Nothing Phone (2a) สมาร์ทโฟนระดับกลางรุ่นล่าสุดจากแบรนด์ Nothing มาพร้อมคอนเซ็ปต์หลักอันเป็นเอกลักษณ์ ดีไซน์ฝาหลังโปร่งใสและแถบไฟ Glyph Interface ที่ไม่เหมือนใคร สเปคคุ้มค่าคุ้มราคา พร้อมหน้าจอ Flexible AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว รองรับรีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz ขับเคลื่อนโดยชิปเซ็ต MediaTek 7200 Pro 5G ที่พัฒนาขึ้นสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ กล้องคู่ 50MP เพิ่มแบตเตอรี่ให้จุกๆ ถึง 5,000mAh ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ที่เคยมีมาในบรรดาสมาร์ทโฟนของ Nothing

สั่งซื้อคลิก!

dotlife : https://www.dotlife.store/nothing-phone-2a.html

Shopee : https://shope.ee/LPrR2sCru

Lazada : https://s.lazada.co.th/s.NsyUd?cc

รูปลักษณ์ภายนอกLook & Design

Nothing Phone (2a) มีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 161.74 x 76.32 x 8.55 มม. น้ำหนัก 190 กรัม โดยสีที่มารีวิวในวันนี้เป็น "สีขาว" ฝาหลังเป็นวัสดุพลาสติกโปร่งใสโชว์ให้เห็นส่วนประกอบข้างในของตัวเครื่อง และด้วยความที่เป็นสีขาว เลยยิ่งทำให้เห็นดีไซน์ต่างๆ ชัดเจนมากขึ้น ดูล้ำสมัยสุดๆ แถมมีความมินิมอลด้วย เข้าได้กับทุกเพศทุกวัยเลยทีเดียว 

Nothing Phone (2a) มาพร้อมหน้าจอ Flexible AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ที่มีความละเอียด FHD+ (2412×1084 พิกเซล) รองรับอัตราการรีเฟรชเรทแบบปรับได้ 30-120Hz ความสว่างสูงสุด 1,300 nits ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5

บริเวณส่วนบนของหน้าจอใช้ดีไซน์กล้องหน้าแบบ Punch-Hole กล้องหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f/2.2 เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.74 นิ้ว เหนือขึ้นไปบริเวณขอบจอเป็นลำโพงเสียง 

ด้านบนของตัวเครื่อง Nothing Phone (2a) บริเวณข้างขวามีไมโครโฟนตัดเสียง

ด้านซ้ายของตัวเครื่อง มีปุ่มสำหรับเพิ่ม-ลดระดับเสียง ตัวปุ่มจะเป็นสีดำตัดกับขอบเครื่องสีขาว ทำให้มีความโดดเด่นและดูเท่ไปอีกแบบ

ด้านขวาของตัวเครื่อง เป็นปุ่ม Power สำหรับล็อคหน้าจอและเปิด-ปิดเครื่อง ตัวปุ่มเป็นสีดำเช่นเดียวกับปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง

ด้านล่างของตัวเครื่อง Nothing Phone (2a) ทางซ้ายสุดเป็นช่องใส่ถาดซิมการ์ด รองรับ Nano SIM (4FF) ถัดมาเป็นช่องไมโครโฟนตัดเสียง พอร์ต USB Type-C อยู่ตรงกลาง และช่องลำโพงเสียงอยู่ถัดไปทางขวา

ด้านหลังของตัวเครื่อง จัดวางโมดูลกล้องไว้ตรงกลางด้านบน กล้องหลังคู่ 2 ตัว วางเรียงเป็นแนวนอนให้คล้ายกับ "ดวงตา" พร้อมแถบไฟ Glyph Interface 3 แถบ อยู่รอบโมดูลกล้อง

  • กล้องหลัก : ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.88 เซ็นเซอร์ขนาด 1/1.56 นิ้ว
  • กล้อง Ultra-Wide : ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.76 นิ้ว

เสริมด้วยไฟแฟลช LED อยู่บริเวณมุมโมดูลกล้องด้านขวา และบริเวณมุมซ้ายล่างของตัวเครื่องมีคำว่า Nothing

สเปคเบื้องต้นของ Nothing Phone (2a)

  • ขนาดตัวเครื่อง : 161.74 x 76.32 x 8.55 มม.
  • น้ำหนัก : 190 กรัม
  • หน้าจอแสดงผล : Flexible AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว, ความละเอียด FHD+ (2412×1084 พิกเซล) 394PPI, รองรับอัตราการรีเฟรชเรทแบบปรับได้ 30-120Hz, อัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 240Hz, ความถี่ PWM 2160Hz, HDR10+, สี 10-bit, ความสว่างสูงสุด 1300 nits, ป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5
  • หน่วยประมวลผล : MediaTek Dimensity 7200 Pro 4nm Gen2 Octa Core ความเร็วสูงสุด 2.8GHz
  • RAM : 8GB / 12GB
  • พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน : 128GB / 256GB
  • กล้องหน้า ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.2 เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.74”
  • กล้องหลัง 2 ตัว ได้แก่
    • กล้องหลัก : ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสง f/1.88, เซ็นเซอร์ขนาด 1/1.56”, รองรับกันสั่น OIS และ EIS, บันทึกวิดีโอ 4K สูงสุด 30 fps, 1080p 60fps, 1080p 120fps (ภาพช้า)
    • กล้อง Ultra Wide : ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล 114° พร้อมรูรับแสง f/2.2 เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.76“
  • SIM : Nano-SIM (4FF)
  • ระบบปฏิบัติการ : Android 14 ครอบทับด้วย Nothing OS 2.5
  • รองรับเครือข่าย : 5G SA/NSA (n1, n3, n5, n7, n8, n20, n28, n38, n40, n41,n66, n77, n78 bands), Dual 4G VoLTE, Wi-Fi 6 802.11ax (2.4GHz/5GHz) MIMO, Bluetooth 5.3, GPS, USB Type-C, NFC
  • พอร์ต : USB Type-C
  • การกันน้ำกันฝุ่น : ระดับ IP54
  • ระบบความปลอดภัย : เซ็นเซอร์ลายนิ้วมือบนหน้าจอ
  • แบตเตอรี่ : 5000mAh รองรับการชาร์จเร็ว 45W

จุดเด่นน่าสนใจSpecial & Features

ความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใคร ดีไซน์สุดล้ำเหนือจินตนาการ

จุดเด่นของ Nothing Phone (2a) รุ่นนี้แน่นอนว่าต้องเป็นดีไซน์โมดูลกล้องแบบใหม่ เพราะเป็นจุดที่ดึงดูดสายตามากที่สุด ทาง Nothing ได้ออกแบบให้กล้องคู่วางเรียงกันเป็นแนวนอนอยู่บริเวณตรงกลาง จากเดิมที่วางเรียงเป็นแนวตั้งอยู่บริเวณมุมด้านซ้าย มีดีไซน์คล้ายกับ ดวงตา ที่มาพร้อมกับสโลแกน Fresh Eyes ล้อมรอบด้วยขดลวด NFC และมีไฟ Glyph Interface 3 แถบอยู่บริเวณรอบ

ยังคงคอนเซ็ปต์หลักของ Nothing คือดีไซน์ตัวเครื่องแบบโปร่งใสเห็นส่วนประกอบภายใน ดีไซน์ภายในบริเวณด้านล่างได้รับแรงบันดาลใจจากแผนที่รถไฟใต้ดินนิวยอร์กของ Massimo Vignelli ออกแบบขดลวดให้มีความโค้งมน เรียบง่ายสง่างาม โดยในรุ่นนี้ฝาหลังรวมถึงรอบตัวเครื่องเป็นวัสดุพลาสติก ช่วยลดลายนิ้วมือได้เป็นอย่างดี ไม่ค่อยทิ้งคราบ สามารถเช็ดถูทำความสะอาดได้ง่าย และด้วยความที่เป็นพลาสติก ทำให้ตัวเครื่องมีความเบามาก ถือจับสบาย ไม่หนักมือ

Glyph Interface ลูกเล่นแสงมากประโยชน์

หากพูดถึงสมาร์ทโฟนจากแบรนด์ Nothing จุดเด่นที่โดดเด่นที่สุดแน่นอนว่าต้องเป็น Glyph Interface ลูกเล่นแสงอันเป็นเอกลักษณ์ที่มีมาตั้งแต่รุ่นแรกเลย ในรุ่นนี้มาพร้อมฟังก์ชันล้ำสมัยถึง 15 ฟังก์ชัน สามารถปรับแต่งให้เข้ากับการใช้งานได้หลายรูปแบบ ช่วยเพิ่มความสนุกในการใช้งาน โดยแถบไฟจะกระพริบไปตามจังหวะเพลงหรือวิดีโอที่เล่น และมีประโยชน์ในหลายด้านไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือน, เสียงเรียกเข้า, ตัวจับเวลา, บอกระดับเสียง ฯลฯ

 

การทำงานควบคู่กับระบบกล้องคือว่าเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานได้อย่างมาก สามารถใช้ไฟ Glyph Interface แทนการใช้แฟลชในการถ่ายภาพได้ แสงไฟที่ได้จะมีความสว่างสีคล้ายไฟที่เน็ตไอดอลใช้ และเมื่อเปิดใช้งานตัวจับเวลาขณะถ่ายภาพแถบไฟ Glyph Interface จะทำงานขึ้นและแสดงการนับถอยหลังให้ทราบผ่านแถบไฟ ซึ่งการทำงานจะเป็นเช่นเดียวกับการคว่ำหน้าจอลงเพื่อนับเวลาถอยหลัง

 

หน้าจอใหญ่สะใจ สีสวย ภาพคมชัดระดับ FHD+

Nothing Phone (2a) มาพร้อมหน้าจอ Flexible AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ที่มีความละเอียด FHD+ (2412×1084 พิกเซล) รองรับอัตราการรีเฟรชเรทแบบปรับได้สูงสุด 120Hz ขอบเขตสี DCI-P3 ความสว่างสูงสุด 1,300 nits แสดงผลภาพออกมาได้ดีมาก ภาพสวยคมชัด สีสันสดใส ต่อให้แสงแดดจะแรงขนาดไหนก็สามารถสู้ได้แบบสบายๆเลย ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 ทนทาน ใช้งานได้อย่างสบายใจ

ขุมพลัง Dimensity 7200 Pro กระบวนการผลิต 4nm Gen 2 ของ TSMC

เพื่อประสิทธภาพในการงานที่ดีที่สุด และเป้าหมายในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ใช้ ทาง Nothing ได้ปรับแต่งชิปเซ็ต Dimensity 7200 Pro ร่วมกับ MediaTek ซึ่งเป็นชิปเซ็ตของสมาร์ทโฟน Nothing Phone (2a) โดยเฉพาะ ใช้กระบวนการในการผลิตแบบ 4nm Gen 2 ของ TSMC จับคู่กับ RAM Booster 12 + 8GB ความเร็วการประมวลผลสูงสุดถึง 2.8GHz แม้ว่า Nothing Phone (2a) จะไม่ได้เป็นรุ่นเรือธง แต่ก็มีประสิทธิภาพและทรงพลังมากขึ้น เมื่อเทียบกับ Nothing Phone (1)

มอบภาพถ่ายที่คมชัด ด้วยระบบกล้องคุณภาพสูง

  • กล้องหลัง 2 ตัว ได้แก่
    • กล้องหลัก ความละเอียด 50MP
    • กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 50MP
  • กล้องหน้า ความละเอียด 32MP

แม้จะมีกล้องเพียงแค่ 2 ตัว แต่ Nothing Phone (2a) มาพร้อมฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ระดับสูงที่ให้คุณภาพของภาพถ่ายออกมานั้นดีเกินคาด เพื่อพิสูจน์ว่าคุณภาพที่ดีกว่าไม่ใช่กล้องที่มีจำนวนมากขึ้น พร้อม TrueLens Engine อัลกอริทึมการถ่ายภาพด้วยระบบคอมพิวเตอร์ขั้นสูงที่ช่วยปรับเพิ่มรายละเอียดในทุกภาพถ่าย รายละเอียดต่างๆ ในระบบกล้องที่น่าสนใจ มีดังนี้

  • Ultra XDR Nothing ได้ทำการพัฒนาระบบกล้องร่วมกับ Google โดยเลนส์กล้องจะจับภาพ 8 เฟรมในรูปแบบ RAW ที่มีระดับแสงที่ต่างกัน และระบบจะทำการปรับความสว่างของแต่ละพิเซลสูงสุด 5 ครั้ง เพื่อให้ได้คอนทราสต์ระหว่างแสงและเงาที่มีความจัดจ้าน สมจริงและแม่นยำมากขึ้น
  • โหมดกลางคืน ถ่ายรูปในที่ที่มีแสงน้อยได้อย่างสบายใจ เก็บรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน โดยระบบจะทำการจัดกลุ่มพิกเซลเข้าด้วยกัน สร้างเป็นกลุ่มขนาดใหญ่โดยใช้ระบบกันสั่น (OIS) เพื่อเพิ่มเวลาเปิดรับแสง ช่วยเพิ่มรายละเอียดและมิติในรูปถ่ายมากยิ่งขึ้น
  • Motion Capture เมื่อตรวจพบวัตถุเคลื่อนไหว ระบบจะทำการปรับความเร็วชัตเตอร์แบบไดนามิก โดยการจับภาพแบบหลายเฟรม และนำมารวมกันให้ได้ภาพที่ชัดเจนมากที่สุด
  • Portrait Optimiser อัลกอริทึม AI จะทำการตรวจจับใบหน้าในเฟรม แม้บุคคลในภาพจะอยู่ไกลออกไป ระบบจะปรับเพิ่มความละเอียด และคงโทนผิวเดิมไว้ ไม่ว่าสภาพแสงในภาพจะเป็นอย่างไรก็ตาม

แบตฯ ขนาดใหญ่ พร้อมระบบระบายความร้อนที่ดียิ่งขึ้น

Nothing Phone (2a) มีแบตเตอรี่ 5,000 mAh ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่มีแบตเตอรี่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยมีมาในบรรดาสมาร์ทโฟนทุกรุ่นของ Nothing และได้เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานแบตเตอรี่ให้ยาวนานขึ้น 25% ในการชาร์จแบต 1,000 รอบ สามารถรักษาแบตเตอรี่ได้มากกว่า 90% เทียบการชาร์จแบบรายวันนานกว่า 3 ปี ช่วยให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องได้ถึง 2 วัน รองรับการชาร์จเร็ว 45W สามารถชาร์จจาก 0 - 50% ภายในเวลา 23 นาที และ 0 - 100% ภายในเวลาเพียง 59 นาทีเท่านั้น

พร้อมระบบระบายความร้อนที่ดียิ่งขึ้น ด้วย Vapour Chamber ที่มีขนาดใหญ่พิเศษถึง 3,200 มม. สามารถกระจายความร้อนได้รวดเร็วและสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น พื้นที่ระบายความร้อนขนาดใหญ่ถึง 12,000 มม. พร้อมชั้นกราไฟต์ขนาด 0.11 มม. เพื่อการถ่ายเทความร้อนที่รวดเร็ว

ทดสอบการเล่นเกม

ROV : จากการทดสอบขณะเล่นเกมโดยการปรับค่าทุกอย่างให้อยู่ในระดับที่สูงที่สุด​ ภาพ HD ระดับสูงมาก การแสดงผลระดับสูงมาก​ พาร์ติเคิลสูงมาก​ และปรับแสงสว่างที่สุด ภาพที่ได้ออกมานั้นมีความสมูท สวยและสีสดมากๆ​ ค่าเฟรมเรตคงที่อยู่ที่ ​60fps แม้ในขณะที่ต่อสู้เยอะๆ ก็สามารถแสดงรายละเอียดแสงและเงาออกมาได้น่าประทับใจ​ ไม่มีอาการหน่วง แต่มีอาการร้อนที่ฝาหลังค่อนข้างเยอะ เนื่องจากใช้กราฟิกที่สูง อาจทำให้ตัวเครื่องทำงานหนักมากไป

PUBG Mobile : จากการทดสอบขณะเล่นเกมโดยการปรับค่าทุกอย่างให้อยู่ในระดับที่สูงที่สุด กราฟฟิกอยู่ที่ HDR HD (สูงสุดที่ตั้งได้สำหรับ Nothing Phone (2a)) เฟรมเรตระดับ Ultra ความละเอียดของภาพแบบ 4x และเปิดความสว่างสูงสุด 150% ภาพในเกมฉากไกลๆ จะมีความฟุ้งๆ ลายเส้นวัตถุไม่ค่อยคมชัด แต่ถือว่าทำออกมาได้ดีอยู่พอสมควรในสมาร์ทโฟนระดับเดียวกัน ไม่มีอาการหน่วง​ เรื่องแบตเตอรี่ก็ถือว่าอึดในระดับนึงเลย เล่นไปชั่วโมงกว่าๆ จากแบต 100% ลดลงไปแค่ 10-20% เท่านั้นเอง

ตัวอย่างภาพจากกล้องSample & Photo

 

 

เมนู & ฟังก์ชันMenu & Function

ระบบปฏิบัติการ

 

หน้าตา UI

  • หน้าจอหลัก

  • หน้าจอล็อก

  • หน้าจอแอปพลิเคชั่น

Glyph Composer

ถือเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจอย่างนึงของแบรนด์ Nothing เลย เพราะทางแบรนด์ได้ทำแอป Glyph Composer ซึ่งเป็นแอปสำหรับแต่งเสียงริงโทนโดยเฉพาะ โดยจะมีชุดเสียงให้เลือกใช้ถึง 10 ชุดเสียง และแต่ละชุดเสียงจะมีเสียง รวมถึงการกระพริบของแสงที่แตกต่างกัน ช่วยเพิ่มความสนุกในการใช้งานด้วยการปรับแต่งเสียงริงโทนตามแบบจังหวะที่เราชื่นชอบ ให้ได้เสียงริงโทนที่เป็นเอกลักษณ์และไม่เหมือนใคร

 

 

ปรับแต่ง Glyph Interface

Glyph Interface เป็นการทำงานของแถบไฟด้านหลังอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของทาง Nothing ซึ่งทำงานควบคู่กับการใช้งานในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือน, เสียงเรียกเข้า, ตัวจับเวลา, บอกระดับเสียง ฯลฯ ซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าไปปรับแต่งการทำงานของแถบไฟให้เข้ากับการใช้งานของตัวเองได้ง่ายๆ โดยการเข้าไปที่ การตั้งค่า > Glyph Interface

 

แผงทางลัด

การเปิดเรียกแผงทางลัดสามารถทำได้ง่ายๆ โดยการปัดหน้าจอลงมาหนึ่งครั้ง จะพบกับปุ่มทางลัดสำหรับการใช้งานด่วนไม่ว่าจะเป็น WiFi, Bluetooth, โหมดเครื่องบิน, ไฟฉาย, Glyphs เป็นต้น ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งการจัดวางของปุ่มต่างๆ ได้ เพียงแค่กดปัดหน้าจอลงมาอีกหนึ่งครั้งจะเจอเครื่องมือสัญลักษณ์ปปากกาอยู่บริเวณขวามือด้านล่างของปุ่มต่างๆ เมื่อกดเข้าไปจะเจอหน้ารวมของปุ่มทางลัดทั้งหมด สามารถจัดวางตำแหน่งได้ตามความต้องการเลย

 

 

ปรับแต่งแพ็กไอคอน

Nothing ได้ทำหน้าตาไอคอนให้มีความเรียบแบบ minimal ไม่เหมือนใคร ตามแบบฉบับของแบรนด์ ช่วยคุมโทนได้ดีมากๆ เมื่อมองที่ไอคอนทำให้รู้ทันทีว่านี่คือ Nothing Phone แต่หากชินกับการใช้หน้าตาไอคอนแบบ Android ทั่วไป สามารถเข้าไปปรับแต่งได้ โดยการเข้าไปที่ การตั้งค่า > การปรับแต่ง > ค่าเริ่มต้น / แพ็กไอคอน

 

 

 

วิดเจ็ตหน้าจอล็อก

วิดเจ็ตหน้าจอล็อก ช่วยเพิ่มความสวยงามให้หน้าจอล็อกมีความโดดเด่น และช่วยให้เข้าถึงข้อมูลต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว เช่น สภาพอากาศและอุณหภูมิในปัจจุบัน ทิศทาง หรือจะตั้งภาพถ่ายที่ชื่นชอบก็ได้ สามารถเลือกใช้วิดเจ็ตและจัดวางได้เองง่ายๆ ในแบบฉบับของตัวเอง โดยการ เข้าไปที่ การตั้งค่า > หน้าจอล็อก > วิดเจ็ตหน้าจอล็อก

 
 
 

การปลดล็อกอุปกรณ์

การปลดล็อกอุปกรณ์มีให้เลือก 2 รูปแบบ ได้แก่ สแกนลายนิ้วมือและสแกนใบหน้า สามารถเข้าไปเปิดใช้งานได้ที่ การตั้งค่า > ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว > การปลดล็อค

 

การนำทาง

การนำทางเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้สามารถเข้าถึงสิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งมีให้เลือกใช้งาน 2 แบบ คือ การนำทางด้วยท่าทางสัมผัสและการนำทางแบบ 3 ปุ่ม สามารถปรับแต่งโดยการเข้าไปที่ การตั้งค่า > ระบบ > ท่าทางสัมผัส > โหมดการไปยังส่วนตัว

 

 

การทดสอบความเร็วและการแสดงผลของ Nothing Phone (2a)

  • ผลการทดสอบประสิทธิภาพความเร็ว AnTuTu Benchmark : 664989 คะแนน
  • ผลการทดสอบประสิทธิภาพโดยรวม Geekbench 6
    • Single-Core :  1084 คะแนน
    • Multi-Core : 2496 คะแนน
  • ผลการทดสอบกราฟิกด้วย 3D MARK (Wild Life) : 4136 คะแนน
  • ผลตรวจสอบระบบสัมผัสหน้าจอแบบ Multitouch สูงสุด 10 จุด

 

 

ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box พบเซ็นเซอร์ ดังนี้

  • Accelerometer Sensor ตรวจวัดความเร่งจากการโน้มเอียง
  • Light Sensor ตรวจจับแสงสว่าง
  • Orientation Sensor เซ็นเซอร์ปรับมุมมองหน้าจอ
  • Proximity Sensor ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนาแนบหู
  • Gyroscope Sensor เซ็นเซอร์ตรวจจับลักษณะการหมุนของสมาร์ทโฟน
  • Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
  • Magnetic Sensors เซ็นเซอร์ตรวจจับแม่เหล็ก

ราคาและการวางจำหน่าย

Nothing Phone (2a) มาด้วยกัน 2 สี ได้แก่ สีดำและสีขาว วางจำหน่ายพร้อมกันอย่างเป็นทางการวันที่ 19 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป เปิดให้สั่งจองล่วงหนัา (Pre-Oder) แล้ววันนี้ไปจนถึง 17 มีนาคม 2567 ที่ www.dotlife.store และ dotlife ทุกสาขา รายละเอียดความจุและราคา มีดังนี้

  • รุ่นความจุ 8 + 12GB มีราคาอยู่ที่ 11,499 บาท
  • รุ่นความจุ 12 + 256GB มีราคาอยู่ที่ 12,999 บาท

อ่าน

แบ่งปันบทความ

ข้อมูลมือถือ

รีวิวโดย: มนัญชยา รัตนอำพล ภาพโดย: สิรภพ ผิวทอง
วันที่ 31 มีนาคม 2567

VIEWS

แบ่งปันบทความ

สินค้าออนไลน์

ขึ้นด้านบน