สมาร์ทโฟนจอพับยังเป็นสมาร์ทโฟนที่น่าจับตามองอยู่เช่นเคย ด้วยดีไซน์ที่ให้ความล้ำสมัย จับใช้ทีไรก็ดูพรีเมี่ยมกว่าใครเพื่อน ซึ่งทาง Samsung ก็เป็นอีกแบรนด์ที่ไปสุดกับสมาร์ทโฟนจอพับ ซึ่งตอนนี้เป็นคิวของ Samsung Galaxy Z Fold 2 สมาร์ทโฟนจอพับรุ่นล่าสุด ที่จะมายกระดับความล้ำจากรุ่นแรก โดยถูกเพิ่มความสวยงาม ปรับนิดแต่งหน่อยในส่วนของดีไซน์ ที่จะดูเรียบหรู แต่ให้ความโดดเด่นจากการเป็นหน้าจอพับ พร้อมเพิ่มขนาดหน้าจอด้านนอกให้ใหญ่ขึ้น เพื่อความสะดวกต่อการใช้งานเมื่อไม่เปิดหน้าจอภายใน นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์แบบจัดเต็ม รองรับการทำงานให้เข้ากับสมาร์ทโฟนจอพับได้อย่างดี ในตอนนี้ Samsung Galaxy Z Fold 2 ก็เดินทางมาขายได้ประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย กับราคาเปิดตัวที่ 69,900 บาท
Samsung Galaxy Z Fold 2 ในขณะพับอยู่ตัวเครื่องจะดูยาวๆ แต่ยังจับใช้งานในมือเดียวได้ถนัด โดยมีขนาด 159.2x68x16.8 มิลลิเมตร และเมื่อเปิดหน้าจอด้านในออกมา จะมีขนาด 159.2x128.2x6.9 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักตัวจะอยู่ที่ 282 กรัม
แกนพับจะอยู่ทางซ้ายมือ เมื่อเปิดใช้งานจอด้านในจะเป็นแบบเปิดจากทางขวาไปซ้าย และมีการสลักชื่อ Samsung ไว้บนแกนพับ
หน้าจอแสดงผลของ Samsung Galaxy Z Fold 2 จะมีจอด้านนอก และด้านใน โดยจอด้านนอกใช้พาแนล Super AMOLED กว้าง 6.23 นิ้ว ความละเอียด 2260x816 พิกเซล ใช้ดีไซน์รอยแหว่งแบบ Infinity-O และในนั้นมีกล้อง ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล
หน้าจอแสดงผลด้านใน ใช้พาแนล Foldable Dynamic AMOLED 2X กว้าง 7.6 นิ้ว ความละเอียด 2208x1768 พิกเซล ความละเอียดพิกเซล 373ppi รองรับคอนเทนด์ HDR10+ มีอัตรา Refresh Rate ที่ 120Hz และใช้ดีไซน์รอยแหว่งแบบ Infinity-O อยู่ที่จอทางขวา ในนั้นมีกล้องหน้า ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล
ข้างซ้ายตัวเครื่อง (เมื่อกางหน้าจอออก) จะมีช่องใส่ซิมการ์ดอยู่ด้านล่าง โดยเป็นถาดแบบ Nano SIM 1 ช่อง
ข้างขวาตัวเครื่อง จะพบกับปุ่มใช้งานมาตรฐาน ซึ่งปุ่มยาวเป็นปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง และอีกปุ่มเป็นปุ่มเพาเวอร์สำหรับเปิดปิดเครื่อง หรือพักหน้าจอ ทั้งนี้ปุ่มเพาเวอร์ยังเป็นที่สแกนลายนิ้วมือได้อีกด้วย
ด้านบนตัวเครื่อง มีลำโพงเสียงอยู่ส่วนพับฝั่งซ้าย และทางขวามีรูไมโครโฟน
ด้านใต้ตัวเครื่อง มีลำโพงเสียงอยู่ส่วนพับฝั่งซ้ายเช่นกัน และฝั่งขวามีรูไมโครโฟน และพอร์ต USB Type-C
ผลิกมาที่ฝาหลังตัวเครื่อง กล้องหลังจะอยู่ที่ส่วนเครื่องทางทางขวา โดยมารอบนี้กล้องหลังมาติดตั้งมา 3 เลนส์เป็นแนวตั้ง และจัดวางบนแท่นสี่เหลี่ยม ตามคอนเซ็ปต์ตัวท็อปของ Samsung ในปี 2020
สเปกทั้งหมดของ Samsung Galaxy Z Fold 2
ระบบปฏิบัติการ
ซอฟแวร์ของ Samsung Galaxy Z Fold 2 จะใช้ระบบปฏิบัติการ One UI 2.5 บนพื้นฐาน Android 10 ซึ่งมีหน้าตาเหมือนกับสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy ทั้งหมด ทำให้การใช้งานก็จะง่ายๆ ดูสวยงาม ใช้ได้ทั้งหน้าใหม่หน้าเก่า แต่ความพิเศษจะมีฟีเจอร์การใช้งานที่เหมาะกับสมาร์ทโฟนจอพับมากขึ้น
RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน
RAM ของ Samsung Galaxy Z Fold 2 จะอัดแน่นมาให้ถึง 12GB ทำให้การใช้งานหลายๆ แอพฯ จะมีความราบรื่นสูง ซึ่ง Samsung Galaxy Z Fold 2 มีฟีเจอร์แบ่งหน้าจอได้ 3-4 จอ ก็สามารถรองรับใช้งานได้สบายๆ ส่วนพื้นที่เก็บข้อมูลภายในรุ่นที่ได้มารีวิวเป็น 256GB เมื่อเปิดเครื่องมาครั้งแรกระบบจะกินพื้นที่ไปกว่า 33.9GB ทำให้เหลือพื้นที่ใช้งานจริงๆ ประมาณ 222GB
หน้าจอหลัก
หน้าตาของหน้าจอหลัก ก็จะเป็นไปตามรูปแบบของ One UI เน้นความเรียบ สามารถใช้งานได้ง่ายๆ และมีอนิเมชั่นเปิดปิดแอพฯ ที่ลื่นตา ส่วนโลโก้แอพฯ จะเน้นใช้ดีไซน์แบบสี่เหลี่ยมขอบมนเกือบเป็นวงกลม ทั้งนี้ Samsung Galaxy Z Fold 2 มีหน้าจอด้านในเป็นจอพับ ทำให้หน้าจอหลักจะถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ ดูกว้าง และยังใช้งานได้ง่ายๆ แต่ทั้งนี้ผู้ใช้งานก็สามารถเข้าไปปรับแต่งามความต้องการได้อีกที โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > จอภาพ > หน้าจอหลัก
ปุ่มการนำทาง
การตั้งค่าเริ่มต้น ปุ่มนำทางจะเป็นรูปแบบ 3 ปุ่ม และที่พิเศษคือเมื่อเปิดหน้าจอด้านในปุ่มนำทาง 3 ปุ่มจะอยู่ล่างขวา ทำให้ใช้งานให้สะดวกมากขึ้น แต่หากไม่สะดวกก็สามารถปรับเปลี่ยนเป็น ท่าทางการปัด ได้เช่นกัน ทำให้ปุ่มนำทางไม่มารบกวนในหน้าจอแสดงผล สามารถเข้าไปปรับการตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า > จอภาพ > แถบการนำทาง
คีย์บอร์ดแบ่งเป็น 2 ฝั่ง
แป้นพิมพ์ หรือคีย์บอร์ดเริ่มต้นของ Samsung Galaxy Z Fold 2 จะเป็น Microsoft SwitfKey ก็ถือว่ามีการใช้งานที่ง่าย แม้จะใช้ในหน้าจอภายในที่มีขนาดใหญ่ก็ตาม เพราะตัวคีย์บอร์ดมีการแบ่งเป็น 2 ฝั่ง เพื่อให้พิมพ์ด้วยการจับใช้งาน 2 มือได้สะดวก
หน้าจอขอบ
ลูกเล่นหน้าจอขอบ จะเป็นการเปิดถาดแอพฯ จากขอบหน้าจอ เพื่อสะดวกต่อการใช้งานแอพฯ อื่นๆ ทันทีโดยไม่ต้องย้อนกลับไปหน้าจอหลัก หรือจะใช้เป็นการเปิด Multi Windows เพื่อแบ่งหน้าจอ และหน้าจอป็อปอัพก็ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังมี Edge Lighting เพื่อแสดงเอฟเฟคแสงไฟตรงขอบหน้าจอ เมื่อมีการแจ้งเตือนหน้ามา โดยผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งเอฟเฟคแสงได้ตามใจชอบ และเลือกแอพฯ ที่ต้องการให้แสดงได้ด้วย สามารถเข้าไปปรับแต่งได้ที่ การตั้งค่า > จอภาพ > หน้าจอขอบ
ปรับหน้าจอ Refresh Rate
หน้าจอของ Samsung Galaxy Z Fold 2 จะรองรับอัตรา Refresh Rate สูงสุดที่ 120Hz ทำให้การสัมผัส และการเลื่อนของหน้าจอมีความลื่นเป็นพิเศษ แต่หากต้องการปรับเป็น 60Hz ก็ทำได้เช่นกัน โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > จอภาพ > การเคลื่อนไหวที่ลื่นไหล
โหมดมืด
Samsung Galaxy Z Fold 2 สามารถปรับเปลี่ยนเป็นโหมดมืดได้เช่นกัน เพื่อการใช้งานในตอนดลางคืนได้สบายตา และเป็นการประหยัดพลังงานไปในตัว เพราะพาแนลเป็น Dynamic AMOLED ทำให้สีดำจะช่วยประหยัดพลังงาน ซึ่งเข้าไปตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า > จอภาพ > ตั้งค่าโหมดมืด
Always On Display
โหมด Always On Display จะใช้งานในขณะพักหน้าจอแสดงผล โดยจะเป็นการแสดงข้อมูลเบื้องต้น เช่นวันเวลา, การแจ้งเตือน และสามารถควบคุมการเล่นเพลงได้ด้วย ส่วนรูปแบบก็มีให้เลือกปรับแต่ง พร้อมกับตัวเลือกสีสวยงาม สามารถไปปรับแต่ง และเปิดใช้งานได้ที่ การตั้งค่า > ล็อกหน้าจอ > Always On Display
ลิงก์กับ Windows
ฟีเจอร์ลิงก์กับ Windows จะเป็นการเชื่อมต่อ PC ที่เป็นระบบปฏิบัติการ Windows ให้เชื่อมกับสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย ทำให้เครื่อง PC สามารถซิงค์รูปภาพ รับการแจ้งเตือน และตอบโต้ข้อความได้ทันที
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง
ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้
ดีไซน์สวยงามแข็งแกร่ง นี้แหละผู้นำสมาร์ทโฟนจอพับ
ไม่ต้องว่าความกันมากสำหรับ Samsung Galaxy Z Fold 2 ที่เป็นสมาร์ทโฟนแบบจอพับ ซึ่งความสวยงามนั้นโดดเด่นกว่าเพื่อนอยู่แล้ว พร้อมกับให้ความล้ำแบบขั้นสุด แถมยังมีตัวเลือกสีอย่าง Mystic Bronze ที่เป็นตัวเลือกสีที่ให้ความพรีเมี่ยมระดับสูง (แต่ตัวที่ได้มารีวิวเป็นสีดำ T-T)
ส่วนการพับเปิดปิดหน้าจอก็ทำได้อย่างไหลลื่น สามารถพับเปิดปิดได้แบบเป็นธรรมชาติ เพราะมีแกนพับที่สร้างจากเทคโนโลยีระดับสูงอย่าง Hideaway Hinge ที่มีกลไกสุดล้ำ แถมยังมีความแข็งแกร่งอย่างมาก พับเปิดปิดไปมาได้หลายครั้งแบบไม่ต้องกังวล
หน้าจอแสดงผลด้านใน หรือด้านนอก ใช้งานได้ไร้ปัญหา
เรื่องของประสิทธิภาพหน้าจอแสดงผล ต้องยกให้กับแบรนด์ Samsung อยู่แล้ว โดยหน้าจอด้านนอกมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นด้วยความกว้าง 6.23 นิ้ว พาแนล Super AMOLED ทำให้ใช้งานได้สะดวกเหมือนสมาร์ทโฟนทั่้วไป แต่จากที่ใช้งานดูหน้าจอจะแคบๆ ไปหน่อย อาจเป็นเพราะขีดจำกัดในเรื่องของขนาดตัวเครื่อง
ในขณะที่หน้าจอด้านในก็เทพยิ่งกว่า ด้วยการใช้พาแนล Dynamic AMOLED 2X กว้างถึง 7.6 นิ้ว ความละเอียด QXGA+ รองรับคอนเทนด์ HDR10+ ทำให้ดูหนังได้แบบคุณภาพสูงจัดเต็ม นอกจากนี้ยังมีอัตรา Refresh Rate สูงสุดถึง 120Hz ทำให้การแสดงผลดูลื่นมาก รวมไปถึงการสัมผัสสุดติดนิ้ว แต่อย่างไรก็ตาม การที่ Samsung Galaxy Z Fold 2 เป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ ก็ยังมีรอยพับตำนิอยู่ตรงกลางอย่างเห็นได้ชัด
แบ่งหน้าจอได้สูงสุด 4 หน้าต่าง
การใช้งาน Multi Windows ก็ยืนหนึ่งมาชัดๆ เพราะ Samsung Galaxy Z Fold 2 สามารถแบ่งหน้าจอได้สูงสุดถึง 3 หน้าจอ บวกอีก 1 หน้าจอที่เป็นแบบป็อปอัพ รวมๆ แล้วสามารถเปิดแอพพลิเคชั่นพร้อมๆ กันได้ถึง 4 แอพฯ (สามารถเริ่มใช้งานได้จากถาดหน้าจอขอบ) โดยการใช้งานจริงก็มีความไหลลื่นอย่างมาก เพราะมีขุมพลังตัวแรงอย่าง Snapdragon 865+ และ RAM สูงถึง 12GB ใครที่เป็นสายทำงานโดยเฉพาะเหล่าแอพฯ ตระกูล office น่าจะชื่นชอบเป็นพิเศษ
พับหน้าจอไปมาได้โดยไม่สะดุด
ครั้งแรกที่เปิดเครื่อง Samsung Galaxy Z Fold 2 เมื่อมีการใช้จากหน้าจอด้านนอก และเปิดมาใช้หน้าจอด้านใน แอพฯ ที่ใช้งานอยู่จะใช้งานได้แบบต่อเนื่อง แต่เมื่อปิดกลับมาใช้จอด้านนอกอีกครั้ง เครื่องจะทำการพักหน้าจอทันที ซึ่งเหมือนกับการใช้งานกับ Samsung Galaxy Fold รุ่นที่ 1
แต่ Samsung Galaxy Z Fold 2 มีการปรับเปลี่ยนใหม่ให้มีความไหลลื่น สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ไม่ว่าจะพับเปิดปิดไปที่หน้าจอไหน โดยต้องไปเปิดการใช้งานที่ การตั้งค่า > จอภาพ > ใช้งานแอพในหน้าจอฝาปิดต่อไป พร้อมกับเลือกแอพฯ ที่ต้องการให้ใช้ได้แบบไม่มีสะดุด เท่านี้ก็เปิดปิดไปมาได้แบบสะดวก ไม่โดนพัดหน้าจออีกต่อไป
ทดสอบการเล่นเกม
สำหรับการเล่นเกมบน Samsung Galaxy Z Fold 2 ก็ไม่มีปัญหาแน่นอน เพราะได้ชิปเซ็ตตัวแรงอย่าง Snapdragon 865+ 5G มาขับเคลื่อนให้ ทำให้เล่นเกมที่ต้องการสเปคหนักๆ ได้สบายๆ ซึ่งจากการทดสอบด้วยเกม PUBG Mobile, ROV และ Fortnite ก็สามารถปรับแบบสุดได้ทั้งหมด พร้อมกับทำเฟรมเรตได้สูง และเล่นเกมได้อย่างไหลลื่น
ส่วนหน้าจอขนาดใหญ่ภายในก็ช่วยให้ได้มุมมองที่กว้างขึ้น สามารถเล่นได้ตามปกติ แถมเปิดประสบการณ์เล่นเกมได้เหมือนกับเล่นบนแท็ปเล็ตเลยทีเดียว แต่หากมองว่าจอกว้างเกินไปก็สามารถพับปิดกลับมาใช้หน้าจอด้านนอกก็ได้เช่นกัน แต่จอจะดูแคบๆ เล็กๆ ไปหน่อย
ทดสอบคุณภาพเสียง
Samsung Galaxy Z Fold 2 จะมาพร้อมลำโพงเสียง 2 ตัว ทำให้ระบบเสียงเป็นแบบ Stereo และยังมีการปรับแต่งเสียงจาก AKG อีกด้วย ซึ่งการใช้งานจริงคุณภาพเสียงก็ถือว่าออกมาดังชัดเอามากๆ และให้คุณภาพเสียงที่ดีทีเดียว แต่เสียงเบสอาจจะไม่หนักแน่นเท่าไหร่ ส่วนการเชื่อมต่อหูฟังจะต้องใช้หูฟังแบบ USB Type-C เพราะไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรมาให้
ทดสอบการใช้งานแบตเตอรี่
แบตเตอรี่ที่ Samsung Galaxy Z Fold 2 ได้มามีขนาด 4,500mAh ก็ถือว่าเยอะอยู่สำหรับการใช้งานพื้นฐาน และยังรองรับระบบชาร์จเร็ว 25W และแบบไร้สาย 11W จากที่ทดสอบดูวิดีโอผ่าน Youtube ด้วยความละเอียด 1080p 60fps เปิดแสงสว่างหน้าจอสว่างสุด ใช้ระยะเวลา 31 นาที จากแบตเตอรี่ 71% ก็ลดลง 63%
การใช้งานกล้องถ่ายรูป
Samsung Galaxy Z Fold 2 ถูกติดตั้งกล้องหลังมาถึง 3 เลนส์ ประกอบไปด้วยเลนส์ Wide, Ultra-Wide และ Telephoto ความละเอียด 12+12+12 ล้านพิกเซล สามารถซูมแบบ Optical ได้ 2 เท่า ในขณะที่กล้องหน้าจะมีทั้งหน้าจอด้านใน และด้านนอก ความละเอียด 10 ล้านะพิกเซลเหมือนกัน ซึ่งกล้องทั้งหมดจะมีการทำงานร่วมกับ AI และบันทึกวิดีโอได้สูงสุดที่ความละเอียด 4K ก็ถือว่า Samsung Galaxy Z Fold 2 มีเลนส์การถ่ายภาพที่ครบ สามารถถ่ายภาพได้ทุกแนว
โหมด Flex
เมื่อเปิดหน้าจอมาครึ่งหนึ่งในระหว่างการใช้แอพฯ กล่องถ่ายรูป (เหมือนเปิดฝาแป้งพัฟ) ก็เป็นการเข้าโหมด Flex Mode ทันที ซึ่งจะเป็นการเปิดประสบการณ์ถ่ายรูปแบบใหม่ และสะดวกต่อการใช้ถ่ายรูปแบบไม่ต้องสัมผัสตัวเครื่อง
การถ่ายปกติ
ถ่ายมุมกว้าง 123 องศา
โหมดมุมกว้างของ Samsung Galaxy Z Flip 2 จะให้มุมกว้างถึง 123 องศา ถือว่าเป็นมุมกว้างที่กำลังเหมาะเจาะ ใช้งานกำลังดีกับผู้ใช้งานทั่วไป โดยภาพที่ออกมาก็มีการเก็บรายละเอียดรอบข้างได้มากขึ้น และยังให้คุณภาพของภาพที่ออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
โหมดกลางคืน
ในโหมดถ่ายภาพตอนกลางคืน จะมีโหมดกลางคืนมาให้ใช้งาน ซึ่งภาพที่ถ่ายก็มาก็ให้ความสวยมากทีเดียว มีการเปิดเผยรายละเอียดในจุดที่มองไม่เห็นได้อย่างชัดเจน ให้แสงไฟที่สว่าง และยังได้ภาพที่ดูเป็นธรรมชาติ ใครที่ชอบการถ่ายภาพตอนกลางคืนจะต้องหลงรักอย่างแน่นอน
ถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องหลัง
Samsung Galaxy Z Fold 2 สามารถใช้กล้องถ่ายเซลฟี่ได้ เพราะมีหน้าจอด้านนอกในการดูพรีวิวรูป และการถ่ายเซลฟี่จะสวยสมบูรณ์แบบ เพราะกล้องหลังติดตั้งมาถึง 3 เลนส์ เมื่อนำมาถ่ายเซลฟี่รูปที่ออกมาก็จะสวยเป็นพิเศษ ส่วนการเริ่มใช้งานก็สามารถกดปุ่ม ตัวอย่างบนหน้าจอฝาปิด เพื่อเปิดใช้งานเซลฟี่ด้วยกล้องหลัง โดยปุ่มจะอยู่ที่มุมบนซ้ายของแอพฯ กล้องถ่ายรูป
หน้าชัดหลังเบลอ Live Focus และปรับแต่งหน้าสวย
การถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ หรือ Live Focus ก็มีการเบลอส่วนหลัง ตัดกับส่วนหน้าได้อย่างดี ส่วนกล้องหน้าแม้ว่าจะมีเลนส์เดียว แต่ก็ได้ซอฟแวร์ที่สมบูรณ์ ช่วยในการตัดพื้นหลังได้สมบูรณ์ นอกจากนี้การปรับแต่งหน้าสวยก็มีตัวเลือกให้ปรับแต่งมากขึ้น โดยมีให้เลือกทั้ง ความเนียน, สีผิว, แนวกราม, ดวงตา หรืแจะปรับเป็นแบบอัตโนมัติจาก AI ก็ได้เช่นกัน
โหมดซิงเกิ้ลเทค
สำหรับโหมดซิงเกิ้ลเทค จะเหมือนการบันทึกวิดีโอ จากนั้นระบบจะทำการเลือกเหตุการณ์ต่างๆ ภายในวิดีโอ และเลือกแบ่งออกมาเป็น ภาพที่ดีที่สุด, วิดีโอ หรือภาพนิ่งที่ถูกปรับแต่งให้มีความสวยงาม ซึ่งทั้งหมดถูกจัดทำออกมาแบบอัตโนมัติ โดยระบบจะมีให้เลือกระยะเวลา 5 ถึง 15 วินาที
กดชัตเตอร์แบบไม่ต้องสัมผัสเครื่อง
Samsung Galaxy Z Fold 2 จะมีฟีเจอร์กดชัตเตอร์โดยไม่ต้องสัมผัสตัวเครื่องอย่าง แสดงฝ่ามือ เพียงตั้งฝ่ามือเข้ามาในเฟรม ระบบก็จะนับถอยหลังกดชัตเตอร์ให้ทันที เรียกว่าช่วยในการถ่ายรูปในระยะไกลๆ และใช้ได้ดีกับ Flex Mode
คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง
คุณสมบัติการบันทึกวิดีโอ
รีวิวโทรศัพท์มือถือ Samsung Galaxy Z Fold 2 - ซัมซุง
ขอขอบคุณ : บริษัท ไทยซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ จำกัด โทร. 0 2689 3232
ข้อมูลผู้ใช้ร่วมแสดงความเห็นกับ : Samsung Galaxy Z Fold 2
https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=462841
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : https://www.siamphone.com/spec/samsung/galaxy_z_fold_2.htm
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท