หลังจากเราได้รีวิว OPPO Reno8 Z 5G น้องเล็กของซีรี่ย์กันไปแล้ว ก็ถึงคิวของพี่รองและพี่ใหญ่ OPPO Reno8 5G และ OPPO Reno8 Pro 5G สมาร์ทโฟน 5G รุ่นใหม่ล่าสุด ที่จะมาสานต่อแนวคิด “The Portrait Expert” กล้องถ่ายพอร์ตเทรตที่ดีที่สุด ถ่ายภาพคนสวยเป็นธรรมชาติ ด้วยกล้อง 50MP AI Portrait Camera เซ็นเซอร์ Sony IMX766 และกล้องหน้า 32MP เซ็นเซอร์ Sony IMX709 RGBW ดีไซน์ขอบเหลี่ยมสุดหรู ฝาหลังสมูทไร้รอยต่อ สวยสะกดทุกมุมมอง แบตใหญ่ชาร์จไว 80W SUPERVOOC ให้พร้อมไปต่อได้เร็วขึ้น
ตัวเครื่องของทั้ง 2 รุ่น มีดีไซน์ขอบเหลี่ยม มุมโค้งมน ถือจับได้กระชับมือ ซึ่ง OPPO Reno8 5G มีขนาด 160 x 73.4 x 7.67 มม. และมีน้ำหนัก 179 กรัม และ OPPO Reno8 Pro 5G มีขนาด 161.2 x 74.2 x 7.34 มม. น้ำหนัก 183 กรัม มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย หากสังเกตดีๆ ด้วยตาเปล่าก็สามารถเห็นได้ ใช้งานมือเดียวได้สบาย ตัวเครื่องบางเบา จับถนัดมือ
OPPO Reno8 5G มาพร้อมจอ AMOLED กว้าง 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400x1080 พิกเซล) อัตรา Refresh Rate สูงสุด 90Hz รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ แสดงผลได้คมชัด สีสันสวยงาม
ส่วนในรุ่น OPPO Reno8 Pro 5G มีจอแสดงผล Ultra-clear AMOLED Display ขนาด 6.7 นิ้ว FHD+ ความละเอียด 2412x1080 พิกเซล อัตรา Refresh Rate สูงสุด 120Hz ซึ่งมีขนาดที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย การแสดงผลและสีสันต่างๆ สวยงามสมจริง
OPPO Reno8 5G มีดีไซน์หน้าจอแบบ Punch-Hole AMOLED FHD+ Display ที่มุมด้านซ้าย ติดตั้งกล้องหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.4 ส่วนตรงกลางเป็นลำโพงเสียง
OPPO Reno8 Pro 5G มีดีไซน์หน้าจอแบบ Punch-Hole AMOLED FHD+ Display เช่นกัน แต่จะขยับตำแหน่งมาอยู่ตรงกลาง ติดตั้งกล้องหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.4 เหนือขึ้นไปเป็นลำโพงเสียง
สำหรับส่วนล่างของหน้าจอของ 2 รุ่นนี้ จะเป็นการนำทางระบบแบบซอร์ฟแวร์ ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ภายหลังที่การตั้งค่า และรองรับการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ และขอบจอของ OPPO Reno8 Pro 5G จะแคบกว่า ทำให้มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องที่กว้างขึ้น
ดีไซน์รอบตัวเครื่องในส่วนอื่นๆ ของ 2 รุ่นนี้ จะมีการวางตำแหน่งที่เหมือนกัน โดยตัวเครื่องด้านบนจะมีไมโครโฟนตัดเสียงอยู่
ด้านซ้ายของตัวเครื่องเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง
ด้านขวาของเครื่องเป็นปุ่ม Power ไว้ใช้สำหรับเปิด, ปิด และล็อคหน้าจอเครื่อง
ด้านล่างของตัวเครื่องมีพอร์ตแบบ USB C ตรงกลาง ทางฝั่งขวาเป็นลำโพงเสียง ส่วนฝั่งซ้ายมีไมโครโฟน พร้อมกับช่องใส่ถาดซิมการ์ด รองรับ Nano SIM จำนวน 2 ช่อง ไม่สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอก และไม่มีช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม. มาให้ในรุ่นนี้
ตัวเครื่องด้านหลังของ OPPO Reno8 5G เป็นดีไซน์ไร้รอยต่อระหว่างฝาหลังกับโมดูลกล้อง ผิวสัมผัสแบบด้านแต่เนียนละเอียด ให้ความรู้สึกที่ดี เป็นสีทองที่เปล่งประกายด้วย OPPO Glow ติดตั้งกล้องหลัง 3 เลนส์ ประกอบด้วย กล้องหลัก 50MP เซ็นเซอร์ Sony IMX766, กล้องมาโคร 2MP และกล้องเลนส์ Wide-angle 8MP พร้อมไฟแฟลช
ส่วน OPPO Reno8 Pro 5G มีดีไซน์แบบไร้รอยต่อเช่นกัน แต่เลนส์ของกล้องจะเรียบในระนาบเดียวกันกับโมดูลกล้อง ผิวเรียบลื่น และมีความเงามากกว่า ติดตั้งกล้องหลัง 3 เลนส์ ประกอบด้วย กล้องหลัก 50MP, กล้องมาโคร 2MP และกล้องเลนส์ Wide-angle 8MP พร้อมไฟแฟลช
สเปคพื้นฐานของ OPPO Reno8 5G
สเปคพื้นฐานของ OPPO Reno8 Pro 5G
OPPO Reno8 5G ถ่ายคนสวยในทุกสภาพแสง ด้วยเซ็นเซอร์คู่ Sony IMX709 บนกล้องหลักความคมชัดสูง 50MP และ IMX709 บนกล้องหน้าความละเอียด 32MP ช่วยให้การถ่ายภาพพอร์ตเทรตสวยคมชัด ถ่ายคนได้สวยอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังมีฟีเจอร์ซึ่งจะมาช่วยให้การถ่ายภาพสว่างคมชัดในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นแสงจ้าในแดดจัด หรือแสงน้อยในเวลกลางคืน ทั้งในภาพนิ่งและวิดีโอ
สเปคกล้องใน OPPO Reno8 5G
กล้องมุมกว้าง เลนส์ Ultra-Wide Angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ให้ภาพมุมกว้าง 112 องศา เก็บองค์ประกอบได้อย่างครบถ้วนทุกมุมมอง ให้ภาพมุมกว้างที่สวยงาม ความบิดเบี้ยวน้อย
ภาพมาโคร เลนส์ Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ช่วยจับวัตถุระยะใกล้ 4 ซ.ม. ขยายรายละเอียดของวัตถุแบบมาโครออกมาได้สวยงาม
ภาพตัวอย่างจากกล้อง OPPO Reno8 5G
OPPO Reno8 5G ชูจุดเด่นของความเป็น "The Portrait Expert" จึงจัดหนักในการถ่ายภาพพอร์ตเทรต ไม่ว่าจะเป็นกล้องความละเอียดสูง รวมไปถึงฟีเจอร์ที่จะมาช่วยดันประสิทธิภาพของกล้องให้ถ่ายรูปบุคคลออกมาได้สมบูรณ์แบบ สว่างคมชัด และยังดูเป็นธรรมชาติ โฟกัสที่ตัวนางแบบ ตัดขอบได้คมขึ้น เก็บแม้กระทั้งปอยผมเล็กๆ เบลอฉากหลังให้สวยงาม
มีฟีเจอร์ AI Portrait Retouching ที่สามารถระบุลักษณะใบหน้าที่สำคัญได้ถึง 193 จุด เพื่อปรับแต่งใบหน้า โทนสีผิว และลบเลือนรอยต่างๆ บนใบหน้าให้สวยงาม แต่ยังคงเอกลักษณ์ของแต่ละคนไว้ ช่วยให้ภาพถ่ายของคุณสวยเป็นธรรมชาติ ไม่หลอกตา (รูปถ่ายตัวอย่างเปรียบเทียบ แบบปิด - เปิด AI Portrait Retouching)
ส่วนในเวลากลางคืนหรือที่แสงน้อย OPPO Reno8 5G ก็สามารถเปิดฟีเจอร์ Ultra Night Video เพื่อมอบความสว่างชัดเจน แต่ยังคงเก็บรายละเอียดบนใบหน้าได้อย่างมีมิติบนวิดีโอพอร์ตเทรต หรือหากเป็นภาพนิ่งก็มี Night Portrait ให้ถ่ายภาพพอร์ตเทรตตอนกลางคืนหรือที่แสงน้อยได้อย่างคมชัด จากการทดลองใช้งาน พบว่าภาพและวิดีโอมีความสวยงามคมชัดดี สีสันของแสง เงา รวมถึงดวงไฟต่างๆ ค่อนข้างมีความสมบูรณ์ ส่วนนางแบบก็ยังมีความสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ นอยส์ต่างๆ มีเกิดบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ค่อยพบเท่าไหร่
ไม่เพียงเท่านั้น การถ่ายในที่แสงจ้า หรือบริเวณที่แสงจ้าเกินไป OPPO Reno8 5G ก็เก็บภาพของใบหน้าได้สว่างคมชัดดี หน้านางแบบไม่มีมืด เมื่อทำการถ่ายย้อนแสง
สำหรับ OPPO Reno8 Pro 5G รุ่นโปร มาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพที่เทียบเท่ากับระดับเรือธง ด้วยพลังชิปเซ็ต Marisilicon X Imaging NPU ซึ่งเข้ามาช่วยในเรื่องของการถ่ายภาพโดยเฉพาะ พร้อมเซ็นเซอร์คู่ Sony IMX766 บนกล้องหลักความละเอียด 50MP และเซ็นเซอร์ IMX709 บนกล้องหน้า ความละเอียด 32MP นั่นเอง
สเปคกล้องใน OPPO Reno8 Pro 5G พร้อม MariSilicon X Imaging NPU
ภาพตัวอย่างจากกล้อง OPPO Reno8 Pro 5G
ภาพนิ่งและวิดีโอ
ด้วยกล้องหลังความคมชัดสูงที่ผสานการทำงานกับชิป Marisilicon X Imaging NPU จึงทำให้ OPPO Reno8 Pro 5G สามารถถ่าย 4K Ultra Night Video และ Night Portrait ได้อย่างสว่างคมชัด และยังเก็บรายละเอียดต่างๆ ได้ค่อนข้างครบถ้วนสมบูรณ์ ส่วนพื้นที่ที่เป็นสีดำ มีความดำสนิทขึ้น ไม่เกิดนอยส์รบกวน
กล้องหน้าเซลฟี่
OPPO Reno8 5G และ OPPO Reno8 Pro 5G มาพร้อมกล้อง ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล ค่ารูรับแสง f/2.4 มี AI Portrait Retouching ที่ช่วยปรับแต่งใบหน้าให้มีความสวยงามตามธรรมชาติ ไม่หลอกตา มุมมองการถ่ายภาพจากกล้องหน้ากว้าง 85° ภาพ Groupfie ของกลุ่มคณะให้ครบทุกคน หรือจะเก็บมุมกว้างๆ ของวิวด้านหลังจากกล้องหน้าก็ทำได้เช่นกัน
OPPO ยังคงทำได้ดีในเรื่องของดีไซน์ตัวเครื่อง ซึ่งคงทั้งเอกลักษณ์ และความสวยงามที่ผสานกับเทคโนโลยีอย่างลงตัว ซึ่ง OPPO Reno8 5G และ OPPO Reno8 Pro 5G มาพร้อม Streamlined Unibody Design ดีไซน์ตัวเครื่องขอบเหลี่ยมที่หลายๆ คนชื่นชอบ ประสานกับความปราณีตของตัวเครื่องไร้รอยต่อ เสมือนคุณได้ใช้งานสมาร์ทโฟนระดับแฟลกชิป บางเบาถือจับสัมผัสดี เรียบหรูดูแพง มองไม่เบื่อ
ฝาหลังมีผิวสัมผัสที่แตกต่างกัน และขนาดของเลนส์กล้องต่างกันเล็กน้อย โดย OPPO Reno8 5G จะผิวสัมผัสแบบด้านแต่เนียนละเอียด ให้ความรู้สึกที่ดี เป็นสีทองที่เปล่งประกายด้วย OPPO Glow มีมาให้เลือกด้วยกัน 2 สี คือ สีทอง Shimmer Gold (เครื่องรีวิว) และสีดำ Shimmer Black
ส่วน OPPO Reno8 Pro 5G มีดีไซน์แบบไร้รอยต่อเช่นกัน แต่เลนส์ของกล้องจะเรียบในระนาบเดียวกันกับโมดูลกล้อง ผิวเรียบลื่นเงางาม โดยผ่านกระบวนการหล่อรูปทรงที่มีอุณหภูมิสูงถึง 800℃ และกระบวนการขัดเงานาโนเมตรที่ต่างกันกว่า 8 ขนาด มีมาให้เลือกด้วยกัน 2 สี คือ สีเขียว Glazed Green (เครื่องรีวิว) และสีดำ Glazed Black นั่นเอง
จอแสดงผลกว้างเต็มตา
OPPO Reno8 5G และ OPPO Reno8 Pro 5G มาพร้อมกับดีไซน์หน้าจอ Punch-Hole Display เช่นเดียวกัน แตกต่างกันที่การจัดวางและสเปคบางอย่้าง ซึ่ง OPPO Reno8 5G มาพร้อมจอ Punch-Hole Display ที่มุมด้านซ้าย รองรับอัตราการรีเฟรชที่ 90Hz ให้การแสดงผลที่ลื่นไหล รวดเร็ว เต็มอิ่มกับทุกความบันเทิง
ในขณะที่ OPPO Reno8 Pro 5G มาพร้อมหน้าจอ Ultra-Clear AMOLED6 ขนาด 6.7 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่าและมีขอบจอที่แคบกว่า จึงให้อัตราส่วนหน้าจอสูงถึง 93.4% พร้อมอัตราการรีเฟรชที่เร็วถึง 120Hz การแสดงผลคมชัด สีสันสวยสมจริง มีความลื่นไหล ตอบรับกับการสัมผัสได้อย่างรวดเร็ว
ประสิทธิภาพการใช้งาน
OPPO Reno8 5G มากับขุมพลัง MediaTek Dimensity 1300 5G-integrated SoC ขบวนการผลิต 6 นาโนเมตร รองรับการใช้งานบนเครือข่าย 5G และ Wi-Fi 6 เพื่อการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว มาพร้อม RAM ขนาด 8GB และ ROM 256GB มีเทคโนโลยี RAM Expansion ที่สามารถเพิ่ม RAM เสมือนให้มากขึ้นที่ 2GB, 3GB และ 5GB ตามความต้องการและความเหมาะสมในการใช้งานได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการสตรีมมิ่ง, เล่นเกม หรือใช้แอปฯหนักๆ พร้อมกัน เครื่องจึงไม่เกิดปัญหาการกระตุก หรือหน่วงช้า ประมวลผลได้รวดเร็วขึ้น
สำหรับ OPPO Reno8 Pro 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8100-MAX ขนาด 5nm ที่ขับเคลื่อนการทำงานของเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการเชื่อมต่อ 5G และ Wi-Fi 6 ทำให้การเชื่อมต่อมีความเร็วขึ้น การทำงานต่างๆ ลื่นไหลมาก ไม่พบปัญหาระหว่างการใช้งาน แม้จะเปิดแอปพลิเคชั่นค้างไว้หลายแอป มาพร้อม RAM ขนาด 12GB และ ROM 256GB มีเทคโนโลยี RAM Expansion ที่สามารถเพิ่ม RAM เสมือนได้เช่นกัน โดยเพิ่มได้ที่ 3GB, 5GB, 7GB ตามความเหมาะสมของการใช้งาน
ชาร์จไว 80W SUPERVOOC
OPPO Reno8 5G และ OPPO Reno8 Pro 5G ให้ความจุของแบตเตอรี่มาเท่ากันที่ 4,500mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC ซึ่งทางแบรนด์เคลมไว้ว่า OPPO Reno8 5G สามารถชาร์จ 100% ภายในเวลา 28 นาที ส่วน OPPO Reno8 Pro 5G ก็สามารถชาร์จ 100% ภายในเวลา 31 นาทีเท่านั้น และเมื่อชาร์จเพียง 5 นาที สามารถเล่นเกมได้อีก 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว
ส่วนใครที่ห่วงเรื่องความปลอดภัย OPPO เขาก็บอกว่าเรามี Battery Health Engine ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ OPPO ที่สามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตขนาดใหญ่ ด้วยการควบคุมกระแสไฟชาร์จและแรงดันไฟอัจฉริยะ โดยผ่านการทดสอบของ Tüv Rheinland แล้ว ให้คุณหายกังวลได้เลย
สามารถสั่งจองเป็นเจ้าของได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้ - 18 สิงหาคม เป็นต้นไป และพิเศษ! เป็นเจ้าของ OPPO Reno8 Series 5G ได้ง่ายยิ่งขึ้น เมื่อจองผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย ราคาเริ่มต้นเพียง 4,490 บาท เท่านั้น
หน่วยประมวลผลและหน่วยความจำ
OPPO Reno8 5G มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 1300 5G-integrated SoC ขบวนการผลิต 6nm ช่วยให้เครื่องประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว มอบประสิทธิภาพที่ดีขึ้น รองรับการเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยี 5G และ Wi-Fi 6 ที่มีความสเถียรและรวดเร็ว มีหน่วยความจำและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ RAM 8GB + ROM 256GB อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี RAM expansion ขยายพื้นที่หน่วยความจำจาก 8GB เพิ่มขึ้นอีก 2GB, 3GB, 5GB ได้ตามความเหมาะสมของการใช้งาน และช่วยให้การทำงานรวมถึงการประมวลผลต่างๆ รวดเร็วยิ่งขึ้น
OPPO Reno8 Pro 5G มาพร้อมกับหน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 8100-MAX กระบวนการผลิต 5nm รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G และ Wi-Fi 6 เช่นเดียวกัน ช่วยให้การเชื่อมต่อต่างๆ มีความรวดเร็ว มีหน่วยความจำและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่กว่าด้วย RAM 12GB + ROM 256GB พร้อมเทคโนโลยี RAM expansion ขยายพื้นที่หน่วยความจำจาก 8GB เพิ่มขึ้นอีก 3GB, 5GB, 7GB ตามความเหมาะสมของการใช้งาน มอบประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น และเต็มพลังกว่าที่เคย
ระบบปฏิบัติการ
OPPO Reno8 5G และ OPPO Reno8 Pro 5G รันบนระบบปฏิบัติการ ColorOS 12.1 บนพื้นฐาน Android 12 มีความเรียบง่าย หน้าตาสวยงามสบายตา แต่แฝงไปด้วยความทันสมัย ใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย มีประสิทธิภาพและลื่นไหล อีกทั้งปรับแต่งให้เข้ากับสไตล์ของการใช้งานที่เป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น แต่ยังคงเอกลักษณ์ที่โดดเด่น โดยมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจมาให้ใช้งานอย่างมากมาย
การปรับเปลี่ยนในรูปแบบของคุณ
คุณสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบของธีม, วอลเปเปอร์, รูปแบบของไอคอน, การจัดวางแอป, สี และตัวอักษร ได้อย่างหลากหลาย ทั้งจากที่มีมาให้อยู่แล้ว หรือจะดาวน์โฟลดเพิ่มเติมจากร้านค้าออนไลน์ที่มีให้เลือกทั้งแบบที่ฟรีและต้องเสียเงินก็ได้ หรือหากต้องการให้เป็นวอลเปเปอร์เฉพาะตัวคุณเอง ด้วยแรงบันดาลใจมาจากภาพสวยๆ หรือภาพถ่ายของคุณในอัลบั้ม ก็สามารถสร้างวอลเปเปอร์ที่เป็นของคุณเท่านั้น โดยไปที่ การตั้งค่า > การปรับเปลี่ยนในรูปแบบของคุณ > วอลเปเปอร์ > ภาพพื้นหลังที่สร้างสรรค์เอง > เลือกภาพที่ต้องการจากกล้องหรืออัลบั้ม รอให้ประมวลผล เพียงเท่านี้ คุณก็จะมีภาพพื้นหลังที่ไม่ซ้ำใครให้เลือกใช้อย่างหลากหลายแล้ว
การแสดงผลหน้าจอตลอดเวลา
การแสดงผลหน้าจอตลอดเวลา หรือ Always-On Display จะแสดงข้อมูลของวัน, เวลา และการแจ้งเตือนสำคัญ ซึ่งจะปรากฏบนหน้าจอของโทรศัพท์ตลอดเวลา หรือตามความต้องการใช้งานที่ได้ตั้งค่าไว้เท่านั้น สำหรับใครที่ชอบความ abstract หน่อย ก็เลือกใช้เป็น ซิลูเอทจากภาพบุคคล ที่เราชื่นชอบได้ โดยระบบจะทำการวาดเป็นลายเส้นให้เรานำไปใช้แทนภาพแบบเต็มๆ โดยเราสามารถเลือกสี, รูปแบบลายเส้น หรือลบบางส่วนออก พร้อมขยับตำแหน่งที่ต้องการ เพื่อให้เราได้ภาพ Always-On Display ที่เป็นของเราเองตามความพอใจนั่นเอง
OPPO Omoji
สร้างสรรค์อิโมจิแบบเคลื่อนไหว 3 มิติด้วย OPPO Omoji ที่สามารถเลือกสีผิว รูปทรงใบหน้า ตกแต่งความสวยด้วยเครื่องประดับสุดเก๋กว่า 200 รายการ โดยอัลกอริธึม Face Capture สร้างอวตารของคุณให้แสดงสีหน้าและอารมณ์ได้หลากหลายมากขึ้น สนุกไปกับทุกจินตนาการที่คุณอยากทำโดยไร้ขีดจำกัด
เข้าไปสร้าง Omoji ได้ที่ การตั้งค่า > บัญชีผู้ใช้ > OMOJI จากนั้นก็ครีเอตอวตารตามความชอบ จากนั้นคุณก็สามารถตั้ง Omoji เป็นรูปโปรไฟล์เก๋ๆ บนแอคเคาท์ของคุณได้เลย
การใช้งานแบบไร้สัมผัส Hands-Free Control
Air Gestures เป็นการตั้งค่าเพื่อให้คุณสามารถควบคุม ได้โดยไม่ต้องสัมผัสกับหน้าจอ ทำการเลื่อนแอปโซเชียลและวิดีโอที่กำลังดูอยู่ให้ขึ้นและลงได้จากระยะไกล ด้วยการโบกมือปัดขึ้น-ลง หรือรับสายโทรศัพท์ รวมถึงปิดเสียงเรียกเข้า โดยไม่ต้องสัมผัสโทรศัพท์ หรือทำการหยุดคลิปและเล่นต่อ เพียงใช้สัญลักษณ์ของมือนั่นเอง
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง OPPO Reno8 5G
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง OPPO Reno8 Pro 5G
ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ ดังนี้
ขอขอบคุณ : OPPO
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : OPPO Reno8 5G
https://www.siamphone.com/spec/oppo/reno8.htm
แคตตาล็อกตัวเครื่อง : OPPO Reno8 Pro 5G
Apple เปิดตัวฟีเจอร์ Genmoji ใน iOS 18.2 สร้างอิโมจิแบบใหม่ที่ไม่เห...
Samsung Galaxy S25 Slim สุดยอดกล้องระดับไฮเอนด์ในตัวเครื่องที่บางเฉียบ
vivo Y200 5G สมาร์ทโฟนน้องเล็กสายแกร่ง พร้อมท้าทุกการใช้งาน ยาวนาน ...
Honor MagicPad 2 พบกับแท็บเล็ตจอ 144Hz ชิปเซ็ต Snapdragon 8s Gen 3
Belkin BoostCharge Pro แท่นชาร์จไร้สายแบบ 2-in-1 สาวก Apple ต้องมีต...
Samsung Galaxy A16 จอ FHD+ Super AMOLED ใหญ่ชัดเสมือนจริง กล้อง Tri...
พรีวิว Samsung Galaxy Z Flip 6 ครั้งแรกมือถือจอพับกันน้ำได้ Samsung เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ Samsung Galaxy Z Flip 6 รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมเฉดสีสไตล์มินิมอล สดใส เก๋ไก่ น่ารักเอามากๆ มี 4 เฉดสีใ...