เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ Samsung Galaxy S22 series สมาร์ทโฟนแฟลกชิป 3 รุ่นล่าสุด ได้แก่ Galaxy S22, Galaxy S22+ และ Galaxy S22 Ultra ที่รวมสุดยอดฟีเจอร์ไว้ในเครื่องเดียว ทั้งในรุ่นโปรฯ อย่าง Galaxy S22 Ultra ยังมีกลิ่นไอของ Note series มาเติมเต็มความสามารถให้หลากหลายยิ่งขึ้น ด้วยปากกา S-Pen ที่ใส่ไว้ในตัวเครื่อง อีกทั้งประสิทธิภาพกล้องระดับโปร ที่ทลายขีดจำกัดของการถ่ายภาพในทุกสภาพแสง ให้ถ่ายสวย ถ่ายปัง แบบที่ต้องปรบมือชื่นชมจริงๆ โดยทั้ง 3 รุ่น จะมีความเหมือนหรือต่างกันตรงไหน ไปดูพร้อมกัน
สำหรับ Samsung Galaxy S22 Ultra มีดีไซน์ที่เห็นแล้วนึกถึง Galaxy Note Series ขึ้นมาทันที ด้วยความที่ตัวเครื่องมาพร้อมกับปากกา S Pen ในตัว สามารถดึงปากกาออกมาใช้งานได้เลย เฟรมเครื่องเป็น Armor Aluminum ครอบด้านหน้าและหลังด้วยกระจก Gorilla Galss Victus+ ที่มีความแข็งแกร่ง ให้ผิวสัมผัสที่เรียบหรู ดูพรีเมี่ยม
ด้วยความเป็นตัวใหญ่ของรุ่น จึงมีขนาดใหญ่ที่สุดอยู่ที่ 77.9 X 163.3 X 8.9 มม. น้ำหนัก 229 กรัม เห็นตัวเลขอาจคิดว่าเครื่องค่อนข้างหนัก แต่เมื่อได้ลองถือแล้ว ก็มีน้ำหนักที่สมดุลพอดี เหมาะกับการมีหน้าจอใหญ่ เพื่อให้ใช้งาน S Pen ได้อย่างสะดวก ผู้ชายใช้งานได้สบายๆ แน่นอน แต่ถ้าเป็นมือของเล็กๆ แบบคุณผู้หญิง อาจจะใหญ่ไปนิดนึง
หน้าจอขอบโค้งแบบ 2.5D คือมีความโค้งนิดๆ ใช้จอแสดงผล Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียดสูงสุดได้ถึง QHD+ รองรับอัตรา Refresh rate 120Hz และปรับความสว่างได้สูงสุดถึง 1750nits นอกจากจะกว้างคมชัดแล้ว ยังสู้แสงแดดจ้าให้เห็นหน้าจอได้ชัดขึ้น เป็นจุดเด่นอีกหนึ่งอย่างของ Samsung ที่ทำได้ดีตาตลอด
ขอบด้านข้างของตัวเครื่องจะมีปุ่มการใช้งานต่างๆ โดยขอบนั้นจะมีความโค้งมน ต่างจากขอบด้านบนและด้านล่างที่จะมีความเหลี่ยม
ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนตัดเสียง
ด้านล่างของตัวเครื่องมีพอร์ตแบบ USB Type C อยู่ตรงกลาง ด้านข้างมีไมโครโฟน ช่องใส่ซิม ลำโพง และที่สำคัญ คือ ช่องเสียบปากกา S Pen ที่มีมาให้ในตัวเครื่อง
สำหรับ S Pen จะมีปลายซึ่งกดปุ่มได้เป็นสีเดียวกันกับตัวเครื่อง ส่วนที่ด้ามนั่นจะเป็นสีดำล้วน มีความหน่วงต่ำถึง 2.8ms ทำงานร่วมกับ AI ช่วยให้เขียนได้สมูทขึ้นเสมือนใช้ปากกาหรือดินสอขีดเขียนจริงๆ ทั้งยังใช้ S Pen เป็นรีโมทกดชัตเตอร์กล้องได้ด้วย
ส่วนด้านหลังของ Samsung Galaxy S22 Ultra ติดตั้งกล้องมาให้ 4 เลนส์ ประกอบด้วย กล้องหลัก ความละเอียด 108MP + กล้อง UltraWide ความละเอียด 12MP + กล้อง TelePhoto ความละเอียด 10MP และกล้อง TelePhoto ความละเอียด 10MP จัดวางอยู่ตรงมุมซ้ายบน โดยไม่มีกรอบกล้องครอบทับ
สำหรับฝาหลังของเครื่องมีความโค้งมนตรงขอบ พื้นผิวเป็นแบบด้าน โดยมีมาให้เลือกทั้งหมด 4 สีคือ Phantom Black (สีดำ), Phantom White (สีขาว), Green (สีเขียว) และ Burgundy (สีแดงเบอกันดี้) นั่นเอง
สำหรับในรุ่น Samsung Galaxy S22 และ Galaxy S22+ มีดีไซน์และการจัดวางตำแหน่งต่างๆ เหมือนกันเลย แตกต่างกันที่ขนาดและน้ำหนักเท่านั้น โดย Galaxy S22 มีน้ำหนัก 168 กรัม และ Galaxy S22+ น้ำหนัก 196 กรัม มุมของตัวเครื่องมีความโค้งมน โดยรวมยังคล้ายกับรุ่นก่อนหน้านี้ แต่เพียงไม่ใช้สีทูโทนแบบ S21 Series แล้ว
หน้าจอเป็น Dynamic AMOLED 2X ทั้งคู่ โดยมีดีไซน์รอยเจาะแบบ Infinity-O Display เป็นตำแหน่งของกล้องหน้าตรงกลาง รองรับอัตรา Refresh rate 120Hz เช่นเดียวกันทุกรุ่น ซึ่งจอแสดงผลของ Samsung Galaxy S22 มีความกว้าง 6.1 นิ้ว FHD+ ปรับความสว่างได้สูงสุด 1,300nits ส่วน Samsung Galaxy S22+ มีหน้าจอขนาด 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ปรับความสว่างได้สูงสุดถึง 1,750nits ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Victus ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
กล้องหลังของ Samsung Galaxy S22 และ Galaxy S22+ ติดตั้งมาด้วยกัน 3 เลนส์ ได้แก่ เลนส์หลัก ความละเอียด 50MP + เลนส์ Ultra-wide ความละเอียด 12MP และเลนส์ Telephoto ความละเอียด 10MP วางอยู่บนโมดูลกล้องที่มีเฉดสีกลืนไปกับตัวเครื่อง ไม่ใช้สีที่ตัดกันเมือนรุ่นก่อน
ส่วนฝาหลังเป็นกระจกแบบด้าน ให้สัมผัสของพื้นผิวที่ดี มีการเกิดรอยนิ้วมือได้เล็กน้อย แต่ไม่ได้เห็นชัดเหมือนบอดี้ที่มีความเงา ตัวเครื่องมีความแบนราบ ถือจับได้สบายมือขึ้น มีมาให้เลือก 4 สี ได้แก่ Phantom Black (สีดำ), Phantom White (สีขาว), Green (สีเขียว) และ Pink Gold (สีชมพู)
Samsung Galaxy S22 series ได้พัฒนาฟีเจอร์ของกล้องถ่ายภาพ ให้สามารถเก็บภาพที่สวยงามคมชัด มีการให้แสงที่สวยงามสมจริง ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือวิดีโอ กลางวันหรือกลางคืน ด้วยฟีเจอร์ Nightography ที่มาพร้อมพิกเซลเซนเซอร์ขนาดใหญ่ จึงช่วยให้กล้องจับแสงและรายละเอียดของภาพได้มากขึ้น และมีเทคโนโลยี Adaptive Pixel ช่วยดึงรายละเอียดและสีสันของภาพออกมาได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นบุคคล วัตุในภาพ หรือรายละเอียดเล็กๆ ที่อยู่ในองค์ประกอบของภาพ
นอกจากนี้ ด้วยเลนส์ Super Clear Glass ขั้นสูงใน Galaxy S22 Ultra ผสานกับเทคโนโลยี VDIS ขั้นสูง จะช่วยลดการสั่นสะเทือน เพิ่มความสว่างคมชัดให้กับวิดีโอ ให้ผู้ใช้ถ่ายวิดีโอในเวลากลางคืนได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น Galaxy S22 series ทุกรุ่น ยังสามารถบันทึกภาพในรูปแบบ RAW ได้สูงถึง 16 บิต พร้อมให้นำมาปรับแต่งเพิ่มเติมได้ในภายหลัง เพื่อความเป็นมืออาชีพมากขึ้น
Samsung Galaxy S22 series มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon ที่ทุกคนรอคอย โดยทั้งหมดใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 1 สถาปัตยกรรม 4nm ที่ทั้งทรงพลัง ประมวลผลได้รวดเร็วขึ้น อีกทั้งลดการใช้พลังงานได้เป็นอย่างดี เป็นชิปเซ็ตแรงและเร็วที่สุด ซึ่งทางซัมซุงมีอยู่ในขณะนี้นั่นเอง รองรับเครือข่าย 5G ในทุกรุ่น สนับสนุนการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 ใน Galaxy S22 และ Wi-Fi 6E ในรุ่น Galaxy S22 Ultra และ Galaxy S22+
สำหรับแบตเตอรี่ของรุ่น Galaxy S22 มีความจุ 3,700mAh รองรับชาร์จไว 25W ส่วนรุ่น Galaxy S22+ มีแบตเตอรี่ ความจุ 4,500mAh รองรับชาร์จไวผ่านสาย 45W และรุ่นใหญ่อย่าง Galaxy S22 มาพร้อมแบเตอรี่ความจุ 5,000mAh รองรับชาร์จไวผ่านสาย 45W นั่นเอง
Galaxy S22 Series มีมาให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่
Samsung Galaxy S22 series เปิดให้จองแล้ววันนี้ – 3 มีนาคม 2565 ด้วยโปรโมชั่นสุดพิเศษกับส่วนลดสูงสุดถึง 15,000 บาทเมื่อจองผ่าน AIS DTAC และ TRUE หรือ รับฟรีความจุเพิ่ม 2 เท่า หากจองผ่าน samsung.com, Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ
รีวิวโทรศัพท์มือถือ Samsung Galaxy S21 FE 5G - ซัมซุง
ขอขอบคุณ : บริษัท ไทยซัมซุงอิเลคโทรนิคส์ จำกัด โทร. 0 2689 3232
Samsung Galaxy S25 Slim สุดยอดกล้องระดับไฮเอนด์ในตัวเครื่องที่บางเฉียบ
vivo Y200 5G สมาร์ทโฟนน้องเล็กสายแกร่ง พร้อมท้าทุกการใช้งาน ยาวนาน ...
Honor MagicPad 2 พบกับแท็บเล็ตจอ 144Hz ชิปเซ็ต Snapdragon 8s Gen 3
Belkin BoostCharge Pro แท่นชาร์จไร้สายแบบ 2-in-1 สาวก Apple ต้องมีต...
Samsung Galaxy A16 จอ FHD+ Super AMOLED ใหญ่ชัดเสมือนจริง กล้อง Tri...
ทำความรู้จัก HONOR X7c หน้าจอ 6.77 นิ้ว กล้องหลัง 108 ล้านพิกเซล ทน...
พรีวิว Samsung Galaxy Z Flip 6 ครั้งแรกมือถือจอพับกันน้ำได้ Samsung เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ Samsung Galaxy Z Flip 6 รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมเฉดสีสไตล์มินิมอล สดใส เก๋ไก่ น่ารักเอามากๆ มี 4 เฉดสีใ...