Samsung Galaxy Tab S9 FE+ เป็นแท็บเล็ตราคาหมื่นกลางๆ แต่ได้ฟังก์ชันการใช้งานฟีลลิ่งระดับแท็บเล็ตเรือธงเลยทีเดียว ด้วยใช้งานร่วมกับ S-Pen ที่แถมมาทันทีในกล่อง พร้อมฟังก์ชันตอบโจทย์การทำงานมากมาย ส่วนหน้าจอมีขนาดใหญ่ถึง 12.4 นิ้ว ความละเอียด WQXGA เพิ่มความลื่นมากขึ้นจากอัตรา Refresh Rate สูงสุด 90Hz พร้อมความบันเทิงแบบจัดเต็มจากลำโพงคู่ Stereo ปรับแต่งจากแบรนด์ AKG และยังมีแบตเตอรี่ขนาด 10,090mAh สนับสนุนการชาร์จเร็วผ่านสาย 45W ส่วนรุ่นที่ได้มารีวิวเป็นรุ่น Samsung Galaxy Tab S9 FE+ (5G)
Samsung : https://siamph.co/8piil และ https://siamph.co/8lta9
Samsung Galaxy Tab S9 FE+ เวอร์ชัน 5G มีความหนาอยู่ที่ 6.5 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 628 กรัม ส่วนวัสดุตัวเครื่องใช้เป็นโลหะทั้งหมด
หน้าจอแสดงผลกว้าง 12.4 นิ้ว ความละเอียด WQXGA (2560x1600 พิกเซล) อัตรา Refresh Rate สูงสุด 90Hz
กล้องหน้าจะอยู่ที่ขอบหน้าจอทางขวา หากปรับหน้าจอเป็นแนวตั้ง โดยมีความละเอียดที่ 12MP เป็นกล้อง Ultra-Wide
ทางขวาตัวเครื่อง Samsung Galaxy Tab S9 FE+ ปุ่มบนสุดเป็นปุ่มเพาเวอร์ พร้อมเป็นที่สแกนลายนิ้วมือ ถัดลงมาเป็นปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง ตรงกลางเป็นรูไมโครโฟน 2 ช่อง และล่างสุดเป็นถาดใส่ซิมการ์ด โดยถาดรองรับ Nano SIM 5G 1 ช่อง และ MicroSD Card 1 ช่อง ส่วนอีกซิมจะมาในรูปแบบ eSIM นอกจากนี้ตรงขอบบริเวณถาดใส่ซิม ยังเป็นแผงแม่เหล็กสำหรับติดปากกา S-Pen
ทางซ้ายตัวเครื่อง จะเป็นแผงแม่เหล็กเช่นกัน โดยไว้สำหรับใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมอย่างเคสคีย์บอร์ด
ส่วนบนตัวเครื่อง Samsung Galaxy Tab S9 FE+ ทางขวาสุดเป็นลำโพงเสียง และตรงกลางเป็นรูไมโครโฟน
ส่วนใต้ตัวเครื่อง ตรงกลางเป็นพอร์ต USB Type-C และขวาสุดเป็นลำโพงเสียง
พลิกดูที่ฝาหลังตัวเครื่อง Samsung Galaxy Tab S9 FE+ มุมบนขวาเป็นกล้องหลัง 2 ตัว ดีไซน์แบบไร้โมดูล โดยกล้องจะนูนขึ้นมาจากฝาหลัง ประกอบไปด้วยกล้องหลัก ความละเอียด 8MP และกล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8MP
S-Pen มาทันทีกับกล่อง ใช้สะดวก สร้างสรรค์งานสบาย
เรียกว่าเป็นข้อดีของ Samsung Galaxy Tab S9 FE+ และ Galaxy Tab S9 FE ก็ได้ ด้วยการแถมปากกา S-Pen มาให้ทันทีในกล่อง ไม่ต้องไปซื้อแยกเอง นอกจากนี้ปากกา S-Pen ยังสามารถกันน้ำ กันฝุ่น IP68 ได้ ส่วนฟีเจอร์ต่างๆ ของปากกา S-Pen สามารถดูได้ตามด้านล่าง
หน้าจอใหญ่ 12.4 นิ้ว ลื่นๆ ด้วยรีเฟรชเรท 90Hz
หน้าจอของ Samsung Galaxy Tab S9 FE+ ถือว่าเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ เหมาะกับการใช้งานทำงาน และดูหนังดูซีรี่ส์เอามากๆ ด้วยหน้าจอขนาด 12.4 นิ้ว ความละเอียดสูงถึง WQXGA (2560x1600 พิกเซล) และยังมีอัตรา Refresh Rate สูงสุดที่ 90Hz ไม่ว่าจะปัด หรือใช้ปากกา S-Pen ก็ดูลื่นไม่หนืดเหมือนหน้าจอ 60Hz และยังแสดงผลต่างๆ ได้ลื่นตาอีกด้วย
ความบันเทิงเต็มที่จอใหญ่ ลำโพงดังจาก AKG
ถือว่าเป็นแท็บเล็ตที่ให้ความบันเทิงเต็มรูปแบบ นอกจากหน้าจอที่ใหญ่ ยังมีลำโพงเสียงแบบลำโพงคู่ Stereo ให้เสียงออกมาแบบมีมิติสมจริง และเสียงยังมีคุณภาพสูง เพราะถูกปรับแต่งจากแบรนด์ชื่อดังอย่าง AKG
สเปคกำลังดีใช้งานพื้นฐานลื่น
Samsung Galaxy Tab S9 FE+ และ Galaxy Tab S9 FE ถูกขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Exynos 1380 อาจจะไม่ใช่ชิปเซ็ตตัวแรงที่สุด แต่ก็ดีพอให้ใช้งานพื้นฐานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการเล่นสังคมออนไลน์ ตอบแชท ดูหนังฟังเพลง รวมไปถึงการทำงานด้านศิลปะ และเอกสาร นอกจากนี้ยังมี RAM สูงสุดถึง 8GB ทำให้ใช้งานแบบ Multi Window ได้สบายมากขึ้น
ทดสอบการเล่นเกม
การเล่นเกมอาจจะทำได้ไม่ดีนัก เนื่องจากใช้ชิปเซ็ตที่เหมาะกับการใช้งานทั่วไปมากกว่า และด้วยขนาดจอที่ใหญ่ถึง 12.4 นิ้ว ทำให้การจับเล่นเกมยังไม่ค่อยถนัด อย่างไรก็ตามยังสามารถเล่นเกมแบบ Casual ได้ดี ส่วนเกมจริงจังอย่าง PUBG Mobile ก็ยังเล่นได้ ด้วยความละเอียดระดับ HD เฟรมเรตระดับสูง ซึ่งในการเล่นจริงก็ถือว่ามีความลื่นเล่นได้สบายอยู่
ตัวเครื่องใช้วัสดุทนทาน ได้มาตรฐาน IP68
อีกจุดเด่นของ Samsung Galaxy Tab S9 FE+ และ Galaxy Tab S9 FE คือการนำวัสดุ Full Metal หรือโลหะมาผลิต ทำให้ตัวเครื่องมีความแข็งแกร่งสูง นอกจากนี้ยังได้มาตรฐาน IP68 ทำให้กันน้ำกันฝุ่นได้ในระดับสูง สามารถพกพาไปที่ไหนก็ได้อย่างอุ่นใจ
แบตเตอรี่อึด รองรับชาร์จเร็ว
แบตเตอรี่มาด้วยขนาดใหญ่ถึง 10,090mAh ใช้งานกันได้อย่างเต็มที่ทั้งวัน โดยการทดสอบการเล่นเกม PUBG Mobile กราฟิก HD เฟรมเรทสูง ใช้เวลาเล่น 1 ชั่วโมง จากแบตเตอรี่ 40% ลดลงมาเหลือ 29% ส่วนการชาร์จเร็วสนับสนุนการชาร์จเร็วผ่านสาย 45W แต่ทาง Samsung ไม่ได้ให้อะแดปเตอร์มาด้วยในกล่อง ต้องไปหาอะแดปเตอร์มาใช้เอง
แท็บเล็ต 5G รองรับการใช้งาน eSIM
Samsung Galaxy Tab S9 FE++ และ Galaxy Tab S9 FE มีรุ่น 5G มาให้ใช้งานด้วย ทำให้สามารถใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM + เปิดใช้งาน eSIM ได้ พร้อมรองรับเครือข่าย 5G ทำให้ใช้งานนอกบ้านได้แบบสบายใจ ไม่จำเป็นต้องใช้อินเตอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi อย่างเดียว นอกจากเล่นเน็ตได้แล้ว ยังสามารถรับสายโทรเข้าโทรออก รับSMS หรือ OTP ได้อีก
ประสิทธิภาพกล้องถ่ายรูป
กล้องหน้าของ Samsung Galaxy Tab S9 FE+ มีความละเอียดสูงถึง 12MP และเป็นกล้อง Ultra-Wide ซึ่งมีความละเอียดสูงกว่ากล้องหลังเสียอีก ตรงนี้ช่วยในการวิดีโอคอลได้ดีเยี่ยม และยังเป็นเลนส์ Ultra-Wide มองเห็นแบบมุมกว้าง วิดีโอคอลแบบกลุ่มได้ ในขณะที่กล้องหลังติดตั้งมา 2 ตัว ประกอบไปด้วยกล้องหลัก ความละเอียด 8MP และกล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8MP ถ่ายภาพปกติ กับมุมกว้างได้ดี และยังใช้มุมกว้างในการบันทึกวิดีโอได้ด้วย ส่วนการบันทึกวิดีโอ สามารถบันทึกได้ความละเอียดสูงสุดที่ FHD เฟรมเรท 30fps
สเปคของ Samsung Galaxy Tab S9 FE+
ระบบปฏิบัติการ
Samsung Galaxy Tab S9 FE+ และ Galaxy Tab S9 FE รันบนระบบปฏิบัติการ OneUI 5.1.1 บนพื้นฐาน Android 13 ซึ่งมีการปรับให้ใช้งานกับแท็บเล็ตได้สะดวกมากขึ้น และใช้งานในแนวนอนได้สะดวก ส่วนหน้าตา และการตั้งค่าก็ปรับแต่งได้ตามสะดวก ทั้งภาพพื้นหลัง, ธีม และ Gadget โดยสามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้จาก Galaxy Themes
หน้าจอหลัก
ในส่วนหน้าจอหลัก ยังคงมีหน้าจอเหมือนกับสมาร์ทโฟน แต่จะมีการปรับแต่งเล็กน้อยให้เหมาะกับใช้งานบนแท็บเล็ต อย่างเช่น แถบ Dock ทางด้านล่าง ซึ่งช่วยให้เปิดแอพฯ ต่างๆ ได้ทันที พร้อมดูแอพฯ ล่าสุดที่ใช้งานไปได้ด้วย
ปุ่มนำทาง
ปุ่มนำทางจะมีให้เลือก 2 แบบคือ ปุ่มนำทาง 3 ปุ่ม และท่าทาง Gesture แต่เอาจริงๆ ปุ่มนำทางแบบ 3 ปุ่มใช้งานได้สะดวกกว่า และยังมีการจัดวางให้อยู่ทางมุมล่างขวาของหน้าจอ ช่วยเพิ่มความสะดวกให้อีก
แผง Edge
แผง Edge จะอยู่ทางด้านข้างของหน้าจอ ในนั้นจะมีแอพฯ ให้เปิดใช้งานได้ทันที และยังช่วยให้ทำการ Split-Screen ได้ทันที เมื่อลากแอพฯ ออกมาจากแผง Edge
โหมดมืด
โหมดมืดเมื่อเปิดใช้งานจะปรับเปลี่ยนธีมเป็นสีดำ และใช้ตัวหนังสือสีขาว เพื่อความสะดวกในการใช้งานในที่แสงน้อย ซึ่งการเปิดใช้งานแอพฯ ต่างๆ ก็จะเปลี่ยนเป็นสีดำไปด้วย แต่ต้องเป็นแอพฯ ที่รองรับเท่านั้น
ปรับอัตรา Refresh Rate
อย่างที่ทราบกันว่า Samsung Galaxy Tab S9 FE+ และ Galaxy Tab S9 FE มีหน้าจออัตรา Refresh Rate สูงสุดที่ 90Hz แต่ก็สามารถปรับลงมาเป็นมาตรฐานได้ที่ 60Hz โดยเข้าไปที่ การตั้งค่า > จอภาพ > การเคลื่อนไหวที่ลื่นไหล
การแบ่งหน้าจอ Multi Window
Samsung Galaxy Tab S9 FE+ มีให้เลือกเปิดแอพฯ แบบ Multi Window ได้สูงสุดถึง 4 หน้าต่าง เรียกว่าจัดเต็มให้สมกับหน้าจอที่ใหญ่ถึง 12.4 นิ้วกันไปเลย โดยหลักๆ จะเป็นการแบ่ง 3 หน้าจอ และอีก 1 หน้าจอเป็นรูปแบบป๊อปอัพ ซึ่งผู้ใช้สามารถเลือกเปิดได้ตามใจ
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง
ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ดังนี้
สรุปราคา และการจัดจำหน่าย
สำหรับ Samsung Galaxy Tab S9 FE+ มีให้เลือก 2 สีคือ สี Gray และสี Mint ส่วน Galaxy Tab S9 FE จะมีให้เลือก 3 สีคือ สี Gray สี Mint และสี Lavender เตรียมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 ตุลาคม 2566 หาซื้อได้ทางออนไลน์บนเว็บไซต์ Samsung.com และ Samsung Official Store บน Shopee และ Lazada ส่วนออฟไลน์ก็มีทั้ง Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ ส่วนราคาดูได้ตามด้านล่าง
**** โปรโมชั่นช่วงเปิดตัว ใครที่ซื้อ Samsung Galaxy Tab S9 FE Series ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2566 ถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 รับไปเลยเคส Smart Book Cover มูลค่าสูงสุด 2,990 บาท
สิทธิพิเศษ เฉพาะ Samsung Galaxy Tab S9 FE Series !
รีวิว vivo X200 Series สายคอนเสิร์ตต้องโดน ซูมชัดเหมือนติดขอบเวที
DJI Mic Mini ไมโครโฟนไร้สายขนาดเล็กรุ่นใหม่ในตระกูล OsmoAudio
Motorola ก้าวสู่ยุคใหม่แห่ง AI ด้วย Moto AI และ Smart Connect
รีวิว TECNO SPARK 30C คุ้มค่าทุกการใช้งาน แข็งแกร่งทุกฟังก์ชัน
Redmi Watch 5 สมาร์ทวอทช์รุ่นแรกรันบน HyperOS 2 หน้าจอสี่เหลี่ยม AM...
พรีวิว Samsung Galaxy Z Flip 6 ครั้งแรกมือถือจอพับกันน้ำได้ Samsung เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ Samsung Galaxy Z Flip 6 รุ่นใหม่ล่าสุด มาพร้อมเฉดสีสไตล์มินิมอล สดใส เก๋ไก่ น่ารักเอามากๆ มี 4 เฉดสีใ...