รีวิว Redmi Note 13 น้องเล็กพร้อมสู้ หน้าจอ AMOLED 120Hz กล้องหลัง 3 ตัว ดุดันระดับ 108MP

เปิดตัวอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ Redmi Note 13 Series ซึ่งมีการเปิดตัวในประเทศไทยด้วยกันถึง 3 รุ่น โดยน้องเล็กสุดเป็นรุ่น Redmi Note 13 ที่รองรับเครือข่าย 4G เท่านั้น แต่พร้อมสู้ขอโชว์จุดเด่นด้วยหน้าจอ AMOLED กว้าง 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ พร้อมอัตรา Refresh Rate สูงสุด 120Hz ไม่พอแค่นั้นยังจัดการติดตั้งกล้องหลังมา 3 ตัว ความละเอียดสูงสุด 108MP และมีกล้อง Ultra-Wide มาให้ด้วย เรียกว่าน้องเล็กคนนี้ไม่ธรรมดาให้สเปคมาแบบน่าสนใจทีเดียว

สั่งซื้อคลิก!

Shopee : https://shope.ee/B4dkxKpPe

Lazada : https://s.lazada.co.th/s.OHHW2?cc

รูปลักษณ์ภายนอกLook & Design

Redmi Note 13 มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องแบบขอบเรียบ ขนาด 162.24x75.55x7.97 มิลลิเมตร และยังมีน้ำหนักเบาเพียง 188.5 กรัม

หน้าจอแสดงผลพาแนล AMOLED กว้าง 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400x1080) อัตรา Refresh Rate สูงสุด 120Hz และป้องกันด้วยกระจก Gorilla Glass 3

เหนือหน้าจอแสดงผล Redmi Note 13 ใช้ดีไซน์รอยแหว่งแบบจอเจาะรูตรงกลาง ในนั้นมีกล้องหน้า ความละเอียด 16MP

ล่างหน้าจอแสดงผล รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และไม่มีปุ่มฮาร์ดแวร์ให้ใช้งาน

ข้างซ้าย Redmi Note 13 ไม่มีพอร์ต หรือปุ่มใช้งานใดๆ

ข้างขวาตัวเครื่อง ปุ่มยาวเป็นปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง และปุ่มเล็กเป็นปุ่มเพาเวอร์

ส่วนบนตัวเครื่อง ทางซ้ายสุดเป็นช่องเสียบหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ถัดมาตรงกลางเป็นลำโพงเสียง ทางขวาเป็นเซนเซอร์ IR Blaster และรูไมโครโฟน

ส่วนใต้ตัวเครื่อง Redmi Note 13 ทางซ้ายเป็นถาดใส่ซิมกาดแบบ Hybrid รองรับ NanoSIM 2 ช่อง หรือเปลี่ยน 1 ช่องเป็น MicroSD Card ตรงกลางเป็นพอร์ต USB Type-C และทางขวาเป็นไมโครโฟน กับลำโพงเสียงอีกตัว

พลิกมาที่ฝาหลัง Redmi Note 13 กล้องจะแยกกล้องแต่ละตัว และไม่ได้อยู่ในโมดูลเดียวกัน รวมไปถึงไฟแฟลช LED โดยกล้องหลังประกอบไปด้วย กล้องหลัก ความละเอียด 108MP, กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8MP และกล้อง Macro ความละเอียด 2MP ทางมุมบนขวามีโลโก้ Redmi และระบุเป็นกล้อง 108MP

อุปกรณ์ภายในกล่อง

• ตัวเครื่อง Redmi Note 13
• อะแดปเตอร์ Type-A จ่ายไฟ 33W
• สาย USB Type-A To Type-C
• เคสซิลิโคน
• เข็มนำถาดซิมออก
• คู่มือการใช้งาน และใบรับประกัน

จุดเด่นน่าสนใจSpecial & Features

จอขอบบาง พาแนล AMOLED FHD+ 120Hz อย่างแจ่ม
หากเทียบกับราคา แต่ได้หน้าจอพาแนล AMOLED กว้าง 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ถือว่า Redmi Note 13 เป็นหน้าจอให้สีสันที่สวยงาม พร้อมความละเอียดที่สูง นอกจากนี้ยังให้การเลื่อนหน้าจอที่ลื่นด้วย Refresh Rate สูงสุด 120Hz เป็นแบบ AdaptiveSync ปรับอัตรา Refresh Rate ให้แบบอัตโนมัติตามลักษณะใช้งาน

ทางด้านเทคโนโลยีการถนอมสายตาก็ให้มาจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นการลดแสง PWM Dimming ระดับ 960Hz พร้อมกับมาตรฐาน TÜV Rheinland 3 อย่างด้วยกันคือ ไม่มีจอกระพริบ Flicker Free, กรองแสงสีฟ้า และเป็นมิตรกับชีวภาพทั้งวันกับผู้ใช้

รองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
ระบบความปลอดภัยไบโอเมตริก Redmi Note 13 การการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอมาให้ด้วย โดยการสแกนมีความแม่นยำ และปลอดภัย พร้อมจดจำลายนิ้วมือได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ ทั้งนี้ยังมีระบบสแกนใบหน้าให้ด้วย โดยสามารถจดจำได้ 2 ใบหน้า

ป้องกันรอบด้าน กระจก Gorilla และ IP54
มาตรการความทนทาน Redmi Note 13 ก็จัดมาให้ โดยหน้าจอแสดงผลมีการครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 3 อุ่นใจได้ระดับหนึ่ง นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมาพร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP54 กันฝุ่นได้ดีระดับหนึ่ง และกันน้ำแบบสาดได้

ขุมพลัง Snapdragon 685 เน้นใช้งานทั่วไป
Redmi Note 13 ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 685 เป็นชิปเซ็ตเครือข่าย 4G และเน้นให้ใช้งานพื้นฐานทั่วไป มากกว่าการใช้งานหนักๆ เช่นเล่นเกมกราฟฟิกสวยๆ สำหรับการใช้งานสังคมออนไลน์ ตอบแชท เล่นไลน์ ดูหนัง ฟังเพลง รวมไปถึงการใช้งานกล้องถ่ายรูป ถือว่าผ่านทั้งหมด

ทดสอบการเล่นเกม
ตามจริงชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 685 ไม่ได้แรงมากเท่าไหร่ตามที่เคลมไว้ด้านบน แต่จากการทดสอบกับเกมอย่าง ROV ถือว่าออกมาดีทีเดียว โดยสามารถปรับกราฟฟิกในระดับสูง และดังเฟรมเรตระดับสูงได้เช่นกัน ซึ่งในการเล่นจริงสามารถทำเฟรมเรตได้ระดับ 56-59fps ตลอดเวลา ส่วนอีกเกมอย่าง PUBG Mobile ก็สามารถเล่นได้เช่นกัน แต่เป็นกราฟิกระดับลื่นไหล และเฟรมเรตระดับสูง การเล่นจริงอาจจะไม่ลื่นมาก และภาพไม่สวย แต่ก็สามารถเล่นได้ดี

แบตเตอรี่ 5,000mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W
เรื่องของแบตเตอรี่จัดเต็มมาให้ระดับ 5,000mAh ถือว่าเป็นขนาดที่เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป 1 วัน ส่วนการทดสอบได้เล่นเกม ROV และ PUBG Mobile เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ปรับความสว่างหน้าจอ 60% จากแบตเตอรี่ 57% ลดลงมาเหลือ 40% ไม่พอแค่นั้นยังรองรับการชาร์จเร็วผ่านสาย 33W และมีอะแดปเตอร์ 33W มาให้ทันทีในกล่อง

กล้องถ่ายรูประดับ 108MP
สำหรับการใช้งานกล้องถ่ายรูป เป็นอีกจุดเด่นของ Redmi Note 13 โดยกล้องหลังติดตั้งมา 3 ตัว มีกล้องหลักความละเอียดสูงถึง 108MP หากใช้โหมดพิเศษ 108MP จะได้ไฟล์ภาพขนาดใหญ่ถึง 12000x9000 พิกเซล นอกจากนี้ยังมีกล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8MP และกล้อง Macro ความละเอียด 2MP เปิดมุมกว้าง และการถ่ายใกล้ ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 16MP ส่วนเทคโนโลยีที่ทาง Xiaomi ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กล้องถ่ายภาพคือ Xiaomi Imaging Engine เป็นระบบประมวลผลแบบฮาร์แวร์ และมีฟิลเตอร์พิเศษ FilmCamera Filters ให้เลือกใช้งานได้หลายแบบ

ตัวอย่างภาพจากกล้องSample & Photo

สเปคของ Redmi Note 13

• ขนาดตัวเครื่อง : 162.24x75.55x7.97 มิลลิเมตร
• น้ำหนัก : 188.5 กรัม
• หน้าจอแสดงผล : AMOLED กว้าง 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400x1080) ปรับความสว่างได้สูงสุด 1800nits อัตรา Refresh Rate สูงสุด 1800nits
• ชิปเซ็ต : Qualcomm Snapdragon 685
• RAM : 8GB LPDDR4x
• ROM : 256GB แบบ UFS 2.2
• ระบบปฏิบัติการ : MIUI 14 บนพื้นฐาน Android 13
• กล้องหลัง 3 ตัว พร้อมไฟแฟลช LED
  - กล้องหลัก ความละเอียด 108MP รูรับแสง f/1.75
  - กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8MP รูรับแสง f/2.2
  - กล้อง Macro ความละเอียด 2MP รูรับแสง f/2.4
• กล้องหน้า ความละเอียด 16MP
• เครือข่าย : 4G LTE / 3G / 2G รองรับ NanoSIM 2 ช่อง
• การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 2.4/5GHz, Bluetooth 5.1, NFC, เซนเซอร์ IR, ช่องเสียบหูฟัง 3.5mm, พอร์ต USB Type-C
• มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น : IP54
• ระบบเสียง : ลำโพงคู่ Stereo รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
• แบตเตอรี่ : 5,000mAh สนับสนุนชาร์จเร็วผ่านสาย 33W

การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง

• ผลการทดสอบประสิทธิภาพความเร็ว AnTuTu Benchmark : 363,503 คะแนน
• ผลการทดสอบประสิทธิภาพโดยรวม Geekbench 5 ได้คะแนน Single-Core : 478 คะแนน และ Multi-Core : 1582 คะแนน
• ผลการทดสอบกราฟิกด้วย 3D MARK (Wild Life) : 652 คะแนน
• ผลตรวจสอบระบบสัมผัสหน้าจอแบบ Multitouch สูงสุด 10 จุด 

ราคาและการวางจำหน่าย

Redmi Note 13 มีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สี Midnight Black, สี Mint Green และสี Ocean Sunset  โดยวางจำหน่ายในราคา 6,999 บาท

พร้อมให้ลูกค้าสั่งจองล่วงหน้าระหว่างวันที่ 16 - 26 มกราคม 2567 โดยจะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 มกราคม 2567 เป็นต้นไป ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม