที่มีความจุขนาดใหญ่ ช่วยให้การทำงานรวมถึงการประมวลผลต่างๆ มีความรวดเร็วมากขึ้น จะสลับการใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ ก็ไม่หน่วงหรือกระตุก ในเรื่องของการเล่นเกมก็หายห่วงได้เลย ยิ่งบวกกับจอลื่นๆ Refresh Rate 120Hz และระบบเสียง Dolby ATMOS ด้วยแล้ว รับรองว่าคุณจะได้สัมผัสประสบการณ์การเล่นเกมที่มันส์สมจริงอย่างแน่นอน

สแกนลายนิ้วมือใต้จอ

นอกจากนี้ Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G ยังสามารถสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอเพื่อปลดล็อค ทำให้ได้ทั้งความปลอดภัย และความรวดเร็วในการเข้าใช้งาน รองรับลายนิ้วมือได้ 4 ลายนิ้วมือ เท่านี้ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว

แบตเตอรี่

Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G มีแบตเตอรี่ ความจุ 4,500mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วและชาร์จไร้สาย สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตฯหมด อีกทั้งยังชาร์จไว เพื่อนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็วทันใจ โดยมีระบบ Super Fast Charging ที่ทำการชาร์จไฟจาก 0% ถึง 50% ได้ภายในเวลาเพียง 30 นาที

กล้องถ่ายรูป

Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G มาพร้อมกล้องหลังทั้งหมด 3 เลนส์ มีกล้องหลักที่เป็นเลนส์ Wide Angle ด้วย ความละเอียดสูงสุดถึง 108MP, เลนส์ Telephoto ความละเอียด 12MP และเลนส์ Ultra Wide ความละเอียด 12MP อีกทั้งยังมี Laser Autofocus เซนเซอร์ขนาดใหญ่ที่ช่วยให้สามารถโฟกัสได้ไวและชัดเจนขึ้น ภาพที่ถ่ายออกมาจึงมีความคมชัดสวยงามทุกสภาพแสง

เก็บทุกความประทับใจ กับกล้องคุณภาพทั้ง 3 เลนส์

ความคมชัดของกล้องไม่ใช่ทั้งหมดที่คนสมัยนี้ต้องการ เพราะถ้าหากขาดลูกเล่น กล้องก็จะน่าเบื่อ แต่ด้วยกล้องถ่ายภาพมุมกว้าง Ultra Wide ความละเอียด 12MP ที่เก็บภาพวิวมุมกว้างได้ เลนส์ Wide ความละเอียดสูง 108MP ถ่ายภาพในที่แสงน้อยให้สว่างกว่า หรือต้องการเก็บภาพจากระยะไกลด้วยเลนส์ Telephoto 12MP ก็ทำได้ง่ายขึ้นเพียงกดชัดเตอร์บนกล้อง Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G คุณก็จะได้ภาพถ่ายที่ทั้งสวยงามคมชัด เต็มไปด้วยลูกเล่นการใช้งานที่สร้างสรรค์ อีกทั้งยังทำภาพไลฟ์โฟกัส และเปิดเอฟเฟค Bokeh แบบเนียนๆ ให้ภาพบุคคลโดดเด่นไปกว่าเดิมได้อีกด้วย

ภาพถ่ายความละเอียดสูง 108MP

ภาพมุมกว้าง Ultra Wide

ภาพถ่าย Portrait

SPACE ZOOM

นอกจากการถ่ายภาพชัดๆ จากเลนส์หลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซลแล้ว Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G สามารถซูมแบบ Optical ได้ 5 เท่า และมี Space Zoom ที่ซูมสุงสุดได้มากถึง 50 เท่า ซึ่งทำได้ดีในการถ่ายภาพระยะไกล โดยยังคงมองเห็นคน, วัตถุ หรือตัวอักษรได้เป็นรูปร่าง ไม่สูญเสียรายละเอียด

-------------------------------

โหมดถ่ายภาพกลางคืน

ค่อนข้างทำได้ดีเลยทีเดียวสำหรับ Night Mode ในการถ่ายภาพในที่แสงน้อย จากการลองถ่ายภาพกลางคืน ยังสังเกตได้ถึงสีสันและรายละเอียดที่ยังคมชัด ปรับความสว่างของภาพให้มากขึ้นกว่าเดิม

กล้องหน้าและโหมดหน้าสวย

ในส่วนของกล้องหน้า ยังคงให้ความละเอียดมาที่ 10 ล้านพิกเซล ปรับมุมมองกว้างได้ 80 องศา เป็น Dual Pixel Auto Focus รูรับแสง f/2.2 แม้ว่าความละเอียดจะดูน้อยไปหน่อย แต่เมื่อถ่ายภาพออกมาแล้วก็ยังคมชัดสมจริง พร้อมยังมีโหมด "ปรับแต่งใบหน้าสวย" ให้ใช้งาน เพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับใบหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ โดยสามารถปรับแบบอัตโนมัติได้ 3 ระดับ หรือจะเลือกปรับความเรียบเนียบ, สีผิว, แนวกราม, ดวงตา ก็ปรับได้เองได้ถึง 8 ระดับ ตามความพอใจ

บันทึกวิดีโอ

นอกจากความสามารถของกล้องถ่ายภาพนิ่งแล้ว ในส่วนของวิดีโอก็ทำได้อย่างดีเยี่ยม สามารถถ่ายวิดีโอเทียบระดับมืออาชีพได้ง่ายๆ ด้วย Laser Autofocus ที่ช่วยโฟกัสคนหรือวัตถุได้อย่างรวดเร็วในทุกสภาพแสง ซูมเข้าออกได้แบบสมูทๆ กับ Adjustable Zoom Speed และ Multi-Source Microphone ที่เก็บเสียงได้ชัดกว่าเดิม ด้วยการเลือกไมค์ที่ให้เสียงได้ดีที่สุด

พร้อมการถ่ายที่ความชัดสูงสุดระดับ 8K ปรับแต่งวิดีโอให้สวยงามตามสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นไลฟ์โฟกัส และเอฟเฟค Bokeh แบบเรียลไทม์ สลับกล้องหน้าและกล้องหลังระหว่างถ่ายได้ รวมไปถึง Super Steady ระบบป้องกันการสั่นไหว ที่ทำให้คุณได้คลิปวิดีโอที่คมชัด โฟกัสเร็ว เสียงใส ไม่สั่น ถ่าย Vlog แบบ 8K ได้อย่างสบายๆ เหมาะกับคนยุคใหม่อย่างแท้จริง

คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง

ความละเอียดของภาพถ่ายจากกล้องหลัง : 12000 x 9000 (3:4, 108MP), 4000 x 3000 (3:4), 4000 x 2252 (9:16), 2992 x 2992 (1:1), 4000 x 1868 (Full) พิกเซล
ความละเอียดของภาพถ่ายจากกล้องหน้า : 2944 x 2208 (3:4), 3216 x 1808 (9:16), 2208 x 2208 (1:1), 3216 x 1500 (Full) พิกเซล
ตัวเลือกซูม : x0.5 (มุมกว้าง), x1.0, x2.0
แฟลช : อัตโนมัติ, ปิด, เปิด
ตัวตั้งเวลา : ปิด, 2, 5, 10 วินาที
อัตราส่วน : 3:4, 9:16, 1:1, Full
เอฟเฟ็กต์ : ตั้งเดิม, อบอุ่น, เย็น, Lolli, ซีด, Blossom, Ivory, จาง, นุ่ม, Kiss Me, Greyscale, Classic, ขาวดำ
ตัวปรับสีภาพ : เปิด, ปิด
คำแนะนำการถ่ายช๊อต : เปิด, ปิด
สแกน QR Code : เปิด, ปิด
รูปภาพเคลื่อนไหว : เปิด, ปิด
กดค้างที่ปุ่มชัตเตอร์เพื่อ : ถ่ายภาพ, ถ่ายช็อตต่อเนื่อง, สร้าง GIF
ตัวเลือกการบันทึก : รูปภาพ HEIF, สำเนา RAW, รูปภาพตามที่แสดงในตัวอย่าง, การแก้ไข
HDR (ริชโทน) : อัตโนมัติ, เปิด, ปิด
การติดตามโฟกัสอัตโนมัติ : เปิด, ปิด
รูปภาพตามที่แสดงตัวอย่าง : เปิด, ปิด
จุดตัดเก้าช่อง : ปิด, 3x3, จตุรัส
แท็กสถานที่ : เปิด, ปิด

คุณสมบัติการบันทึกวิดีโอ

ความละเอียดของภาพวีดีโอจากกล้องหลัง : 7680x4320 (8K 24fps), 3840 x 2160 (UHD 60fps) (16:9), 3840 x 2160 (UHD 30fps) (16:9), 1920x1080 (FHD 60fps) (16:9), 1920x1080 (FHD 30fps) (16:9), 1280x720 (HD 30fps) (16:9), 2320x1080 (FHD 30fps) (Full), 1440x1440 (1:1) พิกเซล
ความละเอียดของภาพวีดีโอจากกล้องหน้า : 3840 x 2160 (UHD 60fps) (16:9), 3840 x 2160 (UHD 30fps) (16:9), 1920x1080 (FHD 60fps) (16:9), 1920x1080 (FHD 30fps) (16:9), 1280x720 (HD 30fps) (16:9), 2320x1080 (FHD 30fps) (Full), 1440x1440 (1:1) พิกเซล
แฟลช : อัตโนมัติ, ปิด, เปิด
Super Steady : เปิด, ปิด
AR Doodle : เปิด, ปิด
วิดีโอประสิทธิภาพสูง : เปิด, ปิด
วิดีโอ HDR10+ (ยกเว้น UHD 60fps) : เปิด, ปิด
ซูมเข้าไมโครโฟน : เปิด, ปิด
ความเสถียรของวิดีโอ : เปิด, ปิด
รูปภาพแสดงตัวอย่าง : เปิด, ปิด
HDR (ริชโทน) : เปิด, ปิด
จุดตัดเก้าช่อง : ปิด, 3x3, จตุรัส
แท็กสถานที่ : เปิด, ปิด
โหมดการถ่ายวิดีโอ : วิดีโอ, Super Slow-mo, Slow motion, Hyperlaspe