มาถึงกันแล้วกับ ROG Phone 8 Series โดยขนมาขายในบ้านเราด้วยกัน 3 รุ่นคือ ROG Phone 8 Pro Edition, ROG Phone 8 Pro และ ROG Phone 8 การมารอบนี้ยังคงให้สเปคที่จัดเต็ม เหมาะกับการเป็นสมาร์ทโฟนเพื่อการเล่นเกมเช่นเคย แต่สิ่งที่แปลกออกไปคือ การดีไซน์ตัวเครื่องที่ดูเรียบหรูให้ความพรีเมี่ยมมากขึ้น ซึ่งมีตัวเครื่องที่บาง ขอบเครื่องแบบเรียบ หน้าจอกว้างชิดขอบ และไม่ได้ดูล้ำๆ แปลกๆ เหมือนกับ ROG Phone ที่ผ่านๆ มา สำหรับ 2 รุ่นแรกจะต่างกันแค่ขนาด RAM กับ ROM และรุ่นเล็กสุดจะถูกลดสเปคบางส่วน พร้อมกับดีไซน์ที่แตกต่างเล็กน้อย แต่ในการรีวิวนี้จะเน้นไปในรุ่น ROG Phone 8 Pro Edition
ขนาดตัวเครื่อง และน้ำหนัก
หน้าจอแสดงผล AMOLED กว้าง 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2400x1080) อัตรา Refresh Rate แบบ LTPO สูงสุด 165Hz ปรับความสว่างได้สูงสุด 2,500nits และครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass Victus 2
เหนือหน้าจอแสดงผล ใช้ดีไซน์รอยแหว่งแบบจอเจาะรู ในนั้นมีกล้องหน้า ความละเอียด 32MP และขอบหน้าจอด้านบนเป็นลำโพงเสียง
ล่างหน้าจอแสดงผล มีที่สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และไม่มีปุ่มใช้งานแบบฮาร์ดแวร์
ข้างซ้ายตัวเครื่อง มีพอร์ต USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ และติดตั้งพัดลมระบายความร้อน AeroActive Cooler X
ข้างขวาตัวเครื่อง มีปุ่มใช้งานพื้นฐานคือ ปุ่มยาวเพิ่มเสียงลดเสียง และปุ่มเพาเวอร์ ถัดลงมาเป็นรูไมโครโฟน นอกจากนี้ด้านบนสุด และล่างสุดยังเป็นปุ่มเสริม AirTrigger เพิ่มมิติในการเล่นเกม
ส่วนบนตัวเครื่อง มีเพียงรูไมโครโฟนเท่านั้น
ใต้ตัวเครื่อง ทางซ้ายสุดมีรูไมโครโฟน ถัดมาเป็นพอร์ต USB Type-C ตามมาด้วยช่องใส่ถาดซิมกาด รองรับ NanoSIM 2 ช่อง และมีลำโพงเสียง พร้อมช่องเสียบหูฟัง 3.5mm
ด้านฝาหลังตัวเครื่อง ROG Phone 8 Pro Edition จะให้ความพรีเมี่ยมมากกว่า โดยมีผิวสัมผัสแบบนุ่มๆ เหมือนบาง และมีผิวแบบดำด้าน ส่วน ROG Phone 8 จะเป็นแบบพลาสติก ทั้งคู่ยังมีหน้าจอไฟ LED หรือทาง ROG เรียกว่า Anime Vision
ส่วนกล้องหลังจะมีโมดูลแบบ 5 เหลี่ยม นูนสูงขึ้นมา โดยทั้ง 2 รุ่นมีกล้องหลังที่แตกต่างกัน
ROG Phone 8 Pro Edition
ROG Phone 8
อุปกรณ์ในกล่อง
โดดเด่นด้วยดีไซน์สวยแบบเรียบๆ ดูพรีเมี่ยม
ROG Phone 8 Pro Edition มีความโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ปรับโฉมมาใหม่ดูเรียบหรู ไม่ดุดันเหมือน ROG Phone รุ่นเก่าๆ ที่มีความเป็นเกมมิ่งโฟนแบบจ๋าๆ และยังมีความบางกว่า 15% เล็กกว่า 17% เบากว่า 9% หากเทียบกับรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ยังมีฝาหลังให้การสัมผัสแบบนุ่มๆ ผิวแบบดำด้านเนียนๆ ให้ความเป็นสมาร์ทโฟนผสมเกมมิ่งโฟนแบบ Premium Device อย่างลงตัว ส่วน ROG Phone 8 จะให้ฝาหลังแบบพลาสติก แต่ขนาดกับน้ำหนักยังเท่าตัวโปร
จอหลัง AniMe Vision ไฟ LED ใส่ข้อความเองได้ด้วย
ด้านฝาหลังของ ROG Phone 8 Pro Edition จะมีหน้าจอ LED ที่เรียกว่า AniMe Vision โดยในจอมีไฟ LED กว่า 341 ดวง สามารถแสดงภาพเคลื่อนไหว หรือปรับแต่งเองได้ เวลาทำกิจกรรมต่างๆ ในเครื่อง ส่วนสิ่งที่ชอบมากๆ คือ การใส่ข้อความได้เอง ทำเป็นไฟวิ่งเวลาไปดูคอนเสิร์ตได้อีกทาง ส่วน ROG Phone 8 จะเป็นไฟ Aura Sync เล่นแสงสีกับโลโก้ ROG แทน
หน้าจอแสดงผล AMOLED รีเฟรช LTPO 165Hz
มารอบนี้ ROG Phone 8 Series ปรับหน้าจอใหม่ดูกว้าง และทันสมัยขึ้น เพราะมีการปรับมาใช้รอยแหว่งหน้าจอแบบจอเจาะรู จากเดิมส่วนบนจะมีการกินพื้นที่หน้าจอไว้เป็นกล้องหน้า ส่วนหน้าจอยังเป็นพาแนล E6 AMOLED กว้าง 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ให้สีที่แม่นยำสวยงามมาตรฐาน Delta-E < 1 และปรับความสว่างได้สูงสุด 2500nits ในขณะที่อัตรา Refresh Rate สูงสุด 165Hz เป็นแบบ LTPO รองรับ adaptive refresh rate ปรับให้แบบอัตโนมัติตามลักษณะการใช้งาน และมีอัตราการตอบสนองสูงถึง 720Hz สัมผัส เคลื่อนไหวติดนิ้ว ไม่พอแค่นั้นยังมีความแข็งแกร่งด้วยการครอบทับ Gorilla Glass Victus 2
สเปคแรงเล่นเกมลื่นๆ ด้วย Snapdragon 8 Gen 3
ทั้งการใช้งาน และการเล่นเกมแทบไม่ต้องเป็นห่วง เพราะ ROG Phone 8 Series ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3 ชิปเซ็ตระดับเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด ทำงานร่วมกับ RAM สูงสุด 24GB LPDDR5x และ ROM 1TB แบบ UFS 4.0 ความแรงไม่ได้มีแค่ฮาร์ดแวร์ยังมีซอฟแวร์ X-Mode ช่วยรีดประสิทธิภาพการทำงานให้อยู่ขั้นสูงสุดตลอดเวลา เสริมความเร็วให้ทุกการใช้งานได้ง่ายๆ โดยการเข้า X-Mode สามารถเริ่มได้ด้วยการบีบตัวเครื่องช่วงล่าง แต่การใช้งานในโหมดนี้จะกินแบตเตอรี่พอสมควร
ทดสอบการเล่นเกม
ROG Phone 8 Series เป็นเกมมิ่งโฟนตัวท็อปขนาดนี้ เล่นเกมแบบปรับกราฟฟิกสูงๆ ไม่ได้ก็เสียชื่อเปล่าๆ โดยในการทดสอบได้ใช้เกม Genshin Impact ในการทดสอบก็เล่นได้แบบลื่นๆ ด้วยกราฟฟิกระดับสูง และอัตรารีเฟรช 60fps ส่วนอีกเกมเป็น PUBG Mobile สามารถปรับกราฟิกในระดับ Ultra HDR และเฟรมเรตระดับสูง ซึ่งการเล่นจริงก็ไร้ปัญหาเช่นเคย ทั้งนี้ในระหว่างเล่นเกมผู้ใช้สามารถเปิดหน้าต่างตัวช่วยอย่าง Game Genie สำหรับการปรับแต่งต่างๆ ในระหว่างเล่นเกม โดยการเปิดหน้าต่างต้องทำการปัดหน้าจอมุมบนซ้าย หรือขวาลากเป็นแนวทแยง
เล่นเกมง่ายขึ้นจากปุ่ม AirTriggers
ปุ่มเสริม AirTriggers ยังคงมีมาให้เช่นเดิม โดยจะอยู่ทางด้านขวาของตัวเครื่อง แต่ละข้างสามารถแบ่งเป็น 2 ปุ่มได้ และปรับแรงกดได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีการควบคุมแบบไจโร เหมาะกับเกมแนวขับรถ และปุ่มเสริมอีก 2 ปุ่มบนพัดลมระบายความร้อน AeroActive Cooler X ส่วนการตั้งค่าปุ่มสามารถปรับแต่งในระหว่างเล่นเกม ในแผงเครื่องมือ Game Genie
การระบายความร้อนดีเยี่ยม ติดพัดลม AeroActive Cooler X ยิ่งเย็นหายห่วง
แม้ว่าตัวเครื่องจะมีความบางขึ้น แต่ระบบระบายความร้อนก็ให้มาแบบจัดเต็มด้วยระบบ GameCool 8 ภายในมีทั้ง Graphite Sheet 2 ชั้น, Rapid-cooling Conductor, Boron Nitride, Dual Batteries, และ Vapor Chamber ทั้งหมดสามารถระบายความร้อนได้ดี 360 องศา และลดความร้อนได้ดีขึ้น 20% จากที่ทดสอบก็ยังมีความร้อนออกมาอยู่ในการเล่นเกม Genshin Impact แบบปรับสุด แต่ก็ไม่ส่งผลกับการเล่นเกมแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ROG Phone 8 Pro Edition ยังมีทางเลือกเสริมในการระบายความร้อนมาให้อีกคือ พัดลม AeroActive Cooler X เย็นจับใจมากกว่าเดิม พร้อมไฟ RGB ส่วนงาม
ระบบเสียง 3 มิติ ต่อหูฟังก็คุณภาพเสียงเต็มประสิทธิภาพ
เรื่องของระบบเสียงก็ให้มาแบบจัดเต็ม สร้างความบันเทิงได้เต็มรูปแบบ โดยลำโพงเสียงมาแบบลำโพงคู่ Stereo ปรับแต่งด้วยเทคโนโลยี OZO Audio ให้เสียงออกมาแบบ 3 มิติ และกำจัดเสียงรบกวนได้ดี นอกจากนี้ยังมีให้ประสบการณ์เสียงแบบขั้นสุดในการเชื่อมต่อกับหูฟัง ไม่ว่าจะไร้สาย หรือแบบสาย โดยมีระบบ Dirac Virtuo พร้อมกับระบบ AI ในการตัดเสียงรบกวน ไม่พอแค่นั้นยีงให้คุณภาพเสียงเทียบเคียงไฟล์ต้นฉบับด้วย Hi-Res และเสียงเที่ยงตรง และมีความหน่วงต่ำอย่าง Qualcomm aptX Adaptive และ aptX Lossless
ระบบความปลอดภัยไบโอเมตริก
ROG Phone 8 Pro Edition, ROG Phone 8 Pro และ ROG Phone 8 มาพร้อมระบบความปลอดภัยไบโอเมตริกทั้งสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ และสแกนใบหน้า
แบตเตอรี่เยอะ รองรับชาร์จไว 65W
ทั้งหมด ROG Phone 8 Pro Edition, ROG Phone 8 Pro และ ROG Phone 8 มีแบตเตอรี่ขนาด 5500mAh มาให้ หากใช้งานทั่วไปก็เหลือๆ ตลอดทั้งวัน แต่เอาจริงๆ คนใช้งาน ROG Phone ก็จะเน้นใช้เล่นเกมเป็นหลัก แบบปรับภาพสวยๆ แน่นอนว่าคงไม่เหลือรอด ยิ่งเปิด X-Mode ยิ่งสูบแบตเตอรี่ไปใหญ่ ซึ่งตัวเครื่องก็รองรับการชาร์จพร้อมเล่นเกมไปด้วยได้ โดยรองรับการชาร์จเร็ว 65W HyperCharge USB PD สามารถชาร์จจาก 1% ใช้เวลา 45นาที กลับมาเต็ม 100% นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จไร้สาย 15W อีกด้วย
สเปคกล้องถ่ายรูป
แม้ว่า ROG Phone 8 Pro Edition จะเป็นสมาร์ทโฟนที่เน้นการเล่นเกมเป็นหลัก แต่การใช้งานกล้องถ่ายรูป ก็ถูกยกระดับให้ดีขึ้นมากทีเดียว โดยรอบนี้มาพร้อมตัวกันสั่นแบบ Gimbal OIS ใช้บันทึกวิดีโอระดับ FHD ที่ 60fps ได้ นอกจากนี้ยังมีกล้องหลัง 3 ตัว กล้องหลัก ความละเอียดสูงสุด 50MP ใช้เซนเซอร์ Sony IMX890 ขนาด 1/1.56 นิ้ว ต่อมาเป็นกล้อง Telephoto ความละเอียด 32MP กันสั่น OIS สามารถซูมแบบ Optical ได้ 3 เท่า และกล้องสุดท้ายเป็น Ultra-Wide ความละเอียด 13MP เปิดมุมกว้างได้ 120 องศา และมีกล้องหน้า ความละเอียด 32MP
ส่วนตัว ROG Phone 8 จะโดนตัดกล้อง Telephoto ออกไป และให้กล้อง Macro ความละเอียด 5MP มาแทน
สเปคของ ROG Phone 8 Pro Edition
สรุปสิ่งที่ ROG Phone 8 โดนลดสเปคลงมา
การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของเครื่อง
สรุปราคา และการจัดจำหน่าย
ในตอนนี้ ROG Phone 8 Series ก็ตบเท้าเข้ามาวางขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยมาด้วยกัน 3 รุ่นคือ ROG Phone 8 Pro Edition, ROG Phone 8 Pro และ ROG Phone 8 พร้อมกับราคาเริ่มต้นที่ 29,990 บาท เริ่มเปิดให้จับจองในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป
AIS Promotion
ราคาพิเศษเมื่อซื้อเครื่องพร้อมแพ็คเกจรายเดือนกับ AIS 5G
ROG Phone 8 ราคาเริ่มต้นที่ 25,690.-*, ROG Phone 8 Pro ราคาเริ่มต้นที่ 33,690.-* และ ROG Phone 8 Pro Edition ราคาเริ่มต้นที่ 43,690.-*
*เงื่อนไขตามที่ AIS กำหนด อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://m.ais.co.th/epHZ4PpuY
คุ้มอีกถึง 3 ต่อ !!
“พบกับโปรโมชันเปิดตัว ROG Phone 8 – Early Bird ซื้อก่อน คุ้มกว่าถึง 3 คุ้ม"
- คุ้มแรก :
ครั้งแรกกับการ Trade-in ‘เก่าแลกใหม่’ ที่สามารถนำเครื่องเก่ามาแลกเป็นส่วนลดได้ พร้อมรับส่วนลดเพิ่มอีก 3,000 บาท จากราคาประเมิน
เฉพาะร้านตัวแทนจำหน่ายสาขาที่ร่วมรายการเท่านั้น
เฉพาะวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 31 มีนาคม 2567
- คุ้มที่สอง :
ซื้อตอนนี้ รับเลย
1) DevilCase for ROG Phone 8 มูลค่า 1,490 บาท
2) Glass Screen Protector for ROG Phone 8 มูลค่า 590 บาท
ของแถมจำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลย
- คุ้มที่สาม :
สแกน QR Code เพื่อลงทะเบียน รับกระเป๋า ROG Slash Sling Bag 2.0 มูลค่า 1,990 บาท
สำหรับเฉพาะลูกค้าที่ซื้อรุ่น ROG Phone 8 (12/256) ทั้งสีเทา/สีดำ และ ROG Phone 8 Pro (16/512)
โดยโปรโมชันนี้เฉพาะวันที่ 1 – 18 กุมภาพันธ์ 2567 เท่านั้น”
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท