Redmi ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด Redmi Note 14 ในวันที่ 19 มิถุนายน 2568 โดยมาพร้อมสีใหม่ที่โดดเด่นอย่าง "Sand Gold" นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวรุ่นพิเศษ "Redmi Note 14 Pro 5G BamBam Limited Edition" ซึ่งมีลายเซ็นของแบมแบมบนตัวเครื่องสำหรับผู้ที่ชื่นชอบดีไซน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ
บทความนี้จะเน้นไปที่การนำเสนอข้อมูลของ Redmi Note 14 สี Sand Gold โดยเฉพาะความสามารถด้านการถ่ายภาพ, ฟีเจอร์ AI, และประสิทธิภาพการใช้งานโดยรวม
สิ่งที่ทำให้ Redmi Note 14 แตกต่างและโดดเด่นกว่าคู่แข่งในตลาดระดับเดียวกัน คือการผสมผสานนวัตกรรมและฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงได้อย่างลงตัว
นวัตกรรมกล้อง 108MP พร้อม AI อัจฉริยะ : จุดขายหลักคือระบบกล้องหลังความละเอียดสูงถึง 108MP ที่ทำงานร่วมกับชุดฟีเจอร์ AI ที่ครบครัน ตั้งแต่การลบวัตถุ (AI Erase), การเปลี่ยนท้องฟ้า (AI Sky), ไปจนถึงการถ่ายวิดีโอแบบกล้องคู่ (Dual Video) ทำให้เป็นเครื่องมือสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ทรงพลังและยืดหยุ่นกว่าคู่แข่ง
แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5500mAh : ในขณะที่สมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ในตลาดให้แบตเตอรี่ที่ 5000mAh, Redmi Note 14 ให้ความจุมาถึง 5500mAh ซึ่งหมายถึงระยะเวลาการใช้งานที่ยาวนานขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สามารถใช้งานหนักๆ ได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องกังวล
ดีไซน์พรีเมียมที่ยังคงฟังก์ชันสำคัญ : ตัวเครื่องในสี Sand Gold พร้อมฝาหลังผิวด้านให้ความรู้สึกหรูหราเกินราคา แต่ยังคงใส่ใจผู้ใช้งานด้วยการให้ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และ IR Blaster สำหรับควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ
ซอฟต์แวร์และผู้ช่วยอัจฉริยะ : การมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS และผู้ช่วยอัจฉริยะอย่าง Google Gemini และ AI Interpreter ทำให้ Redmi Note 14 ไม่ใช่แค่สมาร์ทโฟนสำหรับการใช้งานทั่วไป แต่เป็นผู้ช่วยในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง
ตัวเครื่อง Redmi Note 14 ในสี Sand Gold มาพร้อมดีไซน์ที่ให้ความรู้สึกพรีเมียม ฝาหลังมีพื้นผิวแบบด้าน (Matte) ช่วยลดรอยนิ้วมือและให้สัมผัสการจับถือที่ดี ตัวเครื่องมีขอบแบบแบน (Flat Frame) ซึ่งเป็นดีไซน์ที่ทันสมัย
เมื่อพิจารณาจากตัวเครื่องภายนอก
หน้าจอเป็นแบบ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว มีการเจาะรูตรงกลางด้านบนสำหรับกล้องหน้า (Punch-hole Display) ขอบจอบาง ให้พื้นที่การแสดงผลที่กว้างเต็มตา มีรีเฟรชเรทสูงสุด 120Hz เพื่อการแสดงผลที่ลื่นไหล และให้ความสว่างสูงสุด 1800nits ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนแม้ในที่แสงจ้า เพื่อความทนทาน หน้าจอใช้กระจก Corning Gorilla Glass 5 และตัวเครื่องมีคุณสมบัติกันฝุ่นและน้ำกระเซ็นในระดับ IP54
สเปคเบื้องต้น Redmi Note 14
Redmi Note 14 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS ซึ่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลและมีฟังก์ชันที่หลากหลาย
ทดสอบการใช้งานจริงกล้องและ AI ในทริปตะลุยคาเฟ่
เพื่อทดสอบฟังก์ชันกล้องและ AI อย่างเต็มที่ เราได้นำ Redmi Note 14 ไปทัวร์คาเฟ่และร้านอาหาร เพื่อดูว่ามันจะตอบโจทย์สายคอนเทนต์ในสถานการณ์จริงได้ดีแค่ไหน
การถ่ายภาพอาหารและเครื่องดื่ม: เริ่มต้นที่คาเฟ่เก๋ๆ เราได้สั่งกาแฟและเบเกอรี่มาทดสอบ กล้องหลัก 108MP ซึ่งให้ภาพที่คมชัดและเก็บรายละเอียดของอาหารได้น่าทึ่ง แต่ในภาพดันติดช้อนที่ไม่ต้องการมาด้วย เราจึงได้ลองใช้ AI Erase ซึ่งเป็นฟีเจอร์สำหรับลบวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากภาพ แค่เพียงใช้นิ้วลากครอบวัตถุ AI ก็จัดการลบช้อนออกไปอย่างเนียนกริบโดยไม่ต้องต่ออินเทอร์เน็ต
การถ่ายภาพบรรยากาศร้าน: เมื่อเดินออกมาหน้าร้านเพื่อถ่ายภาพมุมกว้าง แต่ท้องฟ้าในวันนั้นดูจืดชืดไปหน่อย จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ใช้ AI Sky ฟีเจอร์นี้ช่วยให้เปลี่ยนพื้นหลังท้องฟ้าในภาพได้อย่างง่ายดาย เพียงไม่กี่คลิกก็ได้ภาพร้านกาแฟที่มีท้องฟ้าสดใส ช่วยเปลี่ยนอารมณ์ของภาพไปโดยสิ้นเชิง
การถ่ายเซลฟี่กับเพื่อน: แน่นอนว่ามาเที่ยวก็ต้องมีรูปกลุ่ม กล้องหน้าความละเอียด 20MP ของ Redmi Note 14 มาพร้อมฟีเจอร์ Zoom AI ที่เมื่อตรวจพบว่ามีบุคคลในภาพตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ระบบจะสลับเป็นโหมดมุมกว้างให้โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องกลัวเพื่อนหลุดเฟรมอีกต่อไป พร้อมกันนี้ยังมีระบบ AI Beauty ที่ชาญฉลาด สามารถจดจำเพศ (Smart Gender Recognition) เพื่อปรับแต่งใบหน้าให้สวยงามเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ปรับผิวสำหรับผู้ชาย หรือฟีเจอร์เพื่อความงามอีก 11 รูปแบบสำหรับผู้หญิง
การสร้างสรรค์คอนเทนต์วิดีโอและภาพเคลื่อนไหว: นอกเหนือจากภาพนิ่ง สำหรับสายวิดีโอและ Content Creator ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีก 2 อย่างคือ
ตลอดทริปตัวเครื่องที่ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Helio G99-Ultra ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ลื่นไหล ไม่ว่าจะสลับแอปฯ ถ่ายรูป แต่งรูป หรือเล่นโซเชียลก็ไม่มีสะดุด ด้านพลังงานก็หายห่วงด้วยแบตเตอรี่ความจุ 5500mAh และรองรับเทคโนโลยีชาร์จไว 33W turbo charging ซึ่งใช้งานหนักๆ ได้ยาวนานตลอดทั้งวัน
จากการทดสอบ Redmi Note 14 Sand Gold ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่สวยงาม พร้อมระบบกล้องความละเอียดสูง 108MP ที่ทำงานร่วมกับชุดฟีเจอร์ AI ที่ทรงพลังและหลากหลาย ทำให้เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพและการสร้างสรรค์คอนเทนต์ เมื่อรวมกับประสิทธิภาพที่เพียงพอและแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน จึงถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ได้อย่างลงตัว
จอ OLED 10-bit
1188 x 2790 พิกเซล
กล้องหน้า 16MP
Qualcomm Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core
Android 13
RAM 8 GB
ROM 256 GB
4,310 mAh
ชาร์จไว 33W
nubia Flip สมาร์ทโฟน หน้าจอ 6.9 นิ้ว Snapdragon 7 Gen 1 Octa Core ราคา 19,990 บาท