สำหรับ Nothing Phone (3a) Series มีการเปิดตัวมาด้วยกัน 2 รุ่นคือ Nothing Phone (3a) และ Nothing Phone (3a) Pro แต่รุ่นที่ทางเราได้มารีวิวเป็นรุ่น Nothing Phone (3a) โดยดีไซน์ยังบอกความเป็นตัวตนของแบรนด์ Nothing ให้ฝาหลังแบบโปร่ง พร้อมไฟ Glyph Interface แต่ส่วนที่พัฒนาขึ้นมาจะเป็นในเรื่องของกล้องถ่ายรูป ที่ให้กล้อง Telephoto เน้นการซูมมากขึ้น และทำงานร่วมกับระบบ AI นอกจากนี้ยังเป็นการกลับมาของชิปเซ็ตจาก Qualcomm ซึ่ง Nothing Phone (3a) จะถูกขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 7s Gen 3
ดีไซน์รอบตัวเครื่องของ Nothing Phone (3a) จะเป็นแบบขอบเรียบ มีขนาดตัวเครื่องที่ 163.52x77.5x8.35 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 201 กรัม
กล้องหลัง 3 ตัว มาพร้อมกล้อง Telephoto
Nothing Phone (3a) มารอบนี้เพิ่มกล้องหลังมาเป็น 3 ตัว โดยกล้องที่เพิ่มเข้ามาเป็นกล้อง Telephoto เซนเซอร์ขนาด 1/2.74 นิ้ว ความละเอียด 50MP เพิ่มพลังในการซูม Optical 2 เท่า และสามารถใช้เซนเซอร์ซูมให้ภาพเป็นแบบ Lossless ได้ 4 เท่า ส่วนกล้องอีก 2 ตัวเป็นกล้องหลัก เซนเซอร์ขนาด 1/1.57 นิ้ว ความละเอียด 50MP กันสั่น OIS กับ EIS และกล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 8MP เปิดมุมกว้างได้ 120 องศา ทั้งนี้ยังสามารถถ่ายวิดีโอได้สูงสุด 4K ที่ 30fps และมีกล้องหน้า ความละเอียด 32MP
TrueLens Engine 3.0 ระบบ AI เสริมภาพสวย
สมัยนี้ไม่มี AI มาช่วยกล้องถ่ายรูปไม่ได้แล้ว ซึ่ง Nothing Phone (3a) ก็มีระบบ TrueLens Engine 3.0 เป็นระบบทำงานร่วมกันระหว่างฮาร์ดแวร์ และระบบ AI ให้ภาพถ่ายที่ออกมามีความสวยงามมากขึ้น ให้คุณภาพโทนสีที่สมบูรณ์ รวมไปถึงรายละเอียดของภาพ และเงา นอกจากนี้ยังมีโหมด Ultra XDR ที่พัฒนาร่วมกับ Google เพิ่มระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่นล่าสุดให้เทคโนโลยี HDR ที่สมบูรณ์ จัดการความสว่างในแต่ละพิเซลถึง 5 เท่า ช่วยในการถ่ายภาพย้อนแสงได้อย่างสวยงาม
หน้าจอแสดงผล AMOLED ปรับความสว่างได้สูงสุด 3000nits
ในส่วนหน้าจอแสดงผล ยังให้หน้าจอแบบ Flat พาแนล AMOLED กว้าง 6.77 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตรา Refresh Rate สูงสุด 120Hz แบบ Adaptive และยังปรับความสว่างได้สูงสุด 3000nits ไม่พอแค่นั้นหน้าจอยังมีความทนทานสูง ด้วยประครอบทับของกระจก Panda Glass
การกลับมาของชิปเซ็ตจาก Qualcomm
หลังจาก Nothing Phone (2a) มีการเปลี่ยนไปใช้ชิปเซ็ตจาก MediaTek แต่สำหรับ Nothing Phone (3a) มีการเปลี่ยนกลับมาใช้ชิป จากฝั่ง Qualcomm อีกครั้ง โดยได้ใช้ชิปเซ็ตระดับกลางตัวแรงอย่าง Qualcomm Snapdragon 7s Gen 3 ซึ่งมีความเร็วมากกว่า Nothing Phone (2a) ถึง 33% พร้อมชิปกราฟิก Adreno 800 เล่นเกมได้ลื่น และยังมีการจัดการพลังงานได้สมบูรณ์ นอกจากนี้ยังส่งผลให้การทำงานของ AI มีการประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
ปุ่มเสริม Essential Key เพื่อ Essential Space
ทางซ้ายตัวเครื่องของ Nothing Phone (3a) จะมีปุ่มเสริมที่ชื่อว่า Essential Key โดยสามารถกดเพื่อเรียกใช้งานด่วน เพื่อจับภาพ, บันทึกเสียง, และเซฟ Content ต่างๆ ซึ่งทั้งหมดเมื่อกดใช้งานจะมีการเก็บไปยัง Essential Space พื้นที่สำหรับการทำงานร่วมกับ AI อยากจะปรับแต่ง หรือให้ AI ช่วยอะไรก็สามารถเข้าไปยัง Essential Space ได้เลย
ตัวเครื่องทนทาน พร้อมมาตรฐาน IP64
นอกจากหน้าจอจะมีกระจก Panda Glass เพิ่มความทนทานไปแล้ว ด้านฝาหลังก็มีการครอบทับด้วยกระจกนิรภัยระดับสูงเช่นเดียวกัน ไม่พอแค่นั้นยังเปลี่ยนวัสดุฝาหลังเป็นกระจก จากเดิมใช้เป็น polycarbonate และตัวเครื่องได้มาตรฐานกันฝุ่นกันน้ำ IP64 กันน้ำแบบสาดได้สบายๆ
เอกลักษณ์ไฟ Glyph Interface แบบเดิม
ความเป็นเอกลักษณ์ของ Nothing Phone อย่างไฟ Glyph Interface ยังคงจัดมาให้เช่นเดิม โดยจะอยู่ที่ฝาหลัง 3 แถบ จะมีการเล่นแสงตามตั้งค่าไว้ ไม่ว่าเป็นการแจ้งเตือน เป็นต้น
แบตเตอรี่สุขภาพดีนาน 3 ปี 4 เดือน ชาร์จเร็ว 50W
ขนาดแบตเตอรี่ที่ได้มามีขนาด 5,000mAh ซึ่งสามารถใช้งานเบาๆ ได้สบายตลอดทั้งวัน และแบตเตอรี่ยังถูกออกแบบมาอย่างดี ให้มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปี 4 เดือน ด้วยการทดสอบมาแล้วจากการชาร์จกว่า 1,200 ครั้ง ทั้งนี้ยังรองรับการชาร์จเร็วผ่านสาย 50W สามารถชาร์จ 1% ถึง 100% ในระยะเวลาเพียง 56 นาที
สเปคของ Nothing Phone (3a)
ราคา และการจัดจำหน่าย
ในตอนนี้ Nothing Phone (3a) มีวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีให้เลือก 3 สีคือ สีขาว, สีดำ และสีน้ำเงิน สนนราคาเริ่มต้นที่ 12,499 บาท (8GB+128GB) และ 14,499 บาท (12GB+256GB) วางจำหน่ายผ่านทาง Jaymart, DotLife, PowerMall, Lazada, Shopee, Power Buy, และ AIS
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท