realme ยกระดับมาตรฐานสมาร์ทโฟนแฟลกชิปไปอีกขั้น ด้วยการส่ง GT 7 และ GT 7T ลงสนามพร้อมกัน โดยวางจุดขายแบบเฉียบชัด GT 7 สำหรับคนที่ต้องการที่สุดของสเปค ทั้งชิปฯ Dimensity 9400e ระดับไฮเอนด์ตัวล่าสุด หน้าจอ 6000 nits กล้องโปร และระบบระบายความร้อนด้วยกราฟีน ส่วน GT 7T คืออีกทางเลือกที่แรงและครบครันในราคาย่อมเยา ทั้งชิปฯ Dimensity 8400-MAX อีกทั้งมาพร้อมกล้อง 4K, แบตเตอรี่ขนาดเดียวกัน 7000mAh และดีไซน์ที่โดดเด่นไม่แพ้กัน พร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนนิยามคำว่า “เรือธง” ให้เข้าถึงได้มากกว่าเดิม
realme GT 7 (12GB + 512GB)
realme GT 7T (12GB + 256GB)
หน้าจอ AMOLED สวยจัด สว่างจ้า ชัดทั้งกลางแจ้งและในที่ร่ม
หน้าจอของทั้งสองรุ่นคือระดับท็อปในกลุ่ม โดย GT 7 มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2780×1264 ความสว่างสูงสุดถึง 6000 nits รองรับ HDR10+ และ Dolby Vision เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้งหรือใช้ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงจ้า ส่วน GT 7T จะมีขนาด 6.8 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่า GT 7 เล็กน้อย ความละเอียด 2800×1280 ความสว่างสูงสุด 1800 nits มีความคมชัด เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป นอกจากนี้ทั้งคู่ยังมาพร้อม Touch Sampling Rate สูงสุด 2600Hz และระบบสัมผัสที่แม่นยำ แม้ใช้ในตอนที่มือเปียก
เล่นเกมลื่น แรงเสถียรในระดับเฟรมเรตสูง
ทั้งสองรุ่นรองรับเฟรมเรตสูงสุด 120FPS สำหรับเกมดังระดับโลก เช่น PUBG, MLBB, COD Mobile และอีกหลายเกม โดย GT 7 มีฟีเจอร์ GT Boost ที่ช่วยคาดการณ์การโหลดของชิประหว่างเล่นเกม ทำให้ควบคุมเฟรมเรตได้เสถียรกว่า พร้อมระบบระบายความร้อนที่ช่วยให้เล่นยาวนานโดยไม่เกิดอาการเฟรมดรอป ส่วน GT 7T มีความแรงของ Dimensity 8400-MAX เสริมด้วย VC Cooling ขนาดใหญ่ ช่วยให้การเล่นเกมต่อเนื่องเป็นไปอย่างราบรื่นไม่แพ้กัน
ชิปเซ็ตทรงพลังระดับท็อปของแต่ละกลุ่ม
realme GT 7 มาพร้อมขุมพลัง MediaTek Dimensity 9400e ชิปเซ็ตระดับไฮเอนด์ตัวล่าสุด ที่แรงติดอันดับ 3 ของสมาร์ทโฟน Android ในปีนี้ ด้วยการออกแบบสถาปัตยกรรมใหม่แบบ X4 Prime บนกระบวนการผลิต 4nm โดย TSMC และรองรับ AI ขั้นสูงผ่าน APU7.0 จนทำให้คะแนน AnTuTu ทะลุ Snapdragon 8 Gen 3 ไปกว่า 200,000 คะแนน ขณะที่ realme GT 7T ใช้ MediaTek Dimensity 8400-MAX ที่แม้เป็นรุ่นรอง แต่ก็แรงที่สุดในกลุ่มสมาร์ตโฟนระดับกลาง โดยมาพร้อมคะแนน AnTuTu เกิน 1.75 ล้าน และรองรับ AI Model เดียวกับรุ่นพี่ ตอบโจทย์เกมและงานที่ต้องใชักราฟิกหนักๆ ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่ราคาที่คุ้มค่ามากจริงๆ
ดีไซน์ IceSense พร้อมระบบระบายความร้อนเฉพาะตัว
GT 7 มาพร้อมนวัตกรรม IceSense Graphene ที่ใช้วัสดุกราฟีนแทรกระหว่างโครงสร้างฝาหลัง ทำให้ระบายความร้อนได้ดีกว่าฝาหลังไฟเบอร์กลาสถึง 24 เท่า และให้สัมผัสเย็นสบายในฤดูร้อน และอบอุ่นในฤดูหนาว ขณะที่ GT 7T ใช้ระบบระบายความร้อนแบบ Airflow VC ขนาด 7,700 มม² ซึ่งเป็น VC ขนาดใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม และครอบคลุมพื้นที่สมาร์ทโฟนถึง 65% ช่วยให้เครื่องไม่ร้อนแม้ใช้งานต่อเนื่อง
กล้อง 50MP พร้อมถ่ายวิดีโอใต้น้ำแบบ 4K
GT 7 ใช้กล้องหลังหลัก Sony IMX906 ส่วน GT 7T ใช้ IMX896 ซึ่งแม้จะต่างรุ่นแต่ยังคงความละเอียด 50MP พร้อมเทคโนโลยี Lightning Snap ที่จับภาพเร็วได้สูงสุด 50 ภาพ/วินาที รองรับโหมด Travel Style ที่ออกแบบมาเพื่อการถ่ายภาพเดินทางโดยเฉพาะ นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังรองรับ 4K Underwater Mode ให้คุณบันทึกวิดีโอใต้น้ำได้ชัดระดับ UHD โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม
แบตเตอรี่ 7000mAh กับชาร์จไว 120W ที่เร็วจัดทั้งคู่
ทั้ง GT 7 และ GT 7T มาพร้อมแบตเตอรี่ Titan ขนาดใหญ่ถึง 7000mAh รองรับการชาร์จไว 120W SUPERVOOC ที่ชาร์จจาก 1% ถึง 50% ภายใน 14 นาที และเต็ม 100% ภายใน 40 นาที โดย GT 7 มีฟีเจอร์ Smart Bypass ที่ช่วยส่งพลังงานตรงเข้าบอร์ดขณะเล่นเกม เพื่อลดการสะสมความร้อนและยืดอายุแบต ขณะที่ GT 7T แม้ไม่มีฟีเจอร์นี้ แต่ก็ได้เปรียบที่แบตใหญ่เท่ากันแต่เครื่องบางเบากว่า เหมาะกับการใช้งานทั่วไปทั้งวัน
ฟีเจอร์ AI อัจฉริยะ มาแบบครบครัน พร้อมตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่
GT 7 และ GT 7T ต่างก็อัดแน่นด้วยฟีเจอร์ AI อัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็น AI Planner ที่ช่วยสร้างตารางนัดหมายจากภาพ โพสต์ หรือข้อความบนหน้าจอเพียงแตะด้านหลังสองครั้ง รวมถึงฟีเจอร์ AI Glare Removal, AI Landscape+, AI Eraser, และ AI Gaming Coach ที่ช่วยลบวัตถุไม่ต้องการในภาพ เพิ่มความคมชัดของวิว และแจ้งเตือนสถานะเกมแบบเรียลไทม์ ทั้งสองรุ่นยังรองรับ Google Gemini ช่วยให้ประสบการณ์ AI สมาร์ตและครบเครื่องยิ่งขึ้น
ทั้งสองรุ่นมาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาดใหญ่ โดย GT 7 ใช้หน้าจอขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2780 x 1264 พิกเซล ขณะที่ GT 7T ใช้หน้าจอขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด 2800 x 1280 พิกเซล ทั้งคู่รองรับอัตราการรีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz และ Sampling Rate สูงสุดถึง 2600Hz ให้การตอบสนองที่แม่นยำและลื่นไหลระดับเสี้ยววินาที สำหรับการใช้งานกลางแจ้ง GT 7 โดดเด่นด้วยค่าความสว่างสูงสุดถึง 6000 nits พร้อมรองรับ HDR10+ และ Dolby Vision ส่วน GT 7T ให้ความสว่างสูงสุด 1800 nits รองรับ HDR10+ เช่นกัน
ด้านบนของหน้าจอทั้งสองรุ่นติดตั้งกล้องหน้าแบบ Punch-hole ความละเอียด 32MP ใช้เซนเซอร์ Sony IMX615 ขนาด 1/2.74 นิ้ว รูรับแสง f/2.4 รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K 60fps เรียกได้ว่ารอบตัวเครื่องของ realme GT 7 และ GT 7T มีความแตกต่างกันน้อยมาก ซึ่งประกอบไปด้วย
ราคาและการวางจำหน่าย
realme GT7 มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สี IceSense Black และสี IceSense Blue ความจุ 12 + 512GB วางจำหน่ายในราคา 22,999 บาท realme GT 7T มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สี IceSense Black และสี IceSense Blue เช่นเดียวกัน ความจุ 12 + 256GB วางจำหน่ายในราคา 17,999 บาท
เปิดให้พรีออเดอร์ได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. - 30 พ.ค. 68 ผ่าน realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ สามารถสั่งซื้อผ่าน realme Official Store บน Shopee, Lazada, TikTok Shop วันที่ 27 พ.ค. 68 เป็นต้นไป และจะวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศวันที่ 31 พ.ค. 68 เป็นต้นไป
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท