Samsung Galaxy Z Flip3 5G ได้ออกมาสานต่อความสวยงาม พกพาสะดวกตามฉบับสมาร์ทโฟนฝาพับเป็นที่เรียบร้อย โดยมีการยกเครื่องใหม่ใช้ขุมพลังตัวแรงอย่าง Qualcomm Snapdragon 888 รองรับสัญญาณ 5G และใช้หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X พร้อมดันอัตรา Refresh Rate ได้สูงสุดถึง 120Hz นอกจากนี้ยังในส่วนหน้าจอด้านนอกยังมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น สามารถดูพรีวิวรูปภาพ และจัดการเซลฟี่จากกล้องหลังได้ทันที ทั้งหมดมีราคาเปิดตัวเริ่มต้นที่ 34,900 บาท
ในตอนที่ Samsung Galaxy Z Flip3 5G พับปิดอยู่จะมีขนาด 72.2 x 86.4 x 17.1 มิลลิเมตร และเมื่อเปิดกางหน้าจอออกมาจะมีขนาด 72.2 x 166 x 6.9 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักตัวอยู่ที่ 183 กรัม
ตรงแกนพับทำจากวัสดุอะลูมิเนียม และมีการสลักคำว่า Samsung เอาไว้
หน้าจอแสดงผลด้านใน เป็นจอพับพาแนล Dynamic AMOLED 2X กว้าง 6.7 นิ้ว ความละเอียด 2640x1080 พิกเซล อัตรา Refresh Rate สูงสุด 120Hz เคลือบด้วยกระจก Gorilla Glass Victus และใช้ดีไซน์รอยแหว่งแบบจอเจาะรู หรือ Infinity-O
ส่วนบนหน้าจอ ในรอยแหว่งมีกล้องหน้า ความละเอียด 10MP และในขอบหน้าจอด้านบนจะมีลำโพงเสียง
ส่วนล่างตัวเครื่อง ไม่มีปุ่มใช้งานแบบฮาร์ดแวร์ โดยปุ่มนำทางมาในรูปแบบซอฟแวร์
ข้างซ้ายตัวเครื่อง มีช่องใส่ถาดซิมการ์ด โดยถาดรองรับ Nano SIM 1 ช่อง
ช้างขวาตัวเครื่อง มีปุ่มใช้งานมาตรฐาน ปุ่มยาวเป็นปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง ส่วนปุ่มเล็กเป็นปุ่มเพาเวอร์ และเป็นที่สแกนลายนิ้วมือด้วย
ด้านบนตัวเครื่อง มีเพียงรูไมโครโฟน
ด้านใต้ทางซ้ายเป็นรูไมโครโฟน 2 ช่อง ตรงกลางเป็นพอร์ต USB Type-C และทางขวาเป็นลำโพงเสียง
พลิกมาที่ด้านหลังตัวเครื่อง หรือจะเรียกว่าฝาหน้าก็ได้ สำหรับกล้องหลังมีการจัดเรียงเป็นแนวตั้ง ติดตั้งมาด้วยกัน 2 เลนส์คือ เลนส์ Wide ความละเอียด 12MP และเลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 12MP มีไฟแฟลชอยู่ใต้กล้อง
ถัดมาข้างขวาของกล้อง จะมีอีกหน้าจอนั้นคือหน้าจอด้านนอก ซึ่งมีไว้ใช้งาน Widget และดูการแจ้งเตือน นอกจากนี้ยังสามารถเป็นหน้าจอเพื่อใช้ถ่ายเซลฟี่ด้วยการใช้กล้องหลังอีกด้วย โดยหน้าจอนี้เป็นพาแนล Super AMOLED กว้าง 1.9 นิ้ว ความละเอียด 512x260 พิกเซล
สเปคของ Samsung Galaxy Z Flip3 5G
RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน
ตัวเลือก RAM และ ROM ของ Samsung Galaxy Z Flip3 5G จะมีให้เลือก 2 ตัวเลือกคือ 8GB+128GB และ 8GB+256GB ส่วนเครื่องที่ได้มาเป็นรุ่น 8GB+128GB จากการที่เปิดเครื่องมาครั้งแรก ระบบจะมีการกินพื้นที่ไป 26.62GB (ไม่เลือกติดตั้งแอพฯ ที่แนะนำ) ทำให้เหลือพื้นที่ใช้งานจริงๆ ประมาณ 101GB
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการจะรันบน One UI 3.1 บนพื้นฐาน Android 11 ซึ่งจะมีการปรับแต่งเพื่อให้ใช้งานได้ดีกับหน้าจอพับ รวมไปถึงการปรับแต่งในส่วนหน้าจอด้านนอก ส่วนเรื่องของระบบจะมีความลื่น เปิดปิดแอพฯ ได้รวดเร็ว
หน้าจอหลัก
หน้าจอหลักเป็นไปตามสไตล์ของ Samsung Galaxy ซึ่งเน้นความเรียบง่าย สะอาดตา และใช้งานสะดวก พร้อมถาดเก็บแอพฯ ที่ปัดหน้าจอขึ้นเพื่อเปิดได้ทันที นอกจากนี้ยังสามารถใส่ Widget และเปลี่ยน Wallpaper ได้ตามสะดวก
แผง Edge
ในส่วนแผง Edge จะอยู่ที่ขอบหน้าจอ สามารถปัดเข้ามาข้างในเพื่อเปิดออกมาได้ โดยในนั้นมีแอพฯ เก็บไว้อยู่สามารถเรียกเปิดใช้งานได้ตลอดเวลา หรือจะใช้เปิดเป็นแบ่งหน้าจอก็ได้เช่นกัน สามารถไปตั้งค่าแผง Edge ได้ที่ การตั้งค่า > จอภาพ > แผง Edge
โหมดมืด
โหมดมืดจะเป็นการเปลี่ยนธีมให้เป็นสีดำ และใช้ตัวหนังสือเป็นสีขาว ช่วยให้ใช้งานผ่านหน้าจอในที่แสงน้อยได้สบายตา และหากเปิดใช้งานโหมดมืดตลอดเวลา ยังเป็นการประหยัดแบตเตอรี่ไปในตัว เพราะหน้าจอของ Samsung Galaxy Z Flip3 5G เป็นแบบ AMOLED นั้นเอง สามารถไปเปิดโหมดมืดได้ที่ การตั้งค่า > จอภาพ > โหมดมืด
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง
ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้
ดีไซน์สวยงาม พกพาสะดวก
Samsung Galaxy Z Flip3 5G ยังคงความเป็น Galaxy Flip Series ได้อย่างดี ด้วยดีไซน์ฝาพับเหมือนแป้งพัฟ ทำให้ดูเล็กๆ น่ารักสวยงาม แถมยังพกพาได้อย่างสะดวก และแม้ว่าหน้าตาจะดูสวยงาม แต่ภายในก็แรงเอาเรื่อง ด้วยการใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 888 พร้อมกับรองรับสัญญาณ 5G ทำให้การใช้งานน่าชมไม่แพ้การดีไซน์เลย
สวยงามไม่พอ ยังมาพร้อมความแข็งแกร่ง
ความสวยงามอย่างเดียวไม่พอแน่นอน ต้องมาพร้อมกับความแข็งแกร่งใช้งานได้แบบไม่ต้องกังวล ซึ่ง Samsung Galaxy Z Flip3 5G ก็จัดให้ ด้วยการเคลือบกระจก Gorilla Glass Victus ทั้งหน้าจอ และตัวเครื่อง ป้องกันรอยขีดข่วนได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนแกนพับก็ใช้วัสดุอะลูมิเนียมแข็งแกร่ง พับเปิดปิดได้อย่างอุ่นใจ ไม่พอแค่นั้นหน้าจอก็ทำจากเทคโนโลยี Samsung Ultra Thin Glass ทนทานขึ้นถึง 80% และทนต่อการพับได้ถึง 200,000 ครั้ง (ตามที่ Samsung เคลมไว้)
หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X และ Refresh Rate 120Hz
หน้าจอด้านในจะเป็นพาแนล Dynamic AMOLED 2X ซึ่งให้การแสดงผลที่สวย มีสีที่สดเหมาะกับการดูคอนเทนด์สตรีมมิ่งต่างๆ การันตีโดย VDE Germany รับรองว่าหน้าจอสามารถแสดงผลช่วงสี DCI-P3 ได้ 100% ทั้งนี้ยังมีอัตรา Refresh Rate สูงสุด 120Hz ทำให้แสดงผลได้แบบลื่นตา และเป็นการปรับแบบอัตโนมัติ เพื่อให้มีอัตรา Refresh Rate ที่เหมาะกับการใช้งานในเวลานั้น ไม่ต้องใช้ 120Hz ตลอดเวลา ซึ่งช่วยให้ประหยัดแบตเตอรี่ไปในตัว
ส่วนบริเวณรอยพับจะเห็นได้อยู่หากมองในมุมข้าง และเมื่อสัมผัสลงไปจะรู้สึกเป็นคลื่นๆ แต่เมื่อเปิดใช้งานตามปกติ (ในแนวสายตา) ก็ไม่ค่อยเห็นรอยพับตรงนี้ และยิ่งเปิดแอพฯ หรือเปิดดูหนังดูซีรี่ย์ก็แทบจะไม่เห็นเลย
ลำโพงคู่ Stereo รองรับระบบ Dolby Atmos
ด้านพลังเสียงก็ไม่ธรรมดา เพราะได้ลำโพงคู่แบบ Stereo ติดตั้งมาด้วย พร้อมรองรับระบบเสียงแบบ Dolby Atmos ทำให้เสียงมีมิติ และสมจริงมากขึ้น ใครที่ชอบคอนเทนด์เช่นดู Netflix ก็รับชมได้แบบเพลินๆ
แบ่งหน้าจอได้หมด เพราะฟังก์ชั่น Labs
ตามปกติการ Split Screen หรือการแบ่งหน้าจอ บางแอพฯ ที่ไม่รองรับจะไม่สามารถใช้งานในโหมดนี้ได้ แต่ Samsung Galaxy Z Flip3 5G ที่มีฟังก์ชั่น Labs จะหมดปัญหาเหล่านี้ไปทันที เพราะ Labs จะทำการบังคับให้แอพฯ ที่ไม่รองรับ ให้สามารถใช้งานแบ่งหน้าจอได้ ไม่ว่าแอพฯ จะมาจากไหน Labs ก็บังคับได้ทั้งหมด
Flex Mode
Flex Mode จะเป็นการปรับหน้าจอให้ตั้งขึ้น จากนั้นแอพฯ ที่ใช้งานจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบให้เหมาะกับการใช้งาน อย่างเช่น วิดีโอคอลอยู่ ก็สามารถใช้หน้าจอส่วนล่างในการจดบันทึก หรือจะเปิดกล้องเซลฟี่ใช้เป็นกระจกเพื่อแต่งหน้าก็ได้เช่นกัน
ปรับแต่งหน้าจอด้านนอก
หน้าจอด้านนอกจะใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อน โดยมีเป็นพาแนล Super AMOLED กว้าง 1.9 นิ้ว ความละเอียด 512x260 พิกเซล ซึ่งไว้แสดงนาฬิกา และปัดซ้ายขวาเพื่อใช้งาน Widget อื่นๆ หรือดูการแจ้งเตือน ตรงนี้ทำให้เราสามารถดูข้อมูล หรือควบคุมการเล่นเพลงได้โดยไม่ต้องเปิดฝาพับดูในหน้าจอใหญ่ด้านใน ส่วนการปรับแต่งรูปแบบนาฬิกาก็สามารถเข้าไปที่ การตั้งค่า > จอด้านนอก > รูปแบบนาฬิกา ซึ่งจะมีให้เลือกหลายรูปแบบ พร้อมตัวเลือกสี ไม่พอแค่นั้นยังนำรูปภาพในคลังมาเป็นพื้นหลังได้อีกด้วย
ทดสอบการเล่นเกม
ด้วยสเปคที่ให้มาทำให้ Samsung Galaxy Z Flip3 5G สามารถเล่นเกมสเปคสูงๆ ได้สบายๆ ด้วยขุมพลัง Qualcomm Snapdragon 888 ไม่ว่าจะเป็นเกม PUBG Mobile ที่ปรับได้ถึงระดับ Ultra HD และเกมอย่าง ROV ก็ปรับกราฟฟิกระดับสูง พร้อมกับดันเฟรมเรตระดับสูงได้ ซึ่งทำเฟรมเรตได้ราวๆ 59-60fps ตลอดเวลา
รองรับสัญญาณ 5G
Samsung Galaxy Z Flip3 5G จะรองรับการใช้งานสัญญาณ 5G ซึ่งจะใช้ผ่านซิมการ์ดแบบ Nano SIM หรือจะไปเปิดบริการ eSIM กับค่ายบริการสัญญาณมือถือก็ได้ทั้งคู่
แบตเตอรี่
แบตเตอรี่จะมีขนาดเท่าเดิมเหมือนรุ่นก่อนคือ 3,300mAh แต่ด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 888 ที่เป็นขนาด 5 นาโนเมตร และมี AI ที่จัดการแบตเตอรี่ได้ดีขึ้น ทำให้การใช้พลังงานจะยาวนานกว่า โดยการทดสอบจริงจากเกม PUBG Mobile ปรับกราฟฟิก Ultra HD เปิดความสว่างสูงสุด จากแบตเตอรี่ 35% เหลือ 8% ในระยะเวลา 1 ชั่วโมง ส่วนการชาร์จเร็วจะรองรับการชาร์จผ่านสายสูงสุด 15W ซึ่งต้องหาอะแดปเตอร์มาเอง เพราะไม่มีแถมมาด้วย
การใช้งานกล้องถ่ายรูป
ในส่วนของกล้องถ่ายรูป แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อน โดยถูกติดตั้งกล้องหลังมา 2 เลนส์คือ เลนส์ Wide ความละเอียด 12MP และเลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 12MP ส่วนกล้องหน้าในหน้าจอพับก็มีความละเอียด 10MP แต่สิ่งที่ช่วยให้ Samsung Galaxy Z Flip3 5G มีลูดเล่นน่าสนใจมากขึ้นก็คือ หน้าจอทางด้านนอก ที่สามารถใช้เซลฟี่จากกล้องหลัง พร้อมดูพรีวิวรูปภาพในหน้าจอนี้ได้เลย
การถ่ายภาพปกติ มี AI ปรับฉาก
สำหรับการถ่ายภาพปกติ จะมีการทำงานร่วมกับระบบ AI เพื่อการปรับแต่งฉาก ช่วยในการปรับแต่งภาพให้ออกมาสวยงามเพียงการกดชัตเตอร์เพียงปุ่มเดียว ซึ่งระบบนี้เป็นการทำงานแบบอัตโนมัติ สามารถเลือกเปิดหรือปิดได้
โหมดมืด
การถ่ายภาพตอนกลางคืนด้วยโหมดมืด ถือว่าทำออกมาได้ดี มีการใช้สีสันในตอนกลางคืนที่สวย และแสดงรายละเอียดตรงจุดที่มองไม่เห็นได้ดี
โหมดมุมกว้าง
ด้วย Samsung Galaxy Z Flip3 5G ที่พกเลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 12MP มาด้วย ทำให้ถ่ายภาพมุมกว้างได้สวย และให้ความละเอียดที่สูง นอกจากนี้ภาพที่ออกมายังไม่เบี้ยวเหมือนเลนส์ Ultra-Wide ก่อนหน้า เพราะมีระบบปรับแต่งภาพเบี้ยวมาให้
โหมด Portrait
แม้ว่าการเบลอพื้นหลังจะใช้ระบบซอฟแวร์เข้ามาช่วย แต่ก็ถือว่ายังเบลอพื้นหลังตัดกับส่วนหน้าได้สวยงาม พร้อมมีโหมดปรับความเบลอได้ตามสะดวก และมีลูกเล่นแสงไฟต่างๆ ทั้ง สตูดิโอ, High-Key Mono, Low Key Mono, ฉากหลัง, และ คัลเลอร์พอยท์
ถ่ายภาพด้วย Flex Mode
ความโดดเด่นของ Samsung Galaxy Z Flip3 5G จะอยู่ที่การใช้งานกล้องถ่ายรูปร่วมกับ Flex Mode ซึ่งเหมือนเป็นขาตั้งในตัว ช่วยให้ถ่ายภาพได้นิ่งทั้งการเซลฟี่ หรือจากกล้องหลังได้นิ่งๆ ทั้งนี้ยังใช้งานร่วมกับโหมดแสดงมือเพื่อกดชัตเตอร์แบบอัตโนมัติได้ด้วย ทำให้ไม่ต้องเอานิ้วไปสัมผัสตัวเครื่องในการกดชัตเตอร์
ดูพรีวิวจากหน้าจอด้านนอก
ตามปกติในตอนถ่ายภาพจากกล้องหลัง นายแบบ หรือนางแบบ ที่เราถ่ายจะไม่สามารถดูรูปภาพพรีวิวได้ แต่สำหรับ Samsung Galaxy Z Flip3 5G ที่มีหน้าจออยู่ทางด้านนอก ทำให้คนที่ถูกถ่ายสามารถดูพรีวิวก่อนกดชัตเตอร์ได้ ช่วยเสริมความมั่นใจได้อีกทาง
เซลฟี่หน้าจอด้านนอก ด้วยกล้องหลัง
Samsung Galaxy Z Flip3 5G สามารถถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องหลังได้ ด้วยการใช้งานร่วมกับหน้าจอด้านนอก และสามารถใช้ในขณะพับฝาปิดได้ด้วย โดยการกดปุ่มเพาเวอร์ 2 ครั้ง จะเป็นการเริ่มใช้งาน และใช้ปุ่มลดเสียงเป็นปุ่มชัตเตอร์ ซึ่งเลือกใช้งานโหมดต่างๆ ได้ เช่น มุมกว้าง, ซูม และถ่ายวิดีโอ ด้วยการปัดหน้าจอ
ราคา Samsung Galaxy Z Flip3 5G
Samsung Galaxy Z Flip3 5G จะมีให้เลือก 2 ตัวเลือกคือ RAM 8GB + ROM 128GB และ RAM 8GB + ROM 256GB โดยมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 34,900 บาท ส่วนตัวเลือกสีมีให้เลือกถึง 7 สี ซึ่งแบ่งเป็นสีพื้นฐาน 4 สีคือ Cream, Phantom Black, Green, และ Lavender นอกจากนี้ยังมีสีพิเศษอีก 3 สีคือ Gray, White และ Pink
ขอขอบคุณ : บริษัท ไทยซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ จำกัด โทร. 0 2689 3232
ข้อมูลผู้ใช้ร่วมแสดงความเห็นกับ :
https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=465184
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : https://www.siamphone.com/spec/samsung/galaxy_z_flip_3.htm
Apple เปิดตัวฟีเจอร์ Genmoji ใน iOS 18.2 สร้างอิโมจิแบบใหม่ที่ไม่เห...
Samsung Galaxy S25 Slim สุดยอดกล้องระดับไฮเอนด์ในตัวเครื่องที่บางเฉียบ
vivo Y200 5G สมาร์ทโฟนน้องเล็กสายแกร่ง พร้อมท้าทุกการใช้งาน ยาวนาน ...
Honor MagicPad 2 พบกับแท็บเล็ตจอ 144Hz ชิปเซ็ต Snapdragon 8s Gen 3
Belkin BoostCharge Pro แท่นชาร์จไร้สายแบบ 2-in-1 สาวก Apple ต้องมีต...
Samsung Galaxy A16 จอ FHD+ Super AMOLED ใหญ่ชัดเสมือนจริง กล้อง Tri...
พรีวิว Samsung Galaxy Z Flip 6 ครั้งแรกมือถือจอพับกันน้ำได้ Samsung เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ Samsung Galaxy Z Flip 6 รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมเฉดสีสไตล์มินิมอล สดใส เก๋ไก่ น่ารักเอามากๆ มี 4 เฉดสีใ...