รีวิว Poco F3 สมาร์ทโฟน 5G แรงระดับปีศาจ กับราคานางฟ้าราวๆ 10,000 บาทต้นๆ

โดย ปิตุภูมิ นันทวิทยา โดย สิรภพ ผิวทอง

ปรับขนาดตัวอักษร - ก +ก

รีวิวโทรศัพท์มือถือ POCO F3 - POCO

สำหรับสมาร์ทโฟนจากแบรนด์ Poco ยังคงรักษาการให้สเปคมาแบบดุร้าย พร้อมราคาคุ้มค่าระดับนางฟ้า โดยล่าสุดหากใครได้ลองสัมผัส Poco F3 สัตว์ร้ายในร่างสมาร์ทโฟนต้องมีร้องเสียงหลงแน่นอน เพราะเจ้าตัวมาพร้อมาสเปคแบบอัดแน่นดุเดือด ไล่มาตั้งแต่หน้าจอแสดงผลพาแนล AMOLED อัตรา Refresh Rate สูงสุดที่ 120Hz ชิปเซ็ต Snapdragon 870 รองรับสัญญาณ 5G เล่นเกมแบบปรับสุดภาพชัดสุดใจ และยังมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 4,520mAh รองรับการชาร์จเร็ว 33W ที่สำคัญมากับราคาสุดคุ้มเริ่มต้น 10,999 บาทเท่านั้น

รูปลักษณ์ภายนอกLook & Design

Poco F3 มีขนาดตัวเครื่อง 163.7x76.4x7.8 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 196 กรัม ซึ่งถือว่าเป็นขนาดมาตรฐานของสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ยังจับใช้งานได้ถนัด นอกจากนี้ยังมีการเคลือบกระจก Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้า และด้านหลังอีกด้วย

หน้าจอแสดงผลใช้พาแนล E4 AMOLED กว้าง 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400x1080 พิกเซล) อัตรา Refresh Rate สูงสุด 120Hz ปรับความสว่างได้สูงสุด 1,300nits สนับสนุนคอนเทนด์ HDR10+ และใช้ดีไซน์รอยแหว่งแบบจอเจาะรู

เหนือหน้าจอแสดงผล ในรอยแหว่งมีกล้องหน้า ความละเอียด 20MP และขอบหน้าจอด้านบนเป็นลำโพงเสียงสำหรับการสนทนา

ล่างหน้าจอแสดงผล ไม่มีปุ่มการใช้งานใดๆ โดยปุ่มนำทางเป็นแบบซอฟแวร์ให้ใช้งานในหน้าจอ

ข้างซ้ายตัวเครื่องไม่มีปุ่ม หรือพอร์ตการใช้งาน

ข้างขวาตัวเครื่องจะพบกับปุ่มใช้งานมาตรฐาน โดยปุ่มยาวไว้สำหรับเพิ่มเสียงกับลดเสียง ส่วนปุ่มเล็กเป็นปุ่มเพาเวอร์สำหรับเปิดปิดหรือพักหน้าจอ นอกจากนี้ยังเป็นที่สแกนลายนิ้วมืออีกด้วย

ส่วนบนตัวเครื่อง จะพบกับลำโพงเสียง และช่องเซนเซอร์ IR สำหรับเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเป็นรีโมทควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า

ส่วนใต้ตัวเครื่อง ข้างซ้ายสุดเป็นช่องใส่ถาดซิมการ์ดแบบ 2 ช่องรองรับ NanoSIM ทั้งคู่ ถัดมาตรงกลางเป็นพอร์ต USB Type-C ทางขวาเป็นรูไมโครโฟน และขวาสุดเป็นลำโพงเสียง

ผลิกมาที่ฝาหลังตัวเครื่อง กล้องหลังทั้ง 3 เลนส์ พร้อมไฟแฟลช จะติดตั้งอยู่มุมบนซ้ายบนโมดูลแบบวงรี ประกอบไปด้วยเลนส์หลัก ความละเอียด 48MP, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 8MP, และเลนส์ Telemacro ความละเอียด 5MP ส่วนดีไซน์ฝาหลังจะมีความเงาสะท้อนเป็นกระจกได้เลย และบนล่างซ้ายมีเขียนกำกับไว้ว่า Poco 5G

เมนู & ฟังก์ชันMenu & Function

สเปคของ Poco F3

ตัวเลือก ROM และ RAM พร้อมราคา
Poco F3 ที่ได้มารีวิวจะเป็นรุ่น RAM 8GB + ROM 256GB ไม่สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้ แต่เอาจริงๆ ROM 256GB ก็สามารถดาวน์โหลดแอพฯ หรือเก็บไฟล์ต่างๆ ได้เยอะอยู่แล้ว โดยการเปิดเครื่องมาครั้งแรก จะพบว่าระบบ และแอพฯ จากโรงงาน มีการกินพื้นที่ไป 19.2GB ทำให้เหลือพื้นที่ใช้งานจริงๆ 236.8GB ซึ่งก็เหลือใช้แบบสบายๆ ทั้งนี้ Poco F3 จะมีให้เลือกด้วยกัน 2 ตัวเลือก พร้อมกับราคาทางด้านล่างเลย

RAM 8GB + ROM 256GB ราคา 12,999 บาท
RAM 6GB + ROM 128GB ราคา 10,999 บาท

ระบบปฏิบัติการ
ทางด้านซอฟแวร์จะได้ระบบปฏิบัติการ MIUI 12 บนพื้นฐาน Android 11 ซึ่งมีการปรับปรุงให้เข้ากับสมาร์ทโฟน Poco โดยเฉพาะ ในการใช้งาน และฟีเจอร์ต่างๆ ก็จะเน้นไปที่ความสะดวก และปรับแต่งตามใจชอบได้ แต่ก็ยังมีบางฟีเจอร์ที่รองรับเฉพาะแอพฯ ไม่นิยมในประเทศไทยอย่างเช่น ฟรุ๊งฟริ๊งสำหรับวิดีโอคอล ที่รองรับเฉพาะ WeChat เท่านั้น

หน้าจอหลัก
หน้าจอหลักก็จะดูเรียบง่าย เน้นใช้ไอคอนต่างๆ เป็นแบบทรงกลม มีลิ้นชักสำหรับเก็บแอพพลิเคชั่นทั้งหมด หรือจะเก็บไว้ที่หน้าจอหลักก็ได้ ตรงนี้ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งได้เองว่าจะเอาลิ้นชักออก หรือมีไว้ตามสะดวก

ส่วนวิดเจ็ต Wallpaper และธีม ก็ปรับแต่งเองได้ตามใจชอบ ด้วยการกดค้างที่หน้าจอหลักก็จะมีตัวเลือกทั้ง 3 อย่างขึ้นมา ทั้งนี้ Wallpaper ก็สามารถใช้แบบ Live ได้ ทำให้หน้าจอหลักดูมีการเคลื่อนไหว น่าใช้งาน

ศูนย์ควบคุมเวอร์ชั่นใหม่
ปกติแล้วศูนย์ควบคุม และการแจ้งเตือน เพียงทำการปัดหน้าจอจากด้านบนลงมาข้างล่างเพียงครั้งเดียว ก็จะมีหน้าต่างนั้นกางออกมา แต่หากผู้ใช้งานต้องการให้ทั้งคู่แยกกันก็สามารถทำได้ด้วยการตั้งค่าแบบศูนย์ควบคุมเวอร์ชั่นใหม่ ซึ่งระบบจะทำการแบ่งการแจ้งเตือน และศูนย์ควบคุมออกจากกัน โดยปัดหน้าจอสวยบนทางซ้ายลง จะเป็นการเปิดดูการแจ้งเตือน และปัดหน้าจอทางด้านขวาลง จะเป็นการดูศูนย์ควบคุม ใครที่ชอบแบบเดิมหรือแบบใหม่ก็ไปปรับเปลี่ยนได้ที่ การตั้งค่า > การแจ้งเตือนและศูนย์ควบคุม > รูปแบบศูนย์ควบคุม

ปุ่มนำทาง
Poco F3 ในการตั้งค่าเริ่มต้นจะมาพร้อมปุ่มนำทาง 3 ปุ่มคือ ปุ่มแอพฯ ก่อนหน้า, ปุ่มโฮม, ปุ่มย้อนกลับ หากผู้ใช้งานไม่ชอบแบบนี้ก็สามารถเปลี่ยนเป็น ท่าทางสัมผัสได้ ซึ่งจะทำให้หน้าจอสามารถแสดงผลได้แบบเต็มๆ โดยไม่มีมปุ่ม 3 ปุ่มมาบังทางด้านล่าง สามารถไปปรับเปลี่ยนได้ที่ การตั้งค่า > การตั้งค่าเพิ่มเติม > แสดงเต็มหน้าจอ

โหมดมืด
ในส่วนโหมดมืด ถือว่าปัจจุบันรุ่นไหนไม่มีถือว่าเอาท์สุดๆ ซึ่ง Poco F3 ก็ไม่พลาดใส่ฟีเจอร์นี้มาด้วย โดยระบบจะทำการเปลี่ยนพื้นหลัง และธีมต่างๆ เป็นสีดำ และใช้หนังสือเป็นสีขาว เพื่อสะดวก และเป็นมิตรต่อสารตาเวลาใช้งานในที่แสงน้อย หรือในตอนกลางคืน ทั้งนี้ Poco F3 หน้าจอแสดงผลยังเป็นพาแนล AMOLED ทำให้โหมดมืดจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่มากขึ้นอีกด้วย

การแคปหน้าจอ
วิธีแคปหน้าจอบน Poco F3 นอกจากจะกดปุ่มลดเสียง + เพาเวอร์ ยังสามารถใช้ 3 นิ้วรูดหน้าจอลงได้อีกด้วย ทำให้เพิ่มความสะดวกในการแคปหน้าจออีกทาง

การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง

ผลการทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วย AnTuTu Benchmark v9.0.3 ได้ 697,008 คะแนน
ผลการทดสอบประสิทธิภาพโดยรวมด้วย PCMARK ได้คะแนน 9686 คะแนน
ผลตรวจสอบระบบสัมผัสหน้าจอแบบ Multitouch สูงสุด 10 จุด

ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้

Accelerometer Sensor ตรวจวัดความเร่งจากการโน้มเอียง
Light Sensor ตรวจจับแสงสว่าง
Orientation Sensor เซ็นเซอร์ปรับมุมมองหน้าจอ
Proximity Sensor ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนาแนบหู
Gyroscope Sensor เซ็นเซอร์ตรวจจับลักษณะการหมุนของสมาร์ทโฟน
Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
Magnetic Sensors เซ็นเซอร์ตรวจจับแม่เหล็ก

จุดเด่นน่าสนใจSpecial & Features

ขุมพลังตัวแรง Qualcomm Snapdragon 870
ความคุ้มค่าของ Poco F3 อยู่ตรงชิปเซ็ตนี้เลย เพราะได้ใช้งานขุมพลังซีรี่ท็อปอย่าง Qualcomm Snapdragon 870 ขนาด 7 นาโนเมตร มาพร้อมความแรงเทียบเคียงมากับ Snapdragon 888 เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมี RAM แบบ LPDDR5 และ ROM แบบ UFS 3.1 ช่วยให้การใช้งานหลายๆ แอพฯ และการส่งรับไฟล์มีความรวดเร็วไปอีกระดับ จากที่ลองใช้งานจริง ก็ถือว่าลื่นประทับใจเอามากๆ ทั้งการเปิดปิดแอพฯ และการเล่นเกมต่างๆ จัดได้เต็มทั้งหมด เทียบกับราคาราวๆ 10,000 กว่างบาทแบบนี้ไม่คุ้มไม่รู้ว่าไงแล้ว

หน้าจอ E4 AMOLED พร้อมความลื่นระดับ 120Hz
ทางด้านหน้าจอแสดงผลก็มาสุด เพราะมาพร้อมหน้าจอแสดงผลรุ่นใหม่อย่าง E4 AMOLED จากทาง Samsung แน่นอนว่า การแสดงผลของสีจะแม่นยำมากขึ้น การแสดงผลคมขึ้น และความสว่างของหน้าจอที่มากขึ้น และมีการกินพลังงานที่น้อยลง ทั้งนี้ยังรองรับอัตรา Refresh Rate สูงสุดที่ 120Hz ทำให้การแสดงผล และการเคลื่อนไหวดูลื่นหูลื่นตาเอามากๆ แต่ทั้งนี้การตั้งค่าเริ่มต้นจะเป็นแบบ 60Hz ผู้ใช้งานต้องเข้าไปเปลี่ยนเองที่ การตั้งค่า > การแสดงผล > อัตรารีเฟรช

รับความบันเทิงเต็มรูปแบบ ลำโพงคู่ Dolby Atmos
Poco F3 มาพร้อมหน้าจอแสดงผลพาแนล AMOLED ทำให้การรับชมคอนเทนด์วิดีโอมีประสิทธิภาพมาขึ้น เพราพได้สีที่สดคมชัด และยังรองรับคอนเทนด์ HDR10+ อีกด้วย ไม่พอแค่นั้นระบบเสียงก็สร้างความบันเทิงให้อีกระดับ ด้วยลำโพงคู่ Stereo พร้อมกับระบบ Dolby Atmos ที่ช่วยให้เสียงดูมีมิติมากขึ้น เรียกว่าความบันเทิงก็จัดเต็มมาเหมือนกัน

รองรับสัญญาณ 5G
เนื่องจาก Poco F3 เป็นอีก 1 สมาร์ทโฟนรองรับสัญญาณ 5G ในราคาหมื่นต้นๆ ทำให้เพิ่มความน่าสนใจไปอีกระดับ ใครที่อยากลองสัมผัสความเร็วแรงของ 5G แต่งบมีจำกัด ก็สามารถมองมาที่ Poco F3 ได้เลย

ทดสอบการเล่นเกม
การเล่นเกมแบบจัดเต็มในราคาหมื่นต้นๆ มีอยู่จริง เพราะ Poco F3 ที่ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 870 มีความแรงพอๆ กับ Qualcomm Snapdragon 888 ทำให้การเล่นเกมสามารถปรับกราฟฟิกระดับสูงสุดได้เลย แถมยังมีระบบ Game Turbo ที่ช่วยรีดประสิทธิภาพการเล่นเกมให้อีกทาง พร้อมจัดการการแจ้งเตือนต่างๆ ได้แบบง่ายๆ ถือว่าเป็นอีกความคุ้มของสายเล่นเกมอย่างแท้จริง

จากการทำสอบในเกม PUBG Mobile สามารถเปิดกราฟฟิกแบบจัดเต็มได้ทันที โดยปรับกราฟฟิกได้สูงสุดระดับ Ultra HD ทำให้ภาพมีความคมชัด โดยเฉพาะเอฟเฟคของน้ำที่สวยงามกว่าปกติ แต่จริงๆ หากจะเล่นแบบจริงจังก็แนะนำให้ปรับแบบ HDR HD จะดีกว่า แม้ภาพจะไม่สวยเท่า แต่ก็ได้ความลื่นจากเฟรมเรตระดับสูงสุด จากที่ลองเล่นเกมทำเฟรมเรตได้ 60fps ตลอดเวลา ไม่มีอาการกระตุก และเฟรมเรตตกให้เห็น ประทับใจมากๆ กับเกม PUBG Mobile

ต่อมาเป็นเกม LOL Wild Rift ก็ได้ปรับกราฟฟิกไปที่ 60fps แบบอัตโนมัติ ซึ่งระบบก็จะปรับการตั้งค่าให้เองตามสเปคของเครื่อง แน่นอนว่าในการเล่นจริงก็มีความลื่น เล่นได้สบายมากๆ พร้อมภาพที่สวยสมใจอยาก ส่วนเฟรมเรต และการประตุกก็ไม่มีให้เห็น แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์บวกกันยับๆ ก็ยังเล่นได้ลื่นสบาย

ระบบความปลอดภัย
Poco F3 มาพร้อมระบบสแกนลายนิ้วมือ โดยที่สแกนจะอยู่ที่ปุ่มเพาเวอร์ข้างขวาตัวเครื่อง สามารถจดจำลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ จากที่ลองสแกนถือว่ารวดเร็วมาก แตะเพียงนิดเดียวก็ปลดล็อกให้ใช้งานแล้ว นอกจากนี้ยังมีระบบสแกนใบหน้าอีกชั้น สามารถจดจำใบหน้าได้ 2 ใบหน้า

แบตเตอรี่ 4,520mAh สนับสนุนชาร์จเร็ว 33W
Poco F3 ใส่แบตเตอรี่มาขนาด 4,520mAh ซึ่งถือว่าเป็นขนาดใหญ่กำลังดี ใช้งานพื้นฐานได้ตลอดทั้งวัน (แต่เปิดหน้าจอ Refresh Rate 120Hz มาจะมีการสูบแบเตอตรี่มากกว่าปกติ) จากที่ทดสอบใช้งานเล่นเกม PUBG Mobile ผ่าน Wi-Fi ปรับกราฟฟิกแบบ HDR HD เฟรมเรตสูงสุด ความสว่างสูงสุด ก็พบว่าจากแบตเตอรี่ 48% ใช้เวลาเล่นติดต่อกัน 1 ชั่วโมง ก็พบว่าแบตเตอรี่ลดลงมาเหลือ 29% ทั้งนี้ Poco F3 ก็รองรับการชาร์จเร็ว 33W ช่วยให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็วมากขึ้น

การใช้งานกล้องถ่ายรูป
กล้องถ่ายรูปอาจจะไม่ใช่จุดเด่นของ Poco F3 มากนัก แต่การใช้งานก็ยังมีมาให้ครบ โดยติดตั้งกล้องหลังมา 3 เลนส์ ประกอบไปด้วยเลนส์หลัก ความละเอียด 48MP, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 8MP, และเลนส์ Telemacro ความละเอียด 5MP ช่วยให้ถ่ายภาพได้ทุกมุมไม่ว่าจะใกล้ไกล หรือมุมปกติ ทั้งนี้ยังมีการทำงานร่วมกับ AI ช่วยปรับแต่งซีนให้สวยงามมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการถ่ายภาพตอนกลางคืนจาก โหมดกลางคืน ในขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียดที่ 20MP รองรับโหมดปรับแต่งหน้าสวย และใช้โหมดกลางคืนกับกล้องหน้าได้ด้วย พร้อมทั้งโหมดที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็น โหมดเอฟเฟคภาพยนตร์ หรือโหมดโคลน

โหมด 48MP

การใช้งานในโหมด 48MP จะได้รูปถ่ายความละเอียดที่สูงถึง 8000x6000 พิกเซล ซึ่งเป็นการดึงประสิทธิภาพของเลนส์หลัก 48MP ได้เต็มประสิทธิภาพ และสามารถครอปส่วนใดในรูปก็ได้ พร้อมความละเอียดที่ยังชัดอยู่

โหมดมุมกว้าง

โหมดมุมกว้างถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว โดยให้มุมกว้าง และยังเก็บรายละเอียดได้อย่างยอดเยี่ยม รวมไปถึงความสวยงามของภาพยังคงแสดงผลออกมาได้ชัด

โหมดกลางคืน

การถ่ายภาพตอนกลางคืนจากโหมดกลางคืน ถือว่ามีการทำงานที่ยอดเยี่ยม มีการเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนขึ้น รวมไปถึงแสงสีที่สวยงาม

โหมดมาโคร

ใครที่ชอบการถ่ายภาพใกล้ๆ ก็สามารถใช้โหมด Macro ได้เลย จากรูปตัวอย่างถือว่ามีการโฟกัส และให้รายละเอียดในระยะใกล้ๆ ที่สวยงามมากทีเดียว

โหมดภาพบุคคล

การเบลอพื้นหลังจากโหมดภาพบุคคล มีการตัดเบลอพื้นหลังกับส่วนหน้าได้อย่างสวยงาม และเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ใบหน้ายังโดดเด่นเพราะมีโหมดปรับหน้าสวย ถือว่าเป็นอีกโหมดที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทีเดียว

โหมดโคลน

อีกหนึ่งลูกเล่นที่ดูน่าสนใจ ให้คุณได้สนุกกับการถ่ายภาพ โดยโหมดโคลนจะทำการแยกร่างนายแบบ หรือนางแบบ ในรูปภาพ หรือแบบวิดีโอ

คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง

ความละเอียดของภาพถ่ายจากกล้องหลัง : 8000x6000 (48MP), 4000x3000 (4:3), 4000x2250 (16:9), 4000x1800 (เต็มหน้าจอ), 3000x3000 (1:1) พิกเซล
ความละเอียดของภาพถ่ายจากกล้องหน้า : 3880x5184 (4:3), 2916x5184 (16:9), 2332x5184 (เต็มหน้าจอ), 3880x3880 (1:1) พิกเซล
ซูม : สูงสุด 10 เท่า แบบ Optical 2 เท่า
ไฟแฟลช : ปิด, อัตโนมัติ, เปิด, เปิดค้าง
HDR : ปิด, อัตโนมัติ, เปิด
กล้อง AI : เปิด, ปิด
ฟิลเตอร์ : ปกติ, สดใส, บรรยากาศสีทอง, มะนาว, กูร์เมต์, ฟิล์ม, ความรัก, ภาพยนต์, โซดา, สีน้ำเงินท้องฟ้า, ธรรมาชาติ, หวานฉ่ำ, วัยเด็ก, ลิลท์, ท่องเที่ยว, รุ่นอรุณ, ไซเบอร์พังค์, น้ำแข็งสีดำ, ขาวดำ, คลาสสิค
Google Lens : เปิดใช้งาน
กรอบภาพยนต์ : เปิด, ปิด
แสดงตาราง : เปิด, ปิด
ตั้งเวลาถ่าย : 30 รูป 5 วินาที
ลายน้ำ : เพิ่มเวลาบนรูปภาพ, ลายน้ำอุปกรณ์
เคล็ดลับสด : แจ้งเตือนเกี่ยวกับตำหนิ, แจ้งเตือนเมื่อเลนส์สกปรก, แจ้งให้ทราบเกี่ยวกับทิศทาง
ข้อแนะนำอัจฉริยะ : ตัวสแกนเอกสาร, สแกนรหัส QR
แก้ไขความผิดเพี้ยนของภาพมุมกว้าง : เปิด, ปิด
แก้ไขการบิดเบือนใบหน้าของภาพถ่ายกลุ่ม : เปิด, ปิด
ฟอร์แมต HEIF : เปิด, ปิด
คุณภาพรูปถ่าย : สูง, มาตรฐาน, ต่ำ
ถ่ายโดยปิดหน้าจอ : เปิด, ปิด
หน้าที่ปุ่มลดเสียง : ชัตเตอร์, นับถอยหลังชัตเตอร์, ซูม, ระดับเสียง
ถ่ายรูปคน : สูง, มาตรฐาน, ต่ำ
ถ่ายโดยปิดหน้าจอ : เปิด, ปิด
โฟกัสและถ่าย : เปิด, ปิด
แตะปุ่มชัตเตอร์ค้าง : บันทึกวิดีโอ, ถ่ายต่อเนื่อง, โฟกัส
จัดเก็บข้อมูลพิกัด : เปิด, ปิด
เสียงชัตเตอร์ : เปิด, ปิด
บันทึกโหมดก่อนหน้านี้ : เปิด, ปิด
ลดแถบลาย : 50Hz, 60Hz, อัตโนมัติ

คุณสมบัติการถ่ายวิดีโอ

ความละเอียดของภาพวีดีโอจากกล้องหลัง : 3840 x 2160 (UHD 30fps) (16:9), 1920x1080 (FHD 30/60fps) (16:9), 1280x720 (HD 30fps) (16:9) พิกเซล
ความละเอียดของภาพวีดีโอจากกล้องหน้า : 1920x1080 (FHD 30/60fps) (16:9), 1280x720 (HD 30fps) (16:9),พิกเซล
ซูมได้สูงสุด : 6 เท่า
ไฟแฟลช : ปิด, เปิดค้าง
ฟิลเตอร์ภาพยนต์ : ปกติ, โฟกัสสี, BBP, ลึกลับ, มะนาว, แทงโก้, แฟนตาซี, หลับใหล, คาร์แมน, ฤดูร้อน, บรรยากาศสีทอง, เผชิญหน้า, แอร์ดิก, โรม
ฟิลเตอร์ : ฟรุ๊งฟริ๊ง, โบเก้
กรอบภาพยนต์ : เปิด, ปิด
แสดงตาราง : เปิด, ปิด
กล้อง AI : เปิด, ปิด
ซูมเสียง : เปิด, ปิด
อนุญาติให้แท็กวิดีโอ : เปิด, ปิด
ป้องกันภาพสั่นไหว : เปิด, ปิด
ถ่ายโดยปิดหน้าจอ : เปิด, ปิด
ตั้งค่าเสียง : ลดสัญญาณรบกวนอัจฉริยะ, เสียงสามมิติ, หูฟังมอนิเตอร์
การเข้ารหัสวิดีโอ : H.264, H.265
HDR10+ : เปิด, ปิด (ใช้ได้กับวิดีโอ 4K และ 8K)
หน้าที่ปุ่มลดเสียง : ชัตเตอร์, ซูม, ระดับเสียง
จัดเก็บข้อมูลพิกัด : เปิด, ปิด
เสียงชัตเตอร์ : เปิด, ปิด
บันทึกโหมดก่อนหน้านี้ : เปิด, ปิด
ลดแถบลาย : 50Hz, 60Hz, อัตโนมัติ