iPad Mini (2021) แท็บเล็ตขนาดพาพก ที่มีความโดดเด่นด้วยการใช้ชิปเซ็ตระดับท็อปสุดของปี 2021 อย่าง A15 Bionic ซึ่งเหมือนที่ใช้ใน iPhone 13 Series เรียกว่าได้ทั้งขนาดมินิหยิบจับใช้งานสะดวก ยังมีพร้อมความแรงขั้นสุดของปีนี้ ไม่พอแค่นั้นยังเติมแต่งจินตนาการได้แบบทันใจ เพราะ iPad Mini (2021) จะรองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 สามารถแปะที่ข้างตัวเครื่อง พร้อมให้หยิบใช้งานได้ตลอดเวลา และกล้องหน้าก็ปรับแต่งใหม่ ใช้เป็นเลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 12MP รองรับการใช้งานฟังก์ชั่น Center Stage หรือ จัดให้อยู่ตรงกลาง โดย iPad Mini (2021) มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 17,900 บาท
iPad Mini (2021) มีขนาดรอบตัวเครื่องที่ 195.4x134.8x6.3 มิลลิเมตร ส่วนน้ำหนักรุ่น Wi-Fi จะอยู่ที่ 293 กรัม และรุ่น Wi-Fi + Cellular จะอยู่ที่ 297 กรัม หน้าจอแสดงผล Liquid Retina พาแนล IPS-LCD รองรับระบบสัมผัส และไฟแบ็คไลท์ LED โดยมีความกว้าง 8.3 นิ้ว ความละเอียด 2266x1488 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซล 326ppi ปรับความสว่างได้สูงสุด 500nits
เหนือหน้าจอแสดงผล iPad Mini (2021) มีกล้องหน้า Ultra-Wide ความละเอียด 12MP
ล่างหน้าจอแสดงผล ไม่มีปุ่มโฮมเหมือน iPad 10.2 (2021) โดยการสั่งการจะเป็นแบบท่าทางในหน้าจอแสดงผล
ข้างซ้ายตัวเครื่อง iPad Mini (2021) ไม่มีปุ่มการใช้งานใดๆ
ข้างขวาตัวเครื่อง ตรงกลางเป็นแทบแม่เหล็ก สำหรับติดยึด Apple Pencil รุ่นที่ 2 ส่วนล่างสุดเป็นช่องใส่ถาดซิมการ์ด โดยรองรับ Nano SIM 1 ช่อง (เฉพาะรุ่น Wi-Fi + Cellular)
ส่วนบนตัวเครื่อง iPad Mini (2021) ทางขวาสุดเป็นปุ่มเพาเวอร์ และเป็นที่สแกนลายนิ้วมือ TouchID ทางซ้ายสุดเป็นปุ่มเพิ่มเสียง และลดเสียง ตรงกลางเป็นลำโพงเสียง 2 ตัว กับไมโครโฟนคู่
ส่วนใต้ตัวเครื่อง ตรงกลางเป็นพอร์ต USB Type-C และ 2 ฝั่งซ้ายขวาเป็นช่องลำโพงเสียงอีก 2 ตัว
พลิกมาที่ฝาหลังตัวเครื่อง iPad Mini (2021) มุมบนซ้ายเป็นกล้อง Wide ความละเอียด 12MP ถัดลงมาด้านล่างเป็นไฟแฟลชแบบ True Tone ตรงกลางฝาหลังจะมีโลโก้ Apple และล่างสุดเขียนคำว่า iPad
อุปกรณ์ภายในกล่อง iPad Mini (2021)
สเปคของ iPad Mini (2021)
ที่เก็บข้อมูลภายในเริ่มต้น 64GB
iPad Mini (2021) ที่วางขายในประเทศไทย มีตัวเลือกพื้นที่เก็บข้อมูลภายในเริ่มต้นที่ 64GB และมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 17,990 บาท ส่วนเครื่องที่ได้มารีวิวเป็นรุ่น 256GB ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุดมีราคาอยู่ที่ 23,400 บาท
ระบบปฏิบัติการ iPadOS 15
ระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดอย่าง iPadOS 15 จะรันอยู่ใน iPad Mini (2021) แน่นอนว่าความรวดเร็วจะเพิ่มมากขึ้น และฟังก์ชั่นการใช้งานใหม่ๆ ก็พร้อมใช้งานทั้งหมด
หน้าจอหลัก
หน้าจอหลักจะมีหน้าตาเหมาะกับการใช้งานแบบแท็บเล็ต พร้อมเปลี่ยน Wallpaper และเพิ่ม Widget ได้ตามใจ นอกจากนี้ยังมีหน้าตาคุ้นเคยตามฉบับอุปกรณ์ของ Apple และมีอนิเมชั่นที่ดูลื่นตาลื่นนิ้วมากขึ้น
Wallpaper หรือภาพพื้นหลัง
ภาพพื้นหลัง Wallpaper ก็มีดีไซน์ใหม่ๆ ให้เลือกปรับเปลี่ยน โดยมีทั้งแบบ Dynamic, ภาพนิ่ง, หรือจะนำรูปจากคลังรูปภาพมาปรับเปลี่ยนได้ทันที สามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ การตั้งค่า > ภาพพื้นหลัง
Widget
Widget ก็ยังมีให้เลือกปรับแต่งที่หน้าจอหลักเช่นเคย แต่สำหรับ iPadOS 15 มีการปรับแต่งดีไซน์ของ Widget ให้ดูสวยงามมากขึ้น โดยเปิดเพิ่ม Widget สามารถทำได้ด้วยการ กดค้างในพื้นที่ว่างตรงหน้าจอหลัก จากนั้นจะเป็นเครื่องหมาย + ทางมุมบนซ้ายของหน้าจอ
Split Screen และ หน้าต่าง Pop-Up
การแบ่งหน้าจอแสดงผล หรือ Split Screen บน iPad Mini (2021) สามารถแบ่งได้สูงสุด 2 หน้า เพิ่มประสิทธิภาพแบบมัลติมีเดียมากขึ้น โดยการ Split Screen จะสามารถแบ่งได้ 2 แบบคือ แบ่งหน้าจอซ้ายขวา หรือ อีก 1 แอพฯ เป็นหน้าต่าง Pop-Up โดยการแบ่งหน้าจอต้องใช้ Dock หรือกด 3 จุดตรงด้านบนสุดของหน้าจอ ภายในแอพพลิเคชั่นที่รองรับ
โหมดมืด
โหมดมืดยังมีให้ใช้งาน โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > จอภาพและความสว่าง ซึ่งระบบจะทำการเปลี่ยนธีมเป็นสีดำ และใช้ตัวหนังสือสีขาว เพื่อการใช้งานในที่แสงน้อยได้อย่างสบายตา
หน้าจอ True Tone
หน้าจอของ iPad Mini (2021) จะรองรับฟังก์ชั่น True Tone หรือการปรับแสงหน้าจอ ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่กำลังใช้งาน ซึ่งหน้าจอจะมีการกรองแสงสีฟ้า และปรับความสว่างให้แบบอัตโนมัติ
Memoji
Memoji บน iPadOS 15 จะมีการปรับแต่งที่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หรือเครื่องประดับในส่วนหัวที่หลากหลาย
ข้อความในภาพ
ฟีเจอร์ข้อความในภาพ จะสามารถ Copy ข้อความบนรูปภาพ หรือแปลภาษาข้อความนั้นได้ทันที โดยการกดค้างที่ตัวหนังสือนั้นๆ แต่เบื้องต้นฟีเจอร์ ข้อความภาพ ยังรองรับไม่รองรับภาษาไทย ก็แนะนำว่าให้เปลี่ยนภาษาของเครื่องเป็นภาษาอังกฤษเสียก่อน จึงจะใช้ฟีเจอร์นี้ได้
โน้ตด่วน
โน้ตด่วน เป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานเพื่อใช้งานจดข้อความแบบเล็กน้อย และรวดเร็ว โดยการใช้งานสามารถเริ่มได้ด้วยการ Crop ข้อความในแอพฯ ที่รองรับ (ภาพตัวอย่างทำสอบใช้งาน Safari) จากนั้นจะมีแถบเมนู โน้ตด่วน ขึ้นมา เมื่อกดลงไปจะมีหน้าต่างให้จนโน้ตเล็ก เป็นหน้าต่าง Pop-Up ขึ้นมา ส่วนไฟล์ที่เซฟจะอยู่ในแอพพลิเคชั่นโน้ต
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง
เครื่องเล็กกะทัดรัด แต่หน้าจอใหญ่กำลังดี 8.3 นิ้ว
ชื่อ Mini ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะ iPad Mini (2021) มาพร้อมขนาดตัวเครื่องที่เล็ก พกพาได้สะดวก สามารถถือใช้งานได้แบบไม่หนัดจนเดินไปในมือเดียว และตัวเครื่องยังเป็นแบบเหลี่ยมๆ ซึ่งเป็นดีไซน์สวยงามตามแบบฉบับ iPhone 13 Series
นอกจากนี้ iPad Mini (2021) ยังมีหน้าจอแสดงผล IPS-LCD ให้สีที่สมจริงด้วยขอบเขตสีกว้างแบบ P3 ส่วนความกว้างอยู่ที่ 8.3 นิ้ว พร้อมความละเอียด 2266x1488 พิกเซล ถือว่าเป็นขนาดหน้าจอที่กำลังดี ใช้งานได้สะดวก บนตัวเครื่องที่เล็กกะทัดรัด
ความบันเทิงจัดเต็ม ลำโพง 4 ตัวรอบทิศทาง
เรื่องของระบบเสียง ก็ให้ความบันเทิงได้แบบจัดเต็ม เนื่องจาก iPad Mini (2021) มาพร้อมลำโพงเสียงถึง 4 ตัว โดยอยู่ทางด้านบน 2 ตัว และด้านล่าง 2 ตัว ทำให้เสียงที่ออกมามีมิติรอบทิศทาง และยังมีความดังชัดเจน
A15 Bionic ชิปเซ็ตตัวแรงสุดในปี 2021
iPad Mini (2021) ถือว่ามีความแรงในการใช้งานที่เต็มสูบ เพราะถูกขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต A15 Bionic ซึ่งเป็นตตัวเดียวกับที่ใช้ใน iPhone 13 Series โดยชิปเซ็ต A15 Bionic มีประสิทธิภาพด้าน CPU แบบ 6-Core สูงขึ้นถึง 40% และ GPU แบบ 5-Core มีการประมวลผลกราฟฟิกที่เร็วขึ้นถึง 80% นอกจากนี้ยังมี Neural Engine ที่ฉลาดเรียนรู้ได้เร็วขึ้นเป็น 2 เท่า เรียกว่า iPad Mini (2021) รองรับการทำงานรอบด้าน ไม่ว่าจะทำงาน หรือความบันเทิง ก็เอาอยู่
ทดสอบการเล่นเกม
เรื่องการเล่นเกม iPad Mini (2021) จัดเต็มได้แบบสบายๆ เพราะการขับเคลื่อนของชิปเซ็ต A15 Bionic ซึ่งจากที่ทดสอบใช้งานกับเกมปราบเซียนอย่าง Genshin Impact ก็ถือว่าสอบผ่านเล่นบนความละเอียดระดับสูงได้ทันที
ส่วนอีกเกมอย่าง PUBG Mobile ก็ปรับกราฟฟิกระดับสูงได้ถึง Ultra HD พร้อมกับเฟรมเรตระดับ Ultra ซึ่งการเล่นจริงก็ถือว่า ได้ทั้งภาพที่สวยงาน และกราฟฟิกที่ไหลลื่น ตลอดไปจนกินไก่เลย
สแกนลายนิ้วมือ TouchID
ระบบความปลอดภัยแบบไบโอเมตริกซ์บน ยังคงใช้งานแบบ TouchID หรือการสแกนลายนิ้วมือ โดยที่สแกนจะอยู่ที่ปุ่มเพาเวอร์ ซึ่งการทำงานก็มีความรวดเร็ว และสแกนได้อย่างแม่นยำ ส่วนนิ้วที่แนะนำให้สแกนก็เป็นนิ้วชี้ข้างขวา เพราะจะจับสแกนได้อย่างถนัด
อินเตอร์เน็ตรวดเร็วทันใจทั้ง Wi-Fi 6 และสัญญาณ 5G
การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตไร้สาย iPad Mini (2021) จะรองรับ Wi-Fi ด้วยมาตรฐาน Wi-Fi 6 พร้อมรองรับความถี่ทั้ง 2.4GHz และ 5GHz แน่นอนว่าสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ครอบคลุม และรองรับความเร็วในระดับสูงสุดอีกด้วย ส่วนรุ่น Wi-Fi + Cellular ก็จะรองรับการใช้งานสัญญาณ 5G ถือว่าได้เปิดประสบการณ์ความเร็วไปอีกระดับ แถมใช้งาน eSIM ได้ด้วย
รองรับ Apple Pencil รุ่นที่ 2
ความล้ำของ iPad Mini (2021) ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เพราะเจ้าตัวจะรองรับการใช้งาน Apple Pencil รุ่นที่ 2 ซึ่งเป็นปากกา Stylus รุ่นใหม่จาก Apple โดยตัวปากกาจะมีความเล็กลง และเชื่อมต่อกับตัวเครื่องด้วยระบบแม่เหล็ก ไม่ว่าจะชาร์จ หรือพักการใช้งาน ก็เพียงแปะไว้ที่ข้างตัวเครื่อง ทั้งนี้ยังรองรับการสั่งการด้วยแตะ 2 ครั้ง เพื่อเปลี่ยนเครื่องมือ พร้อมกับส่วนปลายที่มีความไวต่อแรงกด และเอียงใช้งานได้แบบสมจริง จากที่ทดสอบใช้งานก็เข้ากับขนาดตัวเครื่องของ iPad Mini (2021) ได้อย่างดี และหยิบจับใช้งานได้อย่างถนัด โดย Apple Pencil รุ่นที่ 2 ต้องซื้อแยก สนนราคาอยู่ที่ 4,490 บาท
เคส Smart Folio
เพื่อการปกป้องที่มั่นใจ ทาง Apple ก็ส่งเคส Smart Folio มาด้วย ซึ่งเป็นเคสแบบฝาพับเปิดปิด สามารถนำมาพับเป็นขาตั้งได้ นอกจากนี้ตัวเคสยังดูเรียบบาง พร้อมตัวเลือกสีสันที่ดูเรียบสวยงาม
พอร์ต USB Type-C หาสาย USB ใช้งานได้ง่ายขึ้น
iPad Mini (2021) จะได้ใช้งานพอร์ต USB Type-C ซึ่งฉีกฎของอุปกรณ์ Apple ที่ปกติจะเป็นพอร์ต USB Lightning โดยพอร์ต USB Type-C ถือว่าช่วยให้หาสาย USB มาใช้งานได้ง่าย แต่จากที่ทดสอบจะลองโอนย้ายรูปเข้าเครื่อง PC ปรากฏว่า ต้องใช้สาย USB Type-A ของ Apple เท่านั้น และไม่สามารถใช้สาย USB Type-C ของ Android
แบตเตอรี่
ขนาดแบตเตอรี่ iPad Mini (2021) ทาง Apple ไม่ได้ระบุออกมาเป็นตัวเลข แต่การใช้งานพื้นฐานก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานใน 1 วัน แต่หากใช้ทำงาน หรือเล่นเกมที่ใช้ทรัพยากรเครื่องสูงๆ อาจจะต้องเสียบสายชาร์จ และใช้งานไปด้วย ส่วนเรื่องการชาร์จจะรองรับการชาร์จเร็ว 20W โดยการทดสอบชาร์จจาก 22% ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที ก็กลับมาเต็ม 100%
การใช้งานกล้องถ่ายรูป
iPad Mini (2021) มาพร้อมกล้องหน้า และกล้องหลัง อย่างละ 1 เลนส์ โดยกล้องหลังเป็นเลนส์ Wide มีความละเอียด 12MP พร้อมไฟแฟลชแบบ True Tone ส่วนไฮไลท์จริงๆ จะอยู่ที่กล้องหน้า โดยเป็นเลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 12MP รองรับการถ่ายเซลฟี่มุมกว้าง และรองรับการใช้งานระบบ Center Stage หรือ จัดให้อยู่ตรงกลาง
กล้องหลัง Wide ความละเอียด 12MP
กล้องหลัง ความละเอียด 12MP ไม่ได้มีลูกเล่นอะไรมาก แต่ก็สามารถใช้ถ่ายรูปได้แบบปกติ มีระบบออโต้โฟกัสด้วย Focus Pixel พร้อมรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 60fps
กล้องหน้า Ultra-Wide ความละเอียด 12MP
กล้องหน้า ถือว่ามีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยใช้เป็นเลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 12MP สามารถถ่ายเซลฟี่มุมกว้างได้ 122 องศา และมีระบบซอฟแวร์ป้องกันการสั่นไหวแบบอัตโนมัติ
ฟีเจอร์ Center Stage หรือ จัดให้อยู่ตรงกลาง
ด้วยกล้องหน้าที่เป็นเลนส์ Ultra-Wide ทำให้การใช้งานวิดีโอคอล ดูง่ายดาย และใช้งานได้สะดวกมากขึ้น และยังรองรับการใช้งานฟีเจอร์ Center Stage หรือ จัดให้อยู่ตรงกลาง ซึ่งกล้องจะแพลนให้ผู้ใช้งานอยู่ในเฟรมตลอดแบบอัตโนมัติ โดยรองรับการใช้งานบน FaceTime และแอพฯ 3rd Party อย่างเช่น Zoom และ Line อีกด้วย
ข้อมูลผู้ใช้ร่วมแสดงความเห็นกับ : iPad Mini (2021)
https://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=465442
แคตตาล็อกตัวเครื่อง iPad Mini (2021)
https://www.siamphone.com/spec/apple/ipad_mini_(2021).htm
Samsung Galaxy S25 Slim สุดยอดกล้องระดับไฮเอนด์ในตัวเครื่องที่บางเฉียบ
vivo Y200 5G สมาร์ทโฟนน้องเล็กสายแกร่ง พร้อมท้าทุกการใช้งาน ยาวนาน ...
Honor MagicPad 2 พบกับแท็บเล็ตจอ 144Hz ชิปเซ็ต Snapdragon 8s Gen 3
Belkin BoostCharge Pro แท่นชาร์จไร้สายแบบ 2-in-1 สาวก Apple ต้องมีต...
Samsung Galaxy A16 จอ FHD+ Super AMOLED ใหญ่ชัดเสมือนจริง กล้อง Tri...
ทำความรู้จัก HONOR X7c หน้าจอ 6.77 นิ้ว กล้องหลัง 108 ล้านพิกเซล ทน...
พรีวิว Samsung Galaxy Z Flip 6 ครั้งแรกมือถือจอพับกันน้ำได้ Samsung เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ Samsung Galaxy Z Flip 6 รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมเฉดสีสไตล์มินิมอล สดใส เก๋ไก่ น่ารักเอามากๆ มี 4 เฉดสีใ...