OPPO Reno13 F 5G และ OPPO Reno13 5G สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจาก OPPO Reno13 Series ผสานลวดลายผีเสื้ออันงดงาม นำพาไปสู่โลกกว้างใหญ่ เสมือนการเปลี่ยนแปลงและการเริ่มต้นใหม่ครั้งใหญ่ในเอกลักษณ์ใหม่ของ Reno Series ที่ได้รับการออกแบบเพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานสมาร์ตโฟนให้เหนือกว่า ด้วยการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยี AI อันทรงพลังและฟีเจอร์อันล้ำสมัย ทั้งในด้านการถ่ายภาพ, การเล่นเกม, การเชื่อมต่อ 5G, และประสิทธิภาพโดยรวม ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัวที่รองรับการถ่ายภาพที่หลากหลายและเทคโนโลยี AI Livephoto ที่จะช่วยให้การถ่ายภาพและวิดีโอเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ ในขณะเดียวกัน AI HyperBoost และ AI LinkBoost 2.0 ก็ช่วยให้การเล่นเกมลื่นไหลและเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็วไม่มีสะดุด แบตเตอรี่ขนาดใหญ่และการชาร์จไว ทำให้ OPPO Reno13 Series เป็นสมาร์ตโฟนอีกหนึ่งรุ่นที่พร้อมมอบประสบการณ์และความคุ้มค่าตลอดการใช้งาน
ประสบการณ์การถ่ายภาพสมบูรณ์แบบด้วย AI และฟีเจอร์ล้ำสมัย
OPPO Reno13 F 5G และ OPPO Reno13 5G มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ได้แก่
ในส่วนของกล้องหน้า OPPO Reno13 F 5G มีกล้องหน้า ความละเอียด 32MP พร้อมรูรับแสง f/2.4 ส่วน OPPO Reno13 5G มีกล้องหน้า ความละเอียด 50MP พร้อมรูรับแสง f/2.0 รองรับ AF
AI Livephoto
เปิดประสบการณ์ใหม่ของการถ่ายภาพด้วย AI Livephoto บน OPPO Reno13 Series 5G ที่สามารถบันทึกวิดีโอ 1.5 วินาทีก่อนและหลังการกดชัตเตอร์ พร้อมเทคโนโลยีลดการสั่นไหว (EIS) และการขยายเฟรมแบบไดนามิก ช่วยให้คุณได้ภาพถ่ายและวิดีโอที่คมชัด สมบูรณ์แบบในทุกสถานการณ์
ยกระดับการแสดงผลด้วยการอัปเกรดวิดีโอจาก 1080P เป็น 2K พร้อมเทคโนโลยี Pro XDR ที่เพิ่มความคมชัดและความสดใสในทุกคีย์เฟรม อีกทั้งยังมีเอฟเฟกต์รีทัชและฟิลเตอร์ที่หลากหลายให้คุณปรับแต่งภาพถ่ายได้ตามสไตล์ของตัวเอง นอกจากการถ่ายภาพแล้ว AI Livephoto ยังช่วยให้การปรับแต่งภาพเป็นเรื่องง่าย ด้วยฟิลเตอร์ เอฟเฟกต์แต่งหน้า และการแก้ไขแบบเรียลไทม์ คุณสามารถเพิ่มลายน้ำ ใส่กรอบภาพ หรือแปลงภาพ Livephoto เป็น GIF และวิดีโอ พร้อมแชร์บนโซเชียลมีเดียยอดนิยมอย่าง Instagram และ WhatsApp ได้ทันทีผ่าน O+ Connect ที่เชื่อมต่อกับ iOS อย่างไร้รอยต่อ
โหมดถ่ายภาพใต้น้ำ
OPPO Reno13 Series เป็นสมาร์ตโฟนราคาระดับกลางรุ่นเดียวจาก OPPO ที่มาพร้อม โหมดถ่ายภาพใต้น้ำโดยเฉพาะ สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการถ่ายภาพผ่านมือถือ ที่ไม่ได้มีดีแค่การถ่ายภาพใต้น้ำ แต่ยังช่วยให้การบันทึกภาพเป็นเรื่องง่ายและได้คุณภาพสูงสุด
ด้วยมาตรฐานกันน้ำและฝุ่นระดับ IP69 สมาร์ตโฟนรุ่นนี้สามารถใช้งานใต้น้ำได้ลึกถึง 2 เมตร นานสูงสุด 30 นาที โดยโหมดถ่ายภาพใต้น้ำจะช่วยปรับการทำงานของกล้องให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ เช่น การโฟกัส สี และคอนทราสต์ เพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนสีและการบิดเบือนของสีที่เกิดขึ้นใต้น้ำ ทำให้ได้ภาพถ่ายและวิดีโอที่คมชัด สีสันสดใส และดูเป็นธรรมชาติ
เปรียบเทียบ ภาพถ่ายเหนือน้ำ กับ ภาพถ่ายใต้น้ำ
นอกจากนี้ การควบคุมกล้องในโหมดนี้ยังทำได้สะดวกด้วยปุ่มปรับระดับเสียง เพิ่มความคล่องตัวในการถ่ายภาพหรือวิดีโอใต้น้ำโดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอโดยตรง พร้อมมอบความอิสระในทุกการถ่ายภาพใต้น้ำอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีฟังก์ชัน ระบายน้ำออกจากตัวเครื่องที่ทำได้ง่ายและรวดเร็ว เพียงแตะแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
โหมด Master Filters
โหมดฟิลเตอร์พิเศษนี้ ช่วยเพิ่มความพิเศษให้กับการถ่ายภาพพอร์ตเทรต ด้วยฟิลเตอร์ที่มีโทนสีที่สวยและโดดเด่น เหมือนถ่ายด้วยกล้องฟิล์ม ฟิลเตอร์จะปรับสีและคอนทราสต์ให้ภาพดูมีมิติและสวยงามขึ้น เพิ่มความลึกให้กับภาพและเน้นรายละเอียดใบหน้าและพื้นหลัง ช่วยสร้างบรรยากาศเฉพาะตัวได้อย่างมีสไตล์ โดยไม่ต้องใช้การแต่งภาพเพิ่มเติม
AI Editor ฟีเจอร์ AI สำหรับการถ่าย/แต่งภาพที่น่าสนใจ
หลังจากถ่ายภาพด้วยฟีเจอร์ AI Livephoto เสร็จแล้ว สามารถนำภาพมาแก้ไขได้เลยทันทีใน AI Editor เพื่อปรับแต่งและยกระดับคุณภาพของภาพถ่ายได้อย่างง่ายดาย ด้วยฟีเจอร์ที่ทันสมัยและหลากหลาย
สัมผัสพรีเมี่ยมและดีไซน์การออกแบบที่เหนือชั้น
OPPO Reno13 F 5G มาพร้อมฝาหลังกระจกผิวด้านดีไซน์ใหม่ ด้วยความที่เป็นผิวด้าน เวลาใช้งานจึงไม่ค่อยขึ้นรอยนิ้วมือ ทำให้จับได้ถนัดมือมากขึ้นและยังช่วยให้เวลาถือใช้งานไม่ลื่นไหลหรือหลุดออกจากมือง่ายๆ อีกด้วย
เครื่องที่ทาง Siamphone ได้มารีวิวในรุ่นนี้ จะเป็นตัวเครื่องสี Plume Purple ความพิเศษของสีนี้จะเป็นพื้นผิวขนนกที่สร้างขึ้นโดยแสงเลเซอร์เขียนโดยตรงแบบเฉดสีเทาบนเลเยอร์ของพื้นผิว สร้างการไหลของแสงและเงา ทำให้เกิดเอฟเฟกต์ลวดลายปีกผีเสื้ออันงดงามและเป็นเอกลักษณ์ใหม่สำหรับ OPPO Reno13 Series ซึ่งสื่อให้นึกถึงการเปลี่ยนแปลงและการเริ่มต้นใหม่
ส่วน OPPO Reno13 5G ที่ทาง Siamphone ได้มารีวิว จะเป็นตัวเครื่องสี Plume White ซึ่งจะมีดีไซน์ใหม่เป็นลวดลายปีกผีเสื้อเหมือนกับ OPPO Reno13 F 5G
สำหรับ OPPO Reno13 F 5G มีมาให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 สี ได้แก่
ส่วน OPPO Reno13 5G จะมีมาให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 2 สี ได้แก่
OPPO เพิ่มความพิเศษให้กับ OPPO Reno13 Series 5G โดยตัวเครื่องสีฟ้า Luminous Blue จะมีดีไซน์วงแหวน Luminous Loop ที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งวงแหวนนี้เปล่งแสงรอบกล้องสะท้อนการออกแบบที่ล้ำสมัย ไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงาม แต่ยังเป็นการต่อยอดนวัตกรรมจากรุ่นก่อน ๆ และมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้อีกด้วย
OPPO Reno13 Series 5G มาพร้อมดีไซน์ขอบเหลี่ยม ช่วยให้ขณะใช้งานสามารถถือจับได้อย่างถนัดมือมากขึ้น กรอบรอบเครื่องของ OPPO Reno13 F 5G เป็นกรอบโลหะผสมที่ความทนทานและแข็งแรงสูง จับแล้วรู้สึกได้ถึงความพรีเมี่ยม ส่วนกรอบรอบเครื่องของ OPPO Reno13 5G จะเป็นวัสดุเช่นเดียวกับ OPPO Reno13 F 5G แต่เสริมด้วยกรอบอลูมิเนียมเกรดอากาศยาน ทำให้มีความเบาบาง และแข็งแรงมากกว่า
ในส่วนของหน้าจอ OPPO Reno13 F 5G มาพร้อมหน้าจอแสดงผล AMOLED กว้าง 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 x 2400 พิกเซล) อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 92.2% รองรับอัตราการรีเฟรชเรทถึง 120Hz และความสว่างสูงสุดถึง 1200 nits แสดงผลลื่นไหล ชวนให้ดื่มด่ำกับคอนเท้นต์ที่กำลังรับชมอยู่ ช่วยให้มองเห็นได้ดีแม้เล่นกลางแจ้งในวันที่แสงแดดจ้า มีโหมดแสงน้อย ช่วยให้ใช้งานได้อย่างสบายตาในช่วงดึก อีกทั้งยังรองรับการสัมผัสหน้าจอโดยตรงได้อย่างแม่นยำและราบรื่นแม้สวมจะถุงมือหนาถึง 5 มิลลิเมตรอยู่ก็ตาม
ส่วน OPPO Reno13 5G มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล AMOLED กว้าง 6.59 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1256 × 2760 พิกเซล) อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 93.4% รองรับอัตราการรีเฟรชเรทถึง 120Hz และความสว่างสูงสุดถึง 1200 nits แสดงผลภาพออกมาได้อย่างสดใสและคมชัด อีกทั้งยังได้รับการรับรองจาก HDR10+, Amazon HD&HDR และ Netflix HD&HDR อีกด้วย
เล่นเกมราบรื่น ด้วยประสิทธิภาพ AI ขั้นสูงและการเชื่อมต่อที่เหนือกว่า
เทคโนโลยี AI LinkBoost 2.0 เป็นเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูลเครือข่ายที่ทาง OPPO พัฒนาขึ้นเอง เพิ่มความเร็วในการสลับสัญญาณอินเทอร์เน็ต หรือเครือข่ายมือถือ เพื่อรักษาการเชื่อมต่อที่ราบรื่น และลดอาการแล็กขณะเล่นเกม แม้ในพื้นที่ที่มีสัญญาณเครือข่ายที่ไม่ดี เช่น รถไฟใต้ดิน หรือในลิฟต์
AI HyperBoost ที่ช่วยให้เฟรมเรตคงที่และประสบการณ์การเล่นเกมที่ราบรื่น สามารถเล่น Mobile Legends Bang Bang ได้ถึง 8 ชั่วโมง ด้วยเฟรมเรตเฉลี่ย 59.6 FPS และมีฟังก์ชัน AI Frame Stabilizer ที่ลดความล่าช้าแม้ใช้งานหนัก นอกจากนี้ OPPO Reno13 Series 5G ยังได้รับการจัดอันดับ S-Class จากการทดสอบของ TÜV South Deutsche Group
แบตเตอรี่ยาวนาน ชาร์จไว พร้อมใช้งานตลอดทั้งวัน
ในส่วนของแบตเตอรี่ OPPO Reno13 F 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5,800mAh อายุการใช้งานยาวนานถึง 4 ปี ทาง OPPO เผยว่าเป็นแบตเตอรี่ที่อึดที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน OPPO Reno Series และเป็นหนึ่งในแบตเตอรี่ที่ดีที่สุดในสมาร์ทโฟนระดับราคาเดียวกัน สามารถใช้งานได้นานถึง 2.16 วัน และเล่นเกม CandyCrush ได้นานถึง 14.4 ชั่วโมง และเมื่อชาร์จ 5 นาที สามารถเล่น Youtube ได้นานถึง 1.23 ชั่วโมง ซึ่งแบตเตอรี่ขนาดเท่านี้ เพียงพอสำหรับใช้งานตลอดทั้งวันแน่นอน อีกทั้งยังรองรับการชาร์จไว 45W SUPERVOOC รวดเร็วทันใจ ไม่ต้องรอนาน
ส่วน OPPO Reno 13 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,600mAh อายุการใช้งานยาวนานถึง 5 ปี สามารถชาร์จได้ถึง 17% ภายใน 5 นาที และชาร์จเต็ม 100% ได้ภายในประมาณ 47 นาที และเมื่อชาร์จ 10 นาที สามารถเล่น Youtube ได้นานถึง 4.0 ชั่วโมง อีกทั้งยังรองรับการชาร์จไว 80W SUPERVOOC ถือว่าไวมากจริงๆ
ขุมพลังอันทรงพลัง เสริมด้วยประสิทธิภาพที่เหนือกว่า
OPPO Reno13 F 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon® 6 Gen 1 ควบคู่ RAM 12GB + ROM 256GB / 512GB ซึ่งออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมในการใช้งานทุกประเภท ทั้งการเล่นเกม, การทำงานหลายอย่างพร้อมกัน และการเชื่อมต่อ 5G อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในด้านการประหยัดพลังงานและการจัดการความร้อนที่ดีกว่า ทำให้สามารถใช้งานได้นานโดยไม่เกิดปัญหาความร้อนสูงหรือการกระตุกในระหว่างการใช้งานหนัก
ส่วน OPPO Reno13 5G มาพร้อมกับชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8350 ควบคู่ RAM 12GB + ROM 256GB / 512GB ซึ่งมีประสิทธิภาพที่ดีในด้านการประมวลผลกราฟิกและการเชื่อมต่อ 5G ซึ่งจะโดดเด่นในเรื่องการประหยัดพลังงานและการใช้งานที่ยาวนาน เมื่อเทียบกับ OPPO Reno13 F 5G
สเปคเบื้องต้นของ OPPO Reno13 F 5G
สเปคเบื้องต้นของ OPPO Reno13 5G
OPPO Reno 13 F 5G และ OPPO Reno 13 5G มีความแตกต่างกันเพียงบางจุดเท่านั้น โดยรุ่นน้องอย่าง OPPO Reno 13 F 5G มีขนาดรอบตัวเครื่องอยู่ที่ 162.20 x 75.05 x 7.76 มม. (สี Graphite Grey & สี Plume Purple) และ 162.20 x 75.05 x 7.82 มม. (สี Luminous Blue) น้ำหนัก 192 กรัม มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล AMOLED กว้าง 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1080 × 2400 พิกเซล) รองรับอัตรารีเฟรซเรทสูงสุด 120Hz
ส่วน OPPO Reno 13 5G มีขนาดรอบตัวเครื่องอยู่ที่ 157.90 x 74.73 x 7.24 มม. (สี Plume White) และ 157.90 x 74.73 x 7.29 มม. (สี Luminous Blue) น้ำหนัก 181 กรัม มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผล AMOLED กว้าง 6.59 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (1256 × 2760 พิกเซล) รองรับอัตรารีเฟรซเรทสูงสุด 120Hz
ด้านบนของหน้าจอทั้ง 2 รุ่น เป็นกล้องหน้าเจาะรูแบบ Punch-hole โดย OPPO Reno13 F 5G มีความละเอียด 32MP พร้อมรูรับแสงขนาด f/2.4 ส่วน OPPO Reno 13 5G มีความละเอียด 50MP พร้อมรูรับแสง f/2.0 เหนือขึ้นไปบริเวณขอบจอเป็นลำโพงเสียง ซึ่งรุ่น OPPO Reno 13 F 5G จะมีความใหญ่เล่นเห็นชัดมากกว่า รอบตัวเครื่องของทั้ง 2 รุ่น ประกอบไปด้วย
ราคาและการวางจำหน่าย
OPPO ได้ดำเนินการอัปเดตซอฟต์แวร์ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งสมาร์ตโฟนรุ่น Find X8, Reno 13, Reno 12 และ A3 ได้รับการอัปเดตผ่าน OTA และจะไม่มีแอปพลิเคชันสินเชื่อ “Fineasy” และ “สินเชื่อความสุข” อีกต่อไป โดย OPPO ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายปัจจุบันไม่มีการติดตั้งแอปสินเชื่อเหล่านี้ นอกจากนี้ บริษัทยังได้เพิ่มมาตรการกำกับดูแลแอปพลิเคชันจากบุคคลที่สาม โดยจะไม่ติดตั้งแอปสินเชื่อล่วงหน้า และแอปสินเชื่อที่ไม่ได้รับการรับรองจากธนาคารแห่งประเทศไทยจะไม่ปรากฏใน OPPO App Market อีกต่อไป
ในด้านความปลอดภัยของข้อมูล OPPO ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ โดยปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับด้านข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด ตามหลักการ “ถูกต้องตามกฎหมาย (Legality), ชอบธรรม (Legitimacy), และ Minimization” บริษัทให้ความเคารพต่อการตัดสินใจของผู้ใช้ และจะไม่เก็บรวบรวมหรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างชัดเจน ทั้งนี้ OPPO ได้จัดตั้งระบบปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่ครอบคลุม พร้อมมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล เช่น ISO 27001, ISO 27701, ISO 27018, PCI DSS และ CSA
เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับ OPPO ในฐานะแพลตฟอร์มผู้ให้บริการ โดยในอนาคต บริษัทมุ่งมั่นปรับปรุงระบบการประเมินคุณสมบัติของแอปพลิเคชันจากบุคคลที่สาม และจะไม่ร่วมมือกับบริษัทที่ไม่ผ่านมาตรฐาน นอกจากนี้ OPPO จะเสริมสร้างความร่วมมือกับองค์กรด้านความปลอดภัยชั้นนำเพื่อพัฒนามาตรการทางเทคนิค ลดความเสี่ยง และยกระดับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท