เปิดตัวและพร้อมวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับสองรุ่นใหม่ที่ทุกคนต้องมี Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro มาพร้อมคำนิยาม “Make Moments Mega” ที่ให้คุณถ่ายภาพอย่างคมชัดด้วยกล้องความละเอียดสูงมากถึง 200 ล้านพิกเซล และฟีเจอร์ที่มีให้เพลิดเพลินทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแสดงผลสุดเทพกับอัตรารีเฟรชเรท 120Hz-CrystalRes AMOLED-HDR10+ และ DCI-P3, ลำโพงสเตอริโอมาตรฐานเสียง Hi-Res, เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 120W HyperCharge, Harman Kardon, พื้นที่ชั้นกราฟีนขนาดใหญ่ช่วยระบายความร้อยอย่างมีประสิทธิภาพ จะเห็นได้ว่าทุกอย่างสุดหมด เป็นที่มาให้คุณเพลินทุกการใช้งาน  ดังนั้นจะพามาทำความรู้จักให้มากขึ้นกับ 10 เหตุผลที่คุณจะหลงรัก Xiaomi 12T Series มาติดตามกันได้เลย

รูปลักษณ์ภายนอกLook & Design

เริ่มจากกล่องกันก่อน สำหรับ Xiaomi 12T Series ใช้แพ็กเกจสีขาว ตัวหนังสือสีทอง เพิ่มความโดดเด่น แต่ละกล่องจะระบุชื่อรุ่นชัดเจน ส่วนด้านบนมุมซ้ายมีสัญลักษณ์ความละเอียดกล้องระบุไว้ เพื่อเพิ่มจุดขายและข้อแตกต่าง

สำหรับดีไซน์ตัวเครื่อง ไม่มีจุดเด่นเป็นพิเศษ พื้นผิวเป็นลักษณะสีด้าน ขนาดตัวเครื่องเท่ากัน แตกต่างกันที่น้ำหนักเล็กน้อย โดย Xiaomi 12T จะหนักกว่าเล็กน้อย

ส่วนสเปคหน้าจอมีขนาดเท่ากันทั้งสองรุ่น ตามที่เกริ่นข้างต้น แตกต่างที่ Xiaomi 12T Pro มีเทคโนโลยีหน้าจอ Dloby Vision ทำให้เหมาะแก่การรับชมคอนเทนต์สตรีมมิ่ง

หน้าจอด้านล่างมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ สามารถบันทึกได้หลายนิ้วมือ เพื่อสแกนการปลดล็อคหน้าจอหรือแอปฯ และเรียกใช้งานแอปฯ ด่วนที่ต้องการ อีกทั้งมีตัวเลือกเอฟเฟ็กต์การปลดล็อคลายนิ้วมือ เพิ่มความโดดเด่นอีกด้วย

ด้านบนตัวเครื่อง Xiaomi 12T Series มีช่องลำโพง โดยรุ่น Xiaomi 12T Pro มีข้อความ Sound by harman/kardon สลักไว้ เพิ่มความเท่ พร้อมไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน กับเซนเซอร์ IR Blaster สำหรับใช้ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า

ด้านบนหน้าจอ ยังคงใช้ดีไซน์เจาะรู ถือว่าน่าเสียดาย ทำหน้าที่เป็นเลนส์กล้องเซลฟี่ ทั้งสองรุ่นมีความละเอียดเท่ากัน 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.24 โดยมีโหมดภาพบุคคล AI กับ AI เสริมความงาม พร้อมการควบคุมโบเก้และความลึก รองรับการถ่ายภาพแบบ HDR รวมถึงเซลฟี่พาโนรามา

เหนือหน้าจอเป็นลำโพงสำหรับสนทนา กับเหล่าเซนเซอร์ Proximity สำหรับปิดหน้าจอแบบอัตโนมัติขณะสนทนา กับเซนเซอร์ Ambient Light แบบ 360 องศา สำหรับตรวจวัดระดับความสว่างของสภาพแวดล้อม เพื่อปรับความสว่างของหน้าจอ และแผงปุ่มกดให้เหมาะสมกับการใช้งาน

ด้านล่างตัวเครื่องมีช่องลำโพง, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C และช่องใส่ซิมการ์ด Nano SIM แบบ Dual-Slot โดยไม่รองรับ MicroSD Card กับไม่สามารถใส่พอร์ตหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรได้ นอกจากแปลงสายผ่านพอร์ต Type-C

ตัวเครื่องฝั่งขวามีปุ่มควบคุม แบ่งเป็น ปุ่ม Power สำหรับล็อค/ปลดล็อค/เปิด-ปิดเครื่อง และปุ่มเพิ่มเสียง/ลดเสียง โดยสามารถเปิดใช้งานฟังก์ชั่นกดปุ่ม Power ติดต่อกันสองครั้งเพื่อเรียกใช้งานถ่ายภาพด่วน หรือกดปุ่ม Power พร้อมปุ่มลดเสียง เพื่อแคปหน้าจอ ตามการตั้งค่า

ด้านหลังตัวเครื่องมีเลนส์กล้องทั้งหมด 3 เลนส์ เหมือนกัน แตกต่างที่ Xiaomi 12T มีเลนส์หลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล กับ Xiaomi 12T Pro ความละเอียดมากถึง 200 ล้านพิกเซล ส่วนโมดูลกล้องที่ไม่ได้เรียนเนียนกับตัวเครื่อง ทำให้เวลาวางอาจต้องระมัดระวังการกระแทก หรือขูดขีด

อุปกรณ์ภายในกล่องของ Xiaomi 12T

  • สมาร์ทโฟน Xioami 12T
  • เคสใส
  • เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
  • สาย USB
  • อะแดปเตอร์ 67 วัตต์
  • คู่มือการใช้งาน

อุปกรณ์ภายในกล่องของ Xiaomi 12T Pro

  • สมาร์ทโฟน Xioami 12T Pro
  • เคสใส
  • เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด
  • สาย USB
  • อะแดปเตอร์ 120 วัตต์
  • คู่มือการใช้งาน

สรุปสเปค Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro แตกต่างกันอย่างไร

  Xiaomi 12T Xiaomi 12T Pro
ระบบปฏิบัติการ MIUI 13 บนพื้นฐาน Android 12 MIUI 13 บนพื้นฐาน Android 12
หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 2712x1220 พิกเซล อัตรารีเฟรชเรท 120Hz/480Hz AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 2712x1220 พิกเซล อัตรารีเฟรชเรท 120Hz/480Hz
หน่วยประมวลผล Dimensity 8100-Ultra Snapdragon 8+ Gen 1
GPU Mali-G610 MC6 Adreno 730
RAM 8GB LPDDR5 12GB LPDDR5
พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 256GB UFS 3.1 256GB UFS 3.1
MicroSD Card ไม่รองรับ ไม่รองรับ
ระบบเชื่อมต่อ 5G, 4G, WiFi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, Bluetooth 5.3, GPS, Glonass, USB OTG, NFC, IR Blaster 5G, 4G, WiFi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, Bluetooth 5.3, GPS, Glonass, USB OTG, NFC, IR Blaster
พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C USB Type-C
ช่องเสียบหูฟัง ไม่รองรับ ไม่รองรับ
แบตเตอรี่ 5000mAh รองรับการชาร์จเร็ว 120 วัตต์  5000mAh รองรับการชาร์จเร็ว 120 วัตต์

 

จุดเด่นน่าสนใจSpecial & Features

10 จุดเด่น Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro ที่น่าสนใจ มีอะไรบ้าง

1. Mega สมชื่อ เพราะทุกฟีเจอร์และสเปคนั้น ใหญ่สมฉายา

สำหรับสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นมีชิปเซ็ตประมวลผลรุ่นท็อป แต่แตกต่างกัน รุ่นเล็ก Xiaomi 12T ใช้ชิปเซ็ตประมวลผล Dimensity 8100-Ultra ส่วนรุ่นพี่ Xiaomi 12T Pro เป็นชิปเซ็ตขุมพลังมังกร Snapdragon 8+ Gen 1 พร้อมเทคโนโลยี RAM LPDDR5 กับเทคโนโลยีพื้นที่เก็บข้อมูล UFS 3.1 เรียกได้ว่าไม่ว่าจะใช้งานแบบไหน การประมวลผลรวดเร็วได้ดั่งใจแน่นอน

2. พื้นที่ระบายความร้อนกว้างขึ้น

ด้วยประสิทธิภาพจัดเต็มขนาดนี้ แน่นอนต้องรองรับการประมวลผลหนักๆ หนีไม่พ้นอุณหภูมิที่ร้อน อาจส่งผลให้การทำงานหยุดชะงักลง โดยคู่หู Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro มีพื้นที่ระบายความร้อนที่กว้างขึ้นกว่าเดิม 65% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน และกระจายอยู่ภายในตัวเครื่องกินพื้นที่ประมาณ 27% ในแต่ละจุดสำคัญ นั่นหมายความว่าการประมวลผลจะเร็วแรงมีประสิทธิภาพเหมือนเดิม

3. หน้าจอที่ออกแบบมาเพื่อการรับชมคอนเทนต์และเล่นเกม

คู่หู Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro มีเทคโนโลยีหน้าจอ CrystalRes AMOLED ที่มีการปรับแสงและสีให้ละเอียดมากขึ้นมากกว่า FullHD+ ที่ความละเอียด 1220p กับอัตราคอนทราสต์ 5,000,000:1 กับความหนาแน่นต่อพิกเซล 446ppi ทำให้แต่ละพิกเซลแสดงผลแม่นยำ รวมๆ แล้วแสดงผลสีสันมากกว่า 68 พันล้านสี ทั้งมีมาตรฐานสี DCI-P3 กับ HDR10+ เรียกได้ว่าการเล่นเกมและรับชมคอนเทนต์เต็มอิ่มในทุกเฟรมภาพ ทว่า Xiaomi 12T Pro จะโดดเด่นเพราะมีเทคโนโลยี Dolby Vision

Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro มีสเปคหน้าจอเหมือนกัน

  • ขนาดหน้าจอ : CrystalRes AMOLED ประเภท DotDisplay ขนาด 6.67 นิ้ว อัตราส่วน 20:9 ความละเอียด 2712x1220 พิกเซล
  • ความหนาแน่นต่อพิกเซล 446ppi
  • การแสดงผลของเฉดสีมากกว่า 68 พันล้านสี
  • ความสว่างสูงสุด 900 นิต
  • เซนเซอร์ตรวจจับแสงรอบตัว 360 องศา
  • อัตราส่วนคอนทราสต์ 5,000,000:1
  • โหมดใช้งานกลางแจ้ง Sunlight mode 3.0
  • โหมดถนอมสายตา Reading mode 3.0
  • รองรับ True Display (TrueColor: JNCD≈0.37, Delta E≈0.66)
  • กระจกครอบทับหน้าจอ Corning Gorilla Glass 5

4. การแสดงผลหน้าจอที่ลื่นไหลและทัชติดทุกการใช้งาน

สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz เลือกปรับได้ตามลักษณะการใช้งาน 30Hz/60Hz/90Hz/120Hz นอกจากนี้มีอัตราการตอบสนองทัชสกรีน 480Hz สำหรับจุดเด่นของหน้าจอเพิ่มเติม คือ รองรับการใช้งานโหมดการแจ้ง, โหมดปรับแสงสีฟ้า, สำหรับความสว่างแสดงได้สูงสุด 500nits กับ 900nits เลือกปรับได้ 4096 ระดับ อีกทั้งมีเซนเซอร์ตรวจจับแสง 360 องศา

5. มั่นใจในการชาร์จแบตเตอรี่ ปลอดภัยกว่าเดิม

แน่นอนว่าด้วยเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 120 วัตต์ จึงต้องมีการออกแบบระบบความปลอดภัยด้วยเซนเซอร์ตรวจจับอุณหภูมิความร้อน 9 ตัว ตั้งแต่อะแดปเตอร์จนถึงพอร์ตชาร์จและแบตเตอรี่ แม้จะชาร์จเร็วรับประกันการชาร์จ 800 รอบ

    

6. ไม่ต้องซื้อ พี่แถมให้!

ที่ไม่ต้องซื้อไม่ได้หมายถึงคู่หู Xiaomi 12T และ Xiaomi 12T Pro แต่ฟรีแค่ที่ชาร์จแบตเตอรี่นะ โดยทาง Xiaomi แถมไปเลยในกล่องอะแดปเตอร์ชาร์จแบตฯ 120 วัตต์

7. ลำโพงดัง เสียงแน่น เพลินทุกสเต็ปการใช้งาน

สัมผัสประสบการณ์ความบันเทิงเต็มรูปแบบด้วยลำโพงสเตอริโอเพื่อความสมจริงยิ่งขึ้น ทำให้สนุกกับภาพยนตร์และเสียงในระดับที่ลึกยิ่งขึ้นด้วยเสียงคุณภาพสูงที่นุ่มนวล Hi-Res, Hi-Res Audio และเทคโนโลยีเสียง Dolby ATMOS แต่ที่แตกต่างคือรุ่นพี่ Xiaomi 12T Pro มีการออกแบบมาตรฐานเสียงด้วย Harman Kardon

8. ระบบเชื่อมต่อเต็มรูปแบบ รองรับทุกไลฟ์สไตล์ใช้งาน

สำหรับสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นรองรับการเชื่อมต่อ 5G, 4G LTE, WiFi 6, WiFi 2.4GHz/5GHz, WiFi 2x2 MIMO, WiFi Direct, Bluetooth 5.3 พร้อม AAC/LDAC/LHDC, GPS, A-GNSS, NFC, IR Blaster

 

9. มอเตอร์การสั่นลิเนียร์แกน X : เป็นคุณสมบัติการสั่นที่ดีกว่าแกน Z เพราะจะสมจริงเป็นธรรมชาติ และรับรู้ได้ จึงเหมาะแก่การใช้งานทุกไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะการเล่นเกม รับรองเพลิน

10. ประสิทธิภาพกล้องของทั้งสองรุ่นเป็นอย่างไร

เริ่มจากรุ่นเล็กกันก่อน แต่ผมไม่เล็กนะครับ สำหรับ Xiaomi 12T มีเลนส์กล้องหลัง 3 ตัว (Triple-Camera) ประกอบไปด้วย

  • เลนส์กล้องหลัก แบบมุมกว้าง ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ Samsung ISOCELL HM6 ขนาด 1/1.67 นิ้ว ขนาดจุดพิกเซล 1.92μm (9IN1 Pixel) รูรับแสงขนาด f/1.7 มุมมองกว้าง 83.6 องศา มีระบบป้องกันการสั่นไหว OIS และระบบโฟกัสอัตโนมัติ PDAF
  • เลนส์กล้องที่สอง Ultra-Wide มุมมองการรับภาพ 120 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์ขนาด 1/4 นิ้ว ขนาดจุดพิกเซล 1.12μm รูรับแสงขนาด f/2.2
  • เลนส์กล้องที่สาม Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ขนาด 1/5 นิ้ว จุดพิกเซลขนาด 1.75μm รูรับแสงขนาด f/2.4

ต่อกันด้วยรุ่นพี่กันบ้าง Xiaomi 12T Pro เป็นกล้องพลังสูง ความละเอียดมากถึง 200 ล้านพิกเซล

  • เลนส์กล้องหลัก แบบมุมกว้าง ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล มุมมองรับภาพ 85 องศา เซนเซอร์ Samsung ISOCELL HP1 ขนาด 1/1.22 นิ้ว จุดพิกเซล 0.64μm (1.28μm แบบ 9IN1 Pixel หรือ 2.56μm แบบ 16IN1 Super Pixel) รูรับแสงขนาด f/1.69 มีระบบป้องกันการสั่นไหว OIS พร้อมการโฟกัสอัตโนมัติ Xiaomi ProFocus โดยประกอบไปด้วยชุดเลนส์ 8 ชิ้น
  • เลนส์กล้องที่สอง Ultra-Wide มุมมองการรับภาพ 120 องศา ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเซนเซอร์ขนาด 1/4 นิ้ว ขนาดจุดพิกเซล 1.12μm รูรับแสงขนาด f/2.2
  • เลนส์กล้องที่สาม Macro ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ขนาด 1/5 นิ้ว จุดพิกเซลขนาด 1.75μm รูรับแสงขนาด f/2.4

ลองดูสิ แล้วคุณจะหลงรักกับโหมดถ่ายภาพที่น่าตื่นตา สวยงาม น่าสนใจ!

  • โหมดถ่ายภาพปกติ : ด้วยกล้องหลัง 3 เลนส์ สามารถเลือกปรับระยะการซูมได้เลยจากหน้าเมนู (0.6, 1. 2 เท่า) โดยเลนส์หลัก ที่ให้ความคมชัดสูง ช่วยให้ถ่ายภาพได้อย่างคมชัด แม้จะขยายภาพดู ตัวภาพก็ยังคงความละเอียดได้อย่างชัดเจน
  • โหมดถ่ายภาพมุมกว้าง : สามารถถ่ายภาพเก็บวิวโดยรอบอย่างครบถ้วน เพิ่มรายละเอียดได้มากขึ้น บอกเล่าเรื่องราวของภาพได้มากกว่าเดิม ด้วยมุมมองกว้าง ตัวภาพที่ออกมาสวย สมมาตร ไม่บิดเบี้ยว ดูอินเทรนด์ ทำให้ดูภาพนั่นแตกต่างออกไป
  • โหมดถ่ายภาพกลางคืน : ช่วยเก็บภาพในเวลากลางคืนให้มีความสว่างมากขึ้น พร้อมซอฟต์แวร์ AI ช่วยปรับภาพให้โดดเด่น สวยกว่าเดิม หรือจะปรับแต่งเองก็ได้เช่นกันด้วยโหมด PRO
  • โหมดถ่ายภาพบุคคล : ปรับแต่งผิวพรรณ หรือรอยหยักต่างๆ ให้หาย ด้วยภาพถ่ายโหมดดังกล่าว แค่แช๊ะ แชร์ลงโซเชียลเน็ตเวิร์คได้ทันที โดยใช้อัลกอริทึม AI Portrait มาช่วยให้การถ่ายภาพดูสวยงามและมีมิติมากขึ้น จับโฟกัสของตัวแบบ และเบลอฉากหลังให้เนียนเป็นธรรมชาติ
  • โหมดซุปเปอร์มาโคร : ระยะ 3-7 ซม. ลองเปลี่ยนแนวถ่ายภาพ เพื่อมองเห็นอะไรในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ได้ดียิ่งขึ้น ด้วยโหมดนี้จะซูมภาพให้คุณเห็นถึงความแตกต่าง
  • โหมดถ่ายภาพโคลน : เปลี่ยนท่าทางได้มากขึ้นในหนึ่งเฟรม ลองดู แล้วคุณจะสนุกกับการถ่ายภาพ โดยต้องถ่ายภาพแนวนอนเท่านั้น และถือสมาร์ทโฟนให้นิ่ง ซึ่งมีลูกเล่นให้ถ่ายแบบ ภาพนิ่ง, วิดีโอ และหยุดเฟรม

ตัวอย่างภาพจากกล้องSample & Photo

ภาพตัวอย่าง Xiaomi 12T Pro

ภาพตัวอย่าง Xiaomi 12T

 

โหมดการถ่ายภาพวิดีโอที่น่าสนใจ มีอะไรบ้าง

  • การบันทึกวิดีโอความละเอียด 8K : บอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ สร้าง Vlog ของตนเอง ที่ความละเอียดสูงสุด แล้วแชร์เรื่องราวที่น่าสนใจได้อย่างคมชัด โดยจะทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ AI แบบอัตโนมัติ ที่จะช่วยคุณปรับแต่งเฟรมภาพในแต่ละจุดจึงไม่ต้องกังวลว่าสีภาพจะผิดเพี้ยน ไม่เป็นธรรมชาติ
  • โหมดการถ่ายภาพยนตร์ : เป็นผู้กำกับได้ง่ายๆ ด้วยสมาร์ทโฟนแค่เครื่องเดียว โดยการบันทึกวิดีโอจะมีโหมดฟิลเตอร์ภาพยนตร์ อาทิ ปกติ, โฟกัสสี, BBP, ลึกลับ, มะนาว, แทงโก้, แฟนตาซี, หลับใหล, คาร์เมน, ฤดูร้อน, บรรยากาศสีทอง, เผชิญหน้า, แอร์ดิก และโรม
  • กรอบภาพยนตร์ : อย่างที่เกริ่นตอนต้นว่า แค่สมาร์ทโฟนเครื่องเดียวก็ถ่ายทำภาพยนตร์ได้ ทำไมต้องไปใช้กล้องแพงๆ เพราะมีทั้งฟีเจอร์ กรอบภาพยนตร์ แค่กดแล้ว อัตราส่วนจะปรับให้ทันที ซึ่งจะเป็นอัตราส่วนสากลจึงไม่ต้องกังวลว่าจะตัดต่อยาก อีกทั้งมีฟีเจอร์ป้องกันภาพสั่นไหวอีกด้วย ถ่ายวิดีโอไดนิ่งๆ เลย
  • เลือกปรับการถ่ายวิดีโอได้สามสไตล์ : ถ่ายวิดีโอมุมกว้าง (0.6x) , ถ่ายวิดีโอปกติ (1x) และถ่ายวิดีโอแบบซูม (2x) อีกทั้งสามารถใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ซูมเสียงได้อีกด้วย เรียกได้ว่าไม่พลาดทุกเหตุการณ์ แถมได้ยินเสียงชัดเจนยิ่งขึ้นด้วย แม้อยู่ในจุดที่ไกลจากจุดที่คุณต้องการจะบันทึก

สรุปฟีเจอร์เด่นที่คุณสามารถร่ายเวทมนตร์สร้างสรรค์คอนเทนต์วิดีโอได้อย่างใจนึก

  • การบันทึกวิดีโอ : ความละเอียด.....
    • ความละเอียด 8K ที่ 24 เฟรมต่อวินาที
    • ความละเอียด 4K ที่ 30/60 เฟรมต่อวินาที
    • ความละเอียด FullHD ที่ 30/60 เฟรมต่อวินาที
    • ความละเอียด HD ที่ 30 เฟรมต่อวินาที
  • ฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอด้วยเทคโนโลยี HDR10+
  • ฟีเจอร์โฟกัสตรวจจับการเคลื่อนไหว
  • การเข้ารหัสวิดีโอ : H.264 และ H.265
  • เทคโนโลยี HLG เพิ่มสีสันและช่วงไดนามิกของวิดีโอด้วยความละเอียดสูง

ราคาวางจำหน่ายและเฉดสีตัวเครื่อง

Xiaomi 12T วางจำหน่ายเป็น 2 เฉดสี ให้เลือก ได้แก่ Blue และ Black

  • RAM 8GB + ROM 256GB : ราคา 17,990 บาท

Xiaomi 12T Pro มีสองเฉดสีให้เลือก ได้แก่ Blue และ Black

  • RAM 12GB + ROM 256GB : ราคา 25,990 บาท

สรุปข้อแตกต่างสำคัญ ว่าทำไม Xiaomi 12T Pro มีราคาแพงกว่า 8,000 บาท

  • เลนส์กล้องความละเอียด 200 ล้านพิกเซล
  • ประเภท RAM LPDDR 5 ที่มีขนาด 12GB
  • Dolby Vision กับมาตรฐานรับรองลดการแสดงผลแสงสีฟ้า  SGS Low Visual Fatigue
  • มาตรฐานการปรับแต่งเสียง Harman Kardon

เมนู & ฟังก์ชันMenu & Function

อัปเดตระบบปฏิบัติการด้วยกันนานๆ : ทาง Xiaomi คอนเฟิร์มว่าทั้งสองรุ่นจะการันตีการอัปเดต Android ทั้งหมด 3 เวอร์ชั่น และแพทช์รักษาความปลอดภัยอีก 4 ปี เรียกได้ว่าใช้งานนานๆ กันเลยทีเดียว

ฟีเจอร์ Game Turbo : รีดประสิทธิภาพการเล่นเกมถึงจุดสูงสุด ระบายความร้อนได้ดี เครื่องไม่หน่วง รวมถึงจัดการการแจ้งเตือนไม่ให้มารบกวนระหว่างเล่นเกมอีกด้วย จึงเป็นจุดศูนย์กลางที่เกี่ยวกับเกมโดยเฉพาะ ประเด็นคือ ไม่ต้องไปเลือกตั้งค่าเองให้งง ให้วุ่นวาย แค่เปิดฟีเจอร์ Game Turbo ให้ เดี๋ยวตัวเครื่องจะจัดการให้คุณเองนะ แค่เล่นก็พอ เจ๋งใช่ไหมล่ะ!

ธีม : อีกหนึ่งทางเลือกที่เพิ่มความหลากหลายให้กับสมาร์ทโฟนของคุณ โดยเลือกธีมที่ต้องการได้เลย จากสโตร์อย่างเป็นทางการของ Xiaomi ทำให้คุณมั่นใจได้ในความปลอดภัย อีกทั้งมีตัวเลือกหลากหลายแบบ อาทิ ธีม, วอลเปเปอร์, เมนูการใช้งาน เป็นต้น

 

 

แอปพลิเคชั่นโคลน : เลือกใช้ได้สองบัญชี เพื่อสลับเปลี่ยนระหว่าง User ส่วนตัว หรือ User สำหรับการทำงานได้ง่าย ๆ ในตัวเครื่อง ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นอื่นเพิ่มเติมให้ยุ่งยาก

 

ฟีเจอร์ล็อกแอปพลิเคชั่นและซ่อนแอปพลิเคชั่น : ป้องกันข้อมูลส่วนตัวของคุณไม่ให้รั่วไหล ด้วยฟีเจอร์การล็อกแอปพลิเคชั่น โดยสามารถตั้งได้แบบรหัสผ่าน, เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ หรือระบบปลดล็อคด้วยใบหน้า นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ซ่อนแอปพลิเคชั่น เรียกได้ว่าไม่มีใครรู้เลย แค่คุณและคุณเท่านั้นที่รู้ล่ะ!

 

 

 

หน้าจอหลักและหน้าเมนูการใช้งาน

 

 

 

 

 

 

 

การแจ้งเตือนและเมนูทางลัดการใช้งานด่วน

เรียกใช้งานด้วยการปัดลงมาจากหน้าจอด้านบน การปัดครั้งแรกจะเป็นเมนูที่จำเป็นต่อการใช้งานเท่านั้น เช่น WiFi, Bluetooth, ไฟฉาย, โหมดประหยัดพลังงาน เป็นต้น หากเลื่อนปัดสองครั้งจะรวมเมนูทางลัดด่วนทั้งหมด และคุณก็เลือกได้ว่าจะให้เมนูใดอยู่ตรงไหน แค่กดปุ่มแก้ไขที่ไอคอนดินสอบริเวณมุมขวาบน นอกจากนี้การแจ้งเตือนก็มีการแบ่งแยกกันในลักษณะการใช้งาน ซึ่งถ้าต้องการดูแจ้งเตือนให้ปัดฝั่งซ้ายและใช้นิ้วเลื่อนลงมา ขณะที่เข้าเมนูทางลัดด่วนให้ปัดฝั่งขวาและใช้นิ้วเลื่อนลงมาเช่นกัน

 

 

การแสดงผล

เมนูสำหรับตั้งค่าการแสดงผลของหน้าจอ โดยสามารถปรับระดับความสว่าง, สี หรือเลือกโหมดการใช้งานได้ อาทิ โหมดอ่านทำให้โทนสีอุ่นขึ้น เพื่อความสบายตาในการใช้งาน และตั้งเวลาได้ด้วย นอกจากนี้ยังเปลี่ยนขนาดตัวอักษรภายในเครื่องได้ ถ้าใครต้องการตัวเล็ก ตัวใหญ่ก็เปลี่ยนในเมนูขนาดอักษรได้เลย รวมถึงการเปิดใช้งานแตะหน้าจอสองครั้งติดกันเพื่อปลุกหน้าจอ หรือเปิดใช้งานโหมดแสงทึบ, โหมดฟิลเตอร์แสงสีฟ้า, การซูมหน้าจอ เป็นต้น

 

 

 

 

 

 

 

 

การตั้งค่าปุ่มทางลัด

สะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยคุณสามารถตั้งค่าการใช้งานต่างๆ ได้เลย ไม่ว่าจะเป็น เริ่มต้นใช้งาน, เปิดใช้งานกล้องด่วน, การเลือกวิธีแคปหน้าจอ เป็นต้น

 

 

 

ฟีเจอร์สร้าง RAM เสมือนจริง

อย่างที่เกริ่นข้างต้น หากการใช้งานใดๆ ก็ตาม รู้สึกหน่วง ไม่ลื่นไหล สามารถเปิดการใช้งานฟีเจอร์นี้ เพื่อให้ระบบสร้าง RAM เพิ่มขึ้นมา ทำให้การใช้งานมีประสิทธิภาพ ไม่ดีเลย์ช้าแล้ว ซึ่งเพิ่มได้สูงสุด 3GB เท่านั้น ทำให้เมื่อ Xiaomi 12T เพิ่มจะมี RAM สูงสุด 11GB ส่วนรุ่นพี่ Xiaomi 12T Pro มี RAM มากถึง 15GB

ระบบเสียงที่ปรับแต่งได้หลากหลาย

สมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นสามารถเพิ่มประสบการณ์ความบันเทิงของคุณอย่างมีคุณภาพเสียงทุกท่วงทำนอง และหากคุณยังไม่ชื่นชอบกับจังหวะก็สามารถปรับแต่งได้ด้วยตนเอง

 

 

การดูแลอุปกรณ์

โดยระบบจะทำการบริหารจัดการทรัพยากรระบบสำคัญๆ เพื่อให้การทำงานของคุณไหลลื่นและเป็นปกติ จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อการใช้งานเป็นเวลานาน โดยที่ไม่ได้ทำการลบข้อมูลต่างๆ เลย

 

 

ขอขอบคุณ : Xiaomi Thailand

แคตตาล็อกตัวเครื่อง : Xiaomi 12T

https://www.siamphone.com/spec/xiaomi/12t.htm

แคตตาล็อกตัวเครื่อง : Xiaomi 12T Pro

https://www.siamphone.com/spec/xiaomi/12t_pro.htm

อ่าน

แบ่งปันบทความ

ข้อมูลมือถือ

รีวิวโดย: อภิศักดิ์ อาจนันท์ ภาพโดย: สิรภพ ผิวทอง
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2565

VIEWS

แบ่งปันบทความ

สินค้าออนไลน์

ขึ้นด้านบน