Apple Watch Series 7 มารอบนี้ยังไม่ค่อยมีฟีเจอร์อะไรแปลกใหม่ ยังคงมีฟีเจอร์การออกกำลังกาย และการติดตามสุขภาพมาให้ครบๆ แต่จะเน้นไปที่เรื่องดีไซน์ และความแข็งแกร่งของหน้าจอ โดยหน้าจอ LTPO OLED Retina มีความกว้างเบียดขอบมากขึ้น พร้อมกับส่วนด้านหน้าที่เป็นแบบคริสตัลอย่างหนา เสริมความแข็งแกร่งให้กับหน้าจอ นอกจากนี้ยังได้มาตรฐานกันฝุ่น IP6X และกันน้ำระดับ WR50 ส่วนชิปเซ็ตมาพร้อมชิปตัวใหม่ SiP รุ่นที่ S7 เพิ่มความลื่นในการใช้งาน และรองรับการชาร์จเร็ว ซึ่งชาร์จได้เร็วขึ้นถึง 33% สำหรับ Apple Watch Series 7 มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 13,900 บาท

รูปลักษณ์ภายนอกLook & Design

Apple Watch Series 7 จะมีตัวเรือนที่ใหญ่ขึ้น 1 มิลลิเมตรจาก Apple Watch Series 6 โดยมีให้เลือก 2 ขนาดคือ 41 มิลลิเมตร และ 45 มิลลิเมตร ในขณะที่วัสดุตัวเรือนยังมีให้เลือก 3 แบบเช่นเดิมคือ อะลูมิเนียม, สแตนเลสสตีล และไทเทเนียม ซึ่งรุ่นที่ได้มารีวิวเป็น อะลูมิเนียม ขนาด 41 มิลลิเมตร

หน้าจอแสดงผลคือความโดดเด่นของ Apple Watch Series 7 โดยมีความเบียดขอบมากขึ้น ใช้พาแนล LTPO OLED Retina ปรับความสว่างได้สูงสุด 1,000nits และกระจก Ion-X

ข้างซ้ายตัวเรือน เป็นลำโพงเสียงในตัว สามารถรับฟังการแจ้งเตือนจากระบบ และใช้คุยสายโทรศัพท์ได้ด้วย

ข้างขวาตัวเรือน มีเม็ดมะยมเลื่อนหมุนได้ (Digital Crown) ถัดลงมาเป็นรูไมโครโฟน และปุ่มเพาเวอร์ หรือไว้ดูแอพฯ ก่อนหน้า

ด้านหลังตัวเรือน จะเป็นแผงรวมเซนเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด, เซนเซอร์วัดหัวใจแบบไฟฟ้า และเซนเซอร์วัดหัวใจแบบออปติคัลรุ่นที่ 3 ทั้งนี้ยังเป็นที่ชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย

สายรัดข้อมือยังคงคอนเซ็ปถอดเปลี่ยนได้ง่าย แต่รัดแน่น ซึ่งจริงๆ แล้วมีให้เลือกมากถึง 7 แบบไม่ว่าจะเป็น Solo Loop, Braided Solo Loop, Sport Band, Sport Loop, ไนลอน, หนัง, และสแตนเลสสตีล ส่วนสายรีวิวที่ได้มาเป็นแบบ Sport Band

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • ตัวเรือน Apple Watch Series 7
  • สายรัดข้อมือซิลิโคน
  • แท่นชาร์จไร้สาย USB Type-C
  • คู่มือการใช้งาน และใบรับประกัน

เมนู & ฟังก์ชันMenu & Function

สเปคของ Apple Watch Series 7

  • ขนาดตัวเรือน : 45 มิลลิเมตร และ 41 มิลลิเมตร
  • ตัวเรือน : อะลูมิเนียม, สแตนเลสสตีล และไทเทเนียม
  • หน้าจอ : LTPO OLED Retina Display
  • ชิปเซ็ต : SiP รุ่น S7
  • ที่เก็บข้อมูลภายใน : 32GB
  • กันฝุ่น IP6X
  • กันน้ำลึก : 50 เมตร
  • โทรฉุกเฉินทั่วโลก
  • GPS/GNSS เข็มทิศ และมาตรวัดความสูงแบบทำงานตลอด
  • มีลำโพง + ไมโครโฟน ในตัว
  • ชาร์จแบตเตอรี่เร็วขึ้น 33%

เริ่มใช้งาน และการเชื่อมต่อ
การเริ่มต้นใช้งานครั้งแรก จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับเครื่อง iPhone 6s ขึ้นไป ที่มีระบบปฏิบัติการ iOS 15 ขึ้นไป โดยการเชื่อมต่อให้ไปที่แอพฯ Watch และเริ่มตั้งค่า Apple Watch ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบ ตั้งค่าสำหรับตัวเอง หรือครอบครัว จากนั้นระบบจะเปิดกล้องให้สแกนหน้าปัด Apple Watch Series 7 ก็เป็นการจับคู่ทั้ง 2 อุปกรณ์

จุดเด่นน่าสนใจSpecial & Features

หน้าจอกว้างเบียดขอบ ใช้งานได้สะดวก
ความโดดเด่นของ Apple Watch Series 7 จะอยู่ที่หน้าจอกว้าง และเป็นการกว้างชนิดที่ว่าเบียดขอบ ซึ่งช่วยในการใช้งานผ่านหน้าปัดได้สะดวกมากขึ้น และหลายๆ แอพฯ ก็สามารถใช้ประโยชน์ในจุดนี้ เพื่อแสดงรายละเอียดภายในแอพฯ ได้มากขึ้น

เคลือบด้านหน้าด้วยคริสตัลที่หนาขึ้น ทนทานมากกว่าเดิม
นอกจากหน้าจอกว้างเบียดขอบไปแล้ว ในส่วนด้านหน้ายังมีการเคลือบคริสตัลที่หนาขึ้น 50% (เทียบกับ Apple Watch Series 6) พร้อมรูปทรงที่แข็งแกร่งมั่นคง แต่ยังคงความโค้งได้อย่างสวยงาม ทั้งหมดเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่ง และความทนทาน ในส่วนหน้าจอได้อย่างดี

มีมาตรฐานกันฝุ่น IP6X รุ่นแรกของ Apple Watch
มาตรฐานกันฝุ่น IP6X เป็นอีกสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาบน Apple Watch Series 7 ซึ่งตรงนี้จะช่วยให้ตัวเครื่องมีการปกป้องฝุ่นได้ระดับสมบูรณ์ ป้องกันฝุ่นละอองได้อย่างดี แบบนี้ก็สามารถนำ Apple Watch Series 7 ไปใช้งานแบบลุยๆ ได้หายห่วง

หน้าปัดนาฬิกา ปรับแต่งในแบบที่เป็นเรา
หน้าปัดนาฬิกา ยังคงมีให้เลือกปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย และแต่ละหน้าปัดยังสามารถเลือกปรับแต่งในแบบที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะแสดงการเต้นของหัวใจ ดูสภาพอากาศ ดูกระแสคลื่น ดูกระแสลม เป็นต้น นอกจากนี้บางหน้าปัดยังสามารถเลือกแอพฯ ที่ใช้งานบ่อยมาไว้บนหน้าจอได้อีกด้วย

 

มุมมองแอป
ตามปกติมุมมองแอป หรือที่รวมแอพฯ (เปิดใช้งานด้วยการกดปุ่ม Digital Crown) จะมีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ WatchOS ซึ่งแอพฯ จะเป็นรูปแบบวงกลม และเรียงกันเหมือนฟอง แต่หากไม่ชอบรูปร่างหน้าตาแบบนี้ เพราะดูใช้งานได้ยาก ก็สามารถเลือกเปลี่ยนเป็นเมนูง่ายๆ ได้ โดยเข้าไปที่ แอพฯ Watch > มุมมองแอป

App Store มีให้ดาวน์โหลดเพิ่มกว่าพันแอป
Apple Watch Series 7 สามารถดาวน์โหลดแอพฯ เพิ่มเติมผ่านทาง App Store ได้ ซึ่งภายใน App Store ก็มีแอปให้เลือกใช้งานกว่าพันแอป และแต่ละแอปก็มาช่วยเติมเป็นการใช้งานให้กับ Apple Watch Series 7 มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การดูข่าวสาร, แปลภาษา, การออกกำลังกาย หรือด้านสุขภาพ ซึ่งมีทั้งฟรี และเสียตังเพิ่ม

โหมดออกกำลังกาย
ในโหมดออกกำลังต้องบอกว่ามีให้เลือกเยอะมากๆ เรียกว่าน่าจะตอบโจทย์การใช้งานออกกำลังกายเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะบนบก ในน้ำ กลางแจ้ง ในร่ม หรือแม้แต่ที่สูงอย่างปีนเขา ก็มีโหมดออกกำลังกายให้เลือก แต่สำหรับแอดมินได้ทำลองใช้โหมดวิ่งกลางแจ้ง โดยในโหมดก็มีการบอกสถานะต่างๆ เช่น ระยะเวลาที่วิ่ง, ระยะทาง, ค่าเฉลี่ย และอัตราการเต้นของหัวใจ

 

Activity หรือภาพรวมกิจกรรม
Apple Watch Series 7 ยังมีแอป Activity หรือภาพรวมกิจกรรม ที่เป็นตัวสรุปภาพรวมการออกกำลังกาย หรือการขยับร่างกายของผู้ใช้งานในแต่ละวัน ซึ่งถูกแบ่งเป็น 3 สีคือ การเคลื่อนไหว = สีแดง, การออกกำลังกาย = สีเขียว, การยืน = สีฟ้า นอกจากนี้ยังมีการบอกจำนวนแคลที่เผาผลาญไป จำนวนก้าวที่เดิม แลพระยะทางทั้งหมด โดยทั้งหมดจะไปคำนวนกับเป้าหมายกิโลแคลอรี่ ในแต่ละวันว่าผ่านเกณฑ์ หรือไม่ (สามารถปรับเป้าหมายกิโลแคลอรี่ได้เอง)

ฟังก์ชั่นติดตามสุขภาพ
โหมดติดตามสุขภาพก็ยังไม่มีอะไรแปลกใหม่บน Apple Watch Series 7 ซึ่งฟังก์ชั่นการใช้งานยังมาครบๆ เหมือน Apple Watch Series 6 แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมาคือการใช้งานวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือ ECG โดยสามารถใช้งานได้แล้วในประเทศไทย

  • ตรวจจับการเต้นของหัวใจ
    การตรวจจับการเต้นของหัวใจ ยังเป็นการวัดแบบตลอดเวลา 24 ชั่วโมง (หากสวมใส่) และการวัดจะมีความแม่นยำสูงเพราะเซนเซอร์วัดหัวใจเป็นแบบออฟติคัลรุ่นที่ 3 โดยระบบจะมีการคำนวนค่าเฉลี่ยต่ำสุด และสูงสุดในแต่ละวัน นอกจากนี้ยังค่าเฉลี่ยการเต้นของหัวใจในกิจกรรมต่างๆ อย่างเช่น การเดินเฉลี่ย, ออกกำลังกาย, ขณะนอน, ขณะพัก เป็นต้น ทั้งหมดจะมีการเก็บข้อมูลไปยังแอปสุขภาพ

  • SpO2 ตรวจหาออกซิเจนในเลือด
    การวัดค่าออกซิเจนในเลือด หรือ SpO2 ยังคงใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งใช้งานในแอป SpO2 และเริ่มการวัดได้ตามต้องการ โดยระบบจะบอกเป็น % และเก็บข้อมูลเอาไว้ในแอปสุขภาพ

  • ECG
    ECG หรือการวัดความผิดปกติของหัวใจจากคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เป็นหนึ่งในไฮไลท์เด็ดของ Apple Watch ที่จริงมีฟังก์ชั่น ECG มีให้ใช้งานมาตั้งแต่ Apple Watch Series 4 แต่ในประเทศไทยพึ่งรองรับให้ใช้งานได้ในช่วงต้นปี 2021 นี้เอง ซึ่ง Apple Watch Series 7 ก็สามารถใช้งาน ECG ได้ทันที โดยผลการวัดที่ออกมาจะมี 4 แบบคือ

- Sinus ผลตรวจปกติ คลื่นหัวใจมีรูปร่างเดียวกัน
- AFib การเต้นของหัวใจมีรูปแบบไม่สม่ำเสมอ หรือมีการเต้นผิดปกติ
- อัตราหัวใจเต้นช้า หรือเร็ว เป็นรูปแบบการเต้นที่หาสรุปไม่ได้ มีความเร็วหรือช้าเกินไป
- หาผลสรุปไม่ได้

อย่างไรก็ตามการตรวจวัดจาก ECG ไม่สามารถตรวจจับหัวใจวาย ไม่สามารถตรวจจับการเกิดเส้นเลือดในสมอง และยังไม่สามารถระบุอาการต่างๆ เป็นทางการแพทย์ได้ ซึ่งทาง Apple ก็แนะนำว่าหากมีความรู้สึกว่าไม่สบาย ก็ควรไปขอคำปรึกษาแพทย์

ติดตามการนอนหลับ
ระบบติดตามการนอนหลับ ยังคงให้รายละเอียดที่น้อย มีเพียงเก็บสถิติระยะเวลาการนอนกลับในแต่ละวัน พร้อมกับอัตราการเต้นของหัวใจขณะหลับ และอัตราการหายในขณะหลับ ซึ่งข้อมุลทั้งหมดจะเก็บ และแสดงในแอปสุขภาพ

ตรวจจับเสียงรบกวน
การตรวจจับเสียงรบกวน จะทำงานแบบอัตโนมัติ หากผู้ใช้งานไปอยู่ในที่ที่มีเสียงดังมากๆ เป็นเวลานานๆ ระบบจะมีการแจ้งเตือนขึ้นมา หากมีความดังระดับ 80 เดซิเบลขึ้นไปถือว่าอันตราย

ทำสมาธิ
แอปทำสมาธิ จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้ผ่อนคลายจากความเครียด โดยมีให้เลือก 2 แบบด้วยกันคือ สะท้อนความคิด และกำหนดลมหายใจ ทั้งนี้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่ม หรือลดระยะเวลาของทั้ง 2 โหมดได้

ระบบตรวจจับการล้ม
Apple Watch Series 7 ยังคงมาพร้อมระบบตรวจจับการล้ม หากมีการล้มเกิดขึ้นระบบจะทำการส่งข้อความให้กับผู้ติดต่อที่ตั้งค่าไว้ในแอป สุขภาพ นอกจากนี้ระบบตรวจจับการล้มยังสามารถยังสามารถทำงานได้ในระหว่างออกกำลังกาย

รับสายวางสาย พร้อมรับการแจ้งเตือน
การรับสายคุยสาย หรือรับการแจ้งเตือนผ่าน Apple Watch Series 7 ยังคงทำได้เช่นเดิม เพราะมีการติดตั้งไมโครโฟน และลำโพงเสียงในตัว ทำให้ไม่ต้องหยิบเครื่อง iPhone ขึ้นมา หากเป็นรุ่น Wi-Fi + Cellular ก็ยิ่งสะดวกเลย

ใช้งานมัลติมิเดีย
การเล่นเพลง และควบคุมเพลงบน Apple Watch Series 7 ก็เป็นอีกสิ่งที่ทำได้เช่นเดิม ด้วยการใช้เล่นเพลงจาก Apple Music ซึ่งเหมาะกับการใช้ฟังเพลงระหว่างออกกำลังกาย หรือควบคุมเพลงใน iPhone ก็ได้เช่นกัน

ความอึดแบตเตอรี่ และชาร์จแบตเตอรี่เร็วขึ้น 33%
ว่ากันตามตรงจากที่ทดสอบใช้งาน ชาร์จแบตเตอรี่ 100% ก่อนนอน จนถึงประมาณ 2 ทุ่มของอีกวัน มีการเปิดใช้งานตรวจจับการเต้นของหัวใจตลอดเวลา เปิดใช้งานโหมดนอนหลับ และมีการใช้โหมดออกกำลังกายประมาณ 2 ชั่วโมง (ไม่ได้เชื่อมต่อกับ iPhone) แบตเตอรี่ลดลงมาเหลือ 25% ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน 1 วันตามสูตรของ Apple

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ Apple Watch Series 7 จะรองรับการชาร์จเร็วมากขึ้น 33% ทำให้ถอดชาร์จหลังจากกลับมาบ้าน และสวมใส่ตอนเข้านอนได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน

อ่าน

แบ่งปันบทความ

ข้อมูลนาฬิกา

รีวิวโดย: ปิตุภูมิ นันทวิทยา ภาพโดย: สิรภพ ผิวทอง
วันที่ 3 ธันวาคม 2564

VIEWS

แบ่งปันบทความ

สินค้าออนไลน์

ขึ้นด้านบน