เรียกว่าตามอารมณ์ Apple ไม่ทันจริงๆ หลังจาก iPad Air M2 ถูกเปิดตัวไปไม่นานถึงปี ค่ายยักษ์ใหญ่โลโก้ผลไม้ก็ส่ง iPad Air M3 ออกสู่ตลาดแบบติดๆ แถมยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาก หากเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ ก็คงมีแต่ชิปเซ็ตที่ขยับขึ้นจาก M2 เป็น M3 ถ้าว่ากันตามตรงใครที่ซื้อ iPad Air M2 ไปก่อนหน้าก็มีหลังหักกันนิดหน่อย แต่จะถึงขึ้นต้องซื้อเปลี่ยนใหม่เลยหรือไม่ ต้องรอดูในการรีวิว (ตัวที่ได้มาจะเป็นหน้าจอ 11 นิ้ว)
iPad Air M3 มีขนาดตัวเครื่องเท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนกันยันเงา
หน้าจอแสดงผลก็เหมือนเดิมแบบเรียบ Liquid Retina กว้าง 11 นิ้ว และ 13 นิ้ว ขอบเขตสีกว้าง P3 รองรับ True Tone และเคลือบสารกันแสงสะท้อน
อัปเกรดใหม่ ชิปเซ็ต M2 เปลี่ยนเป็น M3
ใครที่มี iPad Air M2 อยู่แล้ว จะพูดว่าหลังหักนิดหน่อยก็ว่าได้ เพราะ iPad Air M2 มีการเปิดตัวไปก่อนหน้า iPad Air M3 ราวๆ 8-9 เดือนเท่านั้น แถมมาพร้อมชิปเซ็ตใหม่อย่าง Apple M3 ที่เร็วแรงขึ้น แต่เอาจริงๆ การอัปเกรดครั้งนี้ ก็ไม่ได้หนักหนาเท่าไหร่ เพราะ Apple M3 มีความแรงมากขึ้นไม่มากนัก และยังมี CPU 8-Core , GPU 9-Core และ Neural Engine 16-Core เหมือนเดิม แต่มีการปรับสถาปัตยกรรมนิดหน่อย ทำให้เรื่องประสิทธิภาพการทำงานยังดูไม่ต่าง ทั้งการทำงานตัดต่อ หรือการประมวลผล AI เป็นต้น แต่หากนำไปเปรียบเทียบกับ M1 ถือว่าแรงมากขึ้นเกือบ 2 เท่า
ประสบกาณ์ Ray Tracing จาก Hardware
จุดนี้อาจจะเป็นข้อดีของ iPad Air M3 ก็ว่าได้ เพราะได้ประสบการณ์การเล่นเกมบนเทคโนโลยี Ray Tracing ช่วยให้ภาพแสงสีภายในเกมดูสมจริงสวยงาม (เฉพาะเกมที่รองรับ) ซึ่ง iPad Air M2 ไม่รองรับฟีเจอร์นี้
ใช้งาน Apple Intelligence ได้ดีขึ้น
อีกจุดขายของอุปกรณ์จาก Apple ช่วงหลังๆ จะเป็นเรื่องของ AI ที่ทาง Apple เรียกว่า Apple Intelligence ซึ่ง iPad Air M3 ก็มีการทำงานที่ดีขึ้น ประมวลผลได้รวดเร็วขึ้น ใช้งานได้สบายๆ ทั้งการสร้างภาพตามคำอธิบาย, ตรวจคำผิด, สรุปข้อความเสียง และเครื่องมือลบในภาพ เป็นต้น
รองรับไฟล์วีดิโอ HEVC ระดับ 8K และ H.264 ที่ 4K
การทำงานด้านตัดต่อทำได้ดีขึ้น โดยรองรับไฟวิดีโอแบบ HEVC ได้สูงสุดถึง 8K และ H.264 ที่ 4K ถือว่าได้ไฟล์แบบเล็กๆ แต่คุณภาพยังอัดแน่น สายตัดต่อไม่ควรพลาด
หน้าจอเดิมๆ Liquid Retina
หน้าจอแสดงผลมาแบบเดิมๆ โดยได้หน้าจอ Liquid Retina พาแนล IPS-LCD มีให้เลือก 2 ขนาดคือ 11 นิ้ว และ 13 นิ้ว สำหรับ 11 นิ้ว มีความละเอียด 2360x1640 พิกเซล ปรับความสว่างได้สูงสุด 500nits และ 13 นิ้ว มีความละเอียด 2732x2048 ปรับความสว่างได้มากขึ้นเป็น 600nits ทั้งคู่ยังเป็นจอรีเฟรช 60Hz
กล้องถ่ายรูปเหมือนเดิม 12MP หน้าหลัง
ด้านกล้องถ่ายรูปก็ยังไม่ได้ลงลึกมาก ยังเน้นใช้งานพื้นฐาน ด้วยความละเอียด 12MP ในขณะที่กล้องหน้า รองรับฟังก์ชั่น Center Stage ปรับตำแหน่งของการวิดีโอคอลให้อยู่ตรงกลางเสมอ
รองรับ Apple Pencil Pro และ Magic Keyboard
iPad Air M3 ยังรองรับการใช้งานร่วมกับปากกา Stylus เหมือนเดิม โดยรองรับทั้ง Apple Pencil Pro และ Apple Pencil (USB-C) พร้อมเพิ่มความสะดวกในการพิมพ์มากขึ้นด้วย Magic Keyboard เพียงแปะก็ใช้พิมพ์งานกันได้แบบสะดวกๆ
สรุปให้แบบเบาๆ
เอาตรงๆ หากใครมี iPad Air M2 อยู่แล้ว ก็ไม่ค่อยคุ้มที่จะเปลี่ยนเท่าไหร่ เพราะ iPad Air M3 มีการอัปเกรดขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น เห็นหลักๆ ก็คือชิป M3 ที่มีแต่ Ray Tracing เพิ่มภาพสวยงามในการเล่นเกมเท่านั้น และความแรงที่เพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย แต่หากใครที่มี iPad Air M1 หรือรุ่นเก่าๆ ที่ยังมีปุ่ม Home ด้านหน้า ก็ถือว่า iPad Air M3 เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจในการเปลี่ยนเครื่องใหม่
สเปคของ iPad Air M3
ราคา และการจัดจำหน่าย
สำหรับ iPad Air M3 มีการเปิดตัว และวางขายในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย สนนราคาเริ่มต้นที่ 21,900 บาท มีให้เลือก 4 สีคือ สีเทาสเปซเกรย์, สีฟ้า, สีม่วง และสีสตาไลท์ ส่วนตัวเลือกอื่นๆ ตามไปดูได้ตามลิ้งค์ที่อยู่ตรงนี้ https://www.apple.com/th/shop/buy-ipad/ipad-air
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท